15 ธ.ค. 2021 เวลา 12:52 • ปรัชญา
ถ้ามัวรอให้รู้เรื่องที่ไม่จำเป็นเสียก่อนก็ตายเปล่า
มาลุงกยบุตร! เปรียบเหมือนบุรุษผู้หนึ่ง ถูกลูกศรอันกำซาบด้วยยาพิษอย่างแรงกล้า มิตร อำมาตย์ ญาติสายโลหิต จัดการเรียกแพทย์ผ่าตัดผู้ชำนาญ บุรุษอย่างนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ถ้าเรายังไม่รู้จักตัวบุรุษผู้ยิงเรา ว่าเป็นกษัตริย์ พราหมณ์ เวสส์ ศูทร ชื่อไร โคตรไหน ฯลฯ ธนูที่ใช้ยิงนั้นเป็นหน้าไม้หรือเกาทัณฑ์ ฯลฯ เสียก่อนแล้ว เรายังไม่ต้องการจะถอนลูกศรอยู่เพียงนั้น มาลุงกยบุตร! เขาไม่อาจรู้ข้อความที่เขาอยากรู้นั้นได้เลย ต้องตายเป็นแท้!
อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้นเหมือนกัน บุคคลผู้นั้นกล่าวว่า เรายังจักไม่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักของผู้มีพระภาคเจ้า จนกว่าพระองค์จักแก้ปัญหาทิฏฐิสิบประการแก่เราเสียก่อน และตถาคตก็ไม่พยากรณ์ปัญหานั้นแก่เขา เขาก็ตายเปล่า โดยแท้
มาลุงกยบุตร! ท่านจงรู้ซึ่งสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ไว้ โดยความเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ รู้ซึ่งสิ่งที่เราพยากรณ์ไว้ โดยความเป็นสิ่งที่เราพยากรณ์
อะไรเล่าที่เราไม่พยากรณ์?
คือความเห็นสิบประการว่า โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง โลกมีที่สิ้นสุด โลกไม่มีที่สิ้นสุด ฯลฯ (เป็นต้น) เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์
มาลุงกยบุตร! อะไรเล่าที่เราพยากรณ์?
คือสัจจะว่า “นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์ และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์” ดังนี้ นี้เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์
เหตุใดเราจึงพยากรณ์เล่า?
เพราะสิ่งๆนี้ ย่อมประกอบอยู่ด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน.
โฆษณา