11 ธ.ค. 2021 เวลา 22:29 • สุขภาพ
หมากแข้ง" เป็นคำที่ใช้เรียกของพืชชนิดนี้ของคนอีสาน คนไทยภาคกลางจะเรียกว่า "มะเขือพวง" คนทั่วไปอาจจะสับสนชื่อกับพืชอีกชนิดหนึ่งที่คล้ายกัน คนอีสานเรียกว่า “หมากแข้งขม” ซึ่งก็คือ “มะแว้ง” ตามชื่อเรียกไทยภาคกลาง ซึ่งเป็นพืชคนละชนิดกันกับหมากแข้งที่กล่าวนี้
.
หมากแข้ง เป็นไม้พุ่ม เป็นพืชวงศ์เดียวกันกับมะเขือ ( วงศ์ Solanceae) ส่วนที่นิยมรับประทานคือผล ซึ่งมีลักษณะกลมผิวเรียบ สีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีส้ม
คนอีสาน นิยมรับประทานหมากแข้งเป็นผักเครื่องเคียงกินกับแจ่ว ป่น ลาบ หรือทำเป็นซุบ เรียกว่าซุบหมากแข้ง (คนละแบบกับซุปภาคกลาง) หมากแข้ง มีคุณค่าทางโภชนาการ คือ พบแร่ธาตุที่สำคัญเช่นธาตุเหล็ก แมงกานีส แคลเซียม ทองแดง และสังกะสี และวิตามินเอ และซี ในการแพทย์แผนไทย ใช้หมากแข้ง เป็นยาช่วยเจริญอาหาร ย่อยอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้ไอ สารพฤกษเคมีที่พบเป็นสารหลักคือสารจำพวก steroidal glycosides เช่น torvoside และสารจำพวกฟลาโวนอยด์ เช่น quercetin, rutin
จากการค้นคว้างานวิจัยของหมากแข้ง พบว่าเป็นงานในระดับหลอดทดลอง และสัตว์ทดลอง ดังนี้
.
1. สารสกัดหมากแข้งมีศักยภาพที่จะปกป้องความเป็นพิษต่อหัวใจในหนู เมื่อหนูได้รับสารบางชนิดที่เป็นพิษต่อหัวใจในการทดลอง
.
2. หนูที่ได้รับสารสกัดหมากแข้ง สามารถปกป้องการทำลายเซลล์ท่อไตได้ โดยหนูได้รับสารพิษต่อไตบางชนิดในการทดลองก่อนให้สารสกัดหมากแข้ง
.
3. เมื่อป้อนสารพฤกษเคมีที่พบในหมากแข้งบางชนิด ในหนูที่เหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวาน พบว่าสามารถป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูง จากการป้อนกลูโคส นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดหมากแข้งยังมีฤทธิ์ต้านเอนไซม์ย่อยน้ำตาล จึงเป็นการลดการดูดซึมน้ำตาลได้อีกด้วย
.
4. สารสกัดหมากแข้งสามารถลดระดับคลอเลสเตอรอลทั้งหมด และลดการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ซึ่งอาจมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจหลอดเลือดได้ด้วย
.
นอกจากนี้สารสกัดหมากแข้งยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดี มีฤทธิ์ต้านการอับเสบ ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันโรคเรื้อรังบางชนิดได้
.
อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้อมูลในการศึกษาในมนุษย์มีน้อย จึงสนับสนุนให้รับประทานในรูปแบบเป็นอาหาร เพราะนอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนการแล้ว อาจมีสรรพคุณเพื่อป้องกันโรคเรื้อรังดังกล่าวได้
.
ถ้าชอบกด like ถ้าใช่กด share ได้ครับ
โฆษณา