8 ธ.ค. 2021 เวลา 15:34 • สิ่งแวดล้อม
The sound of the jungle : เสือดำหนึ่งชีวิตกับโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือนของนายเปรมชัย
ผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้วนับตั้งแต่วันที่มีข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ 2561 ถึงการจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูตและพรรครวมรวมทั้งหมด 4 คนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เขตอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีของกลางเป็นซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อและหนัง ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง ปืน และกระสุนปืนจำนวนมาก
คดีนี้ได้รับความสนใจและเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างรวดเร็ว เพราะขณะนั้นนายเปรมชัย กรรณสูตเป็นถึงประธานบริหารและกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด มหาชน
บุคคลที่มีชื่อเสียง มีตำแหน่งใหญ่โตขนาดนี้กลับเข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งผิด พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ตามมาตรที่ 53 ห้ามมีผู้ใดบุกรุกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และมาตาราที่ 54 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่า หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับผลสรุปของคดีมากมาย ว่าสุดท้ายแล้วความยุติธรรมจะมีอยู่จริงหรือไม่ เงินและอำนาจจะอยู่เหนือความยุติธรรมหรือไม่ คนทำผิดจะลอยนวลหรือไม่ และเสือดำจะตายฟรีหรือไม่
หลังจากผ่านการพิจารณาคดีมาถึง 3 ศาล ได้แก่ ศาลชั้นต้น ที่สั่งตัดสินจำคุก 16 เดือนโดยไม่รอลงอาญาจากความผิดทั้งหมด 6 ข้อหา (ยกฟ้อง 1 ข้อหา), ศาลอุทธรณ์ เพิ่มโทษนาย เปรมชัยเป็นจำคุก 2 ปี 14 เดือนโดยไม่รอลงอาญา
จนถึงศาลสุดท้ายก็คือ ศาลฎีกา ซึ่งจะถือว่าผลการตัดสินครั้งนี้เป็นคำชี้ขาดและเป็นการปิดคดี โดยศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ วันที่ 8 ธันวาคม 2564 ผลการตัดสินออกมาว่า
- นาย เปรมชัย กรรณสูต จำคุก 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา
- นาย ยงค์ โดดเครือ (คนขับรถ) จำคุก 2 ปี 9 เดือน ไม่รอลงอาญา
- นาย ธานี ทุมมาศ (พรานป่า) จำคุก จำคุก 2 ปี 13 เดือน ไม่รอลงอาญา
- นาง นที เรียมแสน (แม่ครัว) ที่คดีสิ้นสุดไปตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับเงิน 40,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
และจำเลยทุกคนต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายคดีแพ่ง ให้แก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท
ผลการตัดสินที่ออกมาวันนี้ ยากที่จะบอกว่าเป็นบทลงโทษที่เหมาะสมแล้วหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็แสดงให้เห็นว่ายังมีบทลงโทษสำหรับคนทำผิดไม่ว่าคนผู้นั้นจะรวยแค่ไหนก็ตาม
▪️ ทำไม ‘ซากเสือดำ’ ถึงเป็นเรื่องใหญ่?
เสือเป็นสัตว์ผู้ล่าที่อยู่ชั้นบนของห่วงโซ่อาหาร โดยเฉพาะในป่าแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างประเทศไทยที่ไม่มีสิงโต เสือจึงเป็นผู้ล่าที่คอยควบคุมประชากรของเหยื่อ รักษาสมดุลของระบบนิเวศ
ด้วยความเป็นผู้ล่า จำนวนประชากรตามธรรมชาติจึงมีน้อยอยู่แล้ว ประกอบกับปัจจุบันพื้นที่ป่าถูกทำลายทำให้สัตว์ที่เป็นเหยื่อมีจำนวนลดลงอย่างมาก จำนวนประชากรของผู้ล่าจึงลดน้อยลงไปอีกอย่างช่วยไม่ได้ เสือที่ยังหลงเหลืออยู่ในป่าประเทศไทยมีเพียงแค่หลักร้อยตัวเท่านั้น
#เสือดำ ไม่ใช่พันธุ์ แต่เป็นเสือที่มีความผิดปกติของเม็ดสี ทำให้เห็นเป็นสีดำ ความจริงแล้วยังมีลายเหมือนเสือทั่วไปเพียงแค่มองเห็นได้ยาก
ดังนั้นสำหรับ ‘เสือ’ ที่เรียกได้ว่าหายากมากในป่าประเทศไทยแล้ว ‘เสือดำ’ กลับหายากยิ่งกว่า
1
การที่นาย เปรมชัย ถูกพบพร้อมซากเสือดำจึงถือเป็นเรื่องใหญ่และทำร้ายความรู้สึกของนักอนุรักษ์ จนเกิดกระแสตามมามากมาย
เสือดำพูดไม่ได้ สัตว์ป่าพูดไม่ได้ ถูกรุกล้ำพื้นที่อาศัย ถูกใครก็ไม่รู้ทำลายพื้นที่อาศัย ถูกล่า ถูกฆ่า ก็พูดไม่ได้ มีเพียงแค่คนที่มองเห็นความสำคัญของบรรดาสิ่งมีชีวิตร่วมโลกเหล่านี้เท่านั้น ที่พอจะช่วยพูดแทนได้
1
มนุษย์ตักตวงจากธรรมชาติมากจนเกินพอ นอกจากจะไม่ให้คืน ยังเบียดเบียนต่อไปไม่มีสิ้นสุด สิ่งมีชีวิตทั้ง สัตว์ คน ต้นไม้ ควรจะสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันและอาศัยอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องทำลายฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ถึงแม้เสือดำจะพูดไม่ได้ ถึงแม้เสือดำที่ตายแล้วจะไม่ฟื้นขึ้นมา แต่วันนี้อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเสือดำไม่ได้ตายฟรี
References >>

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา