เคล็ดลับฉบับดัตช์...ทำไมเด็กที่นี่ถึงมีความสุขที่สุดในโลก!
มาดูวิธีการเลี้ยงเด็กในประเทศเนเธอร์แลนด์กันค่ะ ว่าที่บ้านและที่โรงเรียนมีวิธีการดูแลกันอย่างไร
รอจะเขียนเรื่องนี้มานานมาพอสมควร เนื่องจากต้องการที่จะดูวิธีการเรียนการสอนทั้งจากทางโรงเรียนและทางครอบครัวโดยทั่ว ๆ ไปของดัตช์ว่าที่แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรเพื่อจะได้เอาประสบการณ์มาแบ่งปันเพื่อน ๆ ค่ะ
วันนี้แอดขอเขียนเล่าเป็นฉบับย่อก่อนนะคะ ในการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ที่นี่จะค่อนข้างมีขอบเขตที่ชัดเจนในเรื่อง
1. การให้ความรักและความอบอุ่นอย่างเต็มที่แก่เด็ก ๆ ค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่โรงเรียนผู้ใหญ่จะให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ ก่อนเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใหญ่กำลังคุยกันอยู่แล้วมีเด็ก ๆ วิ่งมาพูดอะไรให้เราฟัง ผู้ใหญ่ก็จะหยุดสนทนาแล้วหันมาฟังและพูดคุยกับเด็กจนจบก่อนค่ะถึงจะกลับไปคุยกันต่อ
ซึ่งการทำอย่างนี้จะทำให้เด็กรู้สึกกล้าพูด กล้าแสดงออกและมีความมั่นคงทางจิตใจ รวมถึงรู้สึกอบอุ่นใจที่มีผู้ใหญ่คอยรับฟังปัญหาและให้คำแนะนำช่วยเหลือ เป็นต้นค่ะ
ในบางหัวข้อที่เด็กสงสัยซึ่งผู้คนในบางประเทศอาจจะไม่สะดวกใจที่จะพูดหรือรู้สึกน่าอับอายในการที่จะพูดถึง แต่สำหรับที่ประเทศเนเธอร์แลนด์แล้วทุกคนสามารถพูดคุยกันและให้คำปรึกษากันได้ทุกเรื่องค่ะ
โดยที่ทางคุณครูหรือผู้ปกครองจะมีวิธีการพูดคุยที่ดี รับฟังปัญหาหรือข้อสงสัยได้ทุกอย่าง รวมถึงช่วยหาทางออกหาว่าเด็ก ๆ ต้องการความช่วยเหลือ ยกตัวอย่างเช่น ในการสอนเรื่องเพศ ที่นี่จะสอนกันตั้งแต่ประถมนะคะ
เด็ก ๆ จะรู้ว่าร่างกายชาย-หญิง แตกต่างกันอย่างไร, เด็ก ๆ เกิดมาได้อย่างไร, การเจริญเติบโตของร่างกายเป็นเช่นไรและเข้าใจสิทธิเสรีภาพของร่างกายของตนเอง
ส่วนบุคคลอื่นสัมผัสได้แค่ขนาดไหน หากมากกว่านั้นอาจหมายถึงว่ามีการละเมิดร่างกายของตนเอง หากมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นควรที่จะทำอย่างไร และควรมีความเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นรวมถึงบุคคลที่เป็น LGBTQ ด้วยค่ะ
ซึ่งวิธีการสอนก็จะเป็นไปอย่างมีระบบค่ะ ในช่วงที่มีการสอนเด็กเรื่องเพศ ทางโรงเรียนจะมีการส่งอีเมล์แจ้งให้ผู้ปกครองทราบด้วยนะคะ ว่าสัปดาห์ไหนจะมีการสอนเรื่องนี้ หากทางผู้ปกครองได้คำถามแปลก ๆ จากเด็กเกี่ยวกับเรื่องนี้จะได้ทำการรับมือในการตอบคำถามได้ค่ะ
2. การเรียนแบบไม่มีการแข่งขัน
ที่นี่จะไม่มีการให้เด็กแข่งขันกันเองนะคะ ใครสอบได้คะแนนเท่าไรจะวัดมาเป็นกราฟค่ะ ในแต่ละเทอม แต่ละปี เด็ก ๆ จะได้รับแฟ้มผลสอบมาให้ผู้ปกครองรับทราบถึงพัฒนาการเด็ก ๆ แบบของใครของมัน ไม่มีการโชว์ผลสอบในที่สาธารณะ รวมถึงการประกาศว่าใครได้ที่เท่าไร ใครเก่งหรือไม่เก่ง เพราะเด็ก ๆ ทุกคนมีความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันเพราะฉะนั้น ๆ เด็ก ๆ จึงเป็นคนเก่งกันทุกคนค่ะ
การเรียนที่นี่จะไม่มีการกดดัน ไม่มีการแข่งขัน เด็ก ๆ จึงไม่มีการอิจฉาริษยากัน ทำให้ระบบสังคมที่โรงเรียนดีและเพื่อน ๆ รักกันและช่วยเหลือกันดีค่ะ
ในการที่เด็ก ๆ จะเรียนดีได้ต้องใช้วิธีนี้ค่ะ “ไม่มีการแข่งขัน” แต่
3. เน้นไปที่การพัฒนาความหลงใหลในการเรียนรู้แทน
โดยการพยายามให้ความสำคัญกับการปลูกฝังความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก ๆ แทนค่ะ
เมื่อเด็กอยากรู้อยากเห็น เด็ก ๆ ก็จะกล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ และสนใจในเรื่องต่าง ๆ ในห้องเรียนมากขึ้น ที่นี่จะสอนแบบเน้นทั้งทฤษฎีและปฏิบัติค่ะ หากเด็ก ๆ จะกลับมาแบบตัวมอมแมมบ้างก็ไม่มีใครแปลกใจเพราะบางทีเด็ก ๆ อาจจะได้ไปเรียนรู้นอกสถานที่ คลุกดิน คลุกฝุ่นหรือตากฝนกันมาบ้างค่ะ
4. การให้อิสระเสรีภาพกับเด็ก ๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
รวมถึงให้เด็ก ๆ ได้มีเวลาเล่นกันได้อย่างสมวัยนี่ก็มีความจำเป็นอย่างสูงเช่นกัน ในชั้นประถมในช่วงปีแรก ๆ จะเรียนผสมเล่น พอขึ้นชั้น ป.4 หรือ ป.5 ในบางโรงเรียนก็จะเริ่มให้การบ้านเด็กเล็ก ๆ น้อย เพื่อให้เด็กหัดรู้จักในการรับผิดชอบงานและทำงานให้เสร็จตามเวลาค่ะ
เมื่อเจ้าตัวน้อยถึงเวลาเรียน ๆ ถึงเวลาเล่น ๆ เด็ก ๆ ก็จะมีความสุขในการไปโรงเรียนและมีความมั่นใจในตัวเอง ได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านการเรียน พัฒนาทางด้านอารณ์และสังคม รวมถึงมีประสบการณ์ที่ดีในวัยเด็กให้จดจำ พร้อมที่จะเติบโตมีความมั่นคงทางจิตใจในด้านดี ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เด็ก ๆ เหล่านี้เติบใหญ่กลายเป็นอนาคตที่ดีของชาติต่อไปค่ะ
สำหรับเรื่องเด็ก ๆ นี่ยังมีอีกเยอะค่ะที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสอนอย่างไรให้เด็ก ๆ มีความรู้รอบตัว การเสริมทักษะในด้านต่าง ๆ ให้แก่เด็ก
รวมถึงการสอดใส่การเรียนการสอนลงไปให้เด็ก ๆ ได้ซึมซับอย่างได้ผลและเป็นธรรมชาติโดยที่เด็ก ๆ ไม่รู้ตัวเป็นต้นค่ะ เอาไว้เดี๋ยวแอดจะเล่าใหฟังอีกนะคะ แล้วเจอกันค่ะ
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
