13 ธ.ค. 2021 เวลา 11:03 • ประวัติศาสตร์
*** กำเนิดโลกแบบกรีก เข้าใจง่าย ***
“การกำเนิดโลก” และ “กำเนิดมวลมนุษย์” เป็นสิ่งที่อยู่ในตำนานของทุกชนชาติ แต่ละวัฒนธรรมก็มีความเชื่อแตกต่างกันไป ซึ่งหนึ่งในเรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้แก่ “ตำนานกรีก”
แม้ตำนานการเกิดโลกและมนุษย์แบบกรีกจะไม่ใช่ความเชื่อที่เก่าแก่ที่สุด แต่ก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะต่อมามันจะกลายเป็นแก่นความคิดของอารยธรรมตะวันตก ผ่านการเผยแพร่โดยอาณาจักรโรมันที่รับวัฒนธรรมกรีกไป
1
บทความนี้จะเล่าเรื่องราวการกำเนิดโลกแบบกรีก, สงครามการชิงอำนาจระหว่างเทพ, ไปถึงเรื่องการกำเนิดมวลมนุษย์ ทั้งหมดเป็นแบบกระชับ เข้าใจง่ายนะครับ
*** ที่มาของตำนานกรีก ***
สมัยที่ปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ ในโลกยังไม่ถูกอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ คนโบราณสงสัยว่า ทำไมฝนตก ทำไมแดดออก ทำไมต้นไม้ดอกไม้ถึงงอกงาม ฯลฯ จึงพยายามหาเหตุผล ก่อให้เกิดเป็นเรื่องเล่าต่างๆ มากมาย
เรื่องเหล่านั้นถูกแต่งแต้มและพัฒนาไปจนเป็นความเชื่อ และเป็นศาสนาอันมีเอกลักษณ์ ซึ่งตำนานเทพปกรณัมกรีกก็มีเอกลักษณ์ต่างจากเทพของวัฒนธรรมอื่นๆ คือเทพเจ้ามักปรากฏรูปเป็นมนุษย์ (ไม่ใช่เป็นมนุษย์ผสมกับสัตว์อื่นแบบเทพอียิปต์หรือเมโสโปเตเมีย ...สำหรับชาวกรีกแล้ว ถ้าดูไม่ใช่มนุษย์ก็มักถูกปัดเป็นอสูร)
นอกจากนั้นเทพกรีกยังมีความรัก โลภ โกรธ หลงอยู่มากเหมือนมนุษย์นั่นเอง ไม่ใช่แบบพระเจ้ายุคใหม่อันมักเป็นตัวตนที่บริสุทธิ์
ภายหลังชาวโรมันรับวัฒธรรมและศาสนาของกรีกไป ก็มีการเรียกชื่อเทพเจ้าแบบของตน เช่นเทพ “ซูส” ของกรีกนั้น โรมันเรียก “จูปิเตอร์” หรือเทพี “อาเธนา” นั้น โรมันเรียก “มิเนอร์วา” ในบทความนี้จะเรียกแบบกรีกนะครับ
อนึ่งตำนานกรีกนี้ก็เหมือนตำนานของประเทศอื่นๆ คือมีหลายเวอร์ชัน ในที่นี้จะเลือกเวอร์ชันที่เห็นว่าแพร่หลายมาเล่า
*** จุดเริ่มต้น ***
แต่แรกนั้นจักรวาลเป็นเพียงความเวิ้งว้างว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด เรียกว่า “เคออส”
จากนั้นค่อยๆ มีสิ่งอื่นๆ ตามมา ได้แก่ “ไกอา” (แผ่นดิน) “ทาร์ทารัส” (บาดาล) และ “อีรอส” (เชื้อชีวิต ซึ่งอีรอสในยุคแรกนี้จะมีการปนๆ กับกามเทพภายหลังด้วย)
เคออสยังให้กำเนิด “เอเรบัส” (ความมืด) และ “นิกซ์” (กลางคืน) เอเรบัสกับนิกซ์มีลูกชื่อ “เอเธอร์” (แสงสว่าง) และ “เฮเมรา” (กลางวัน) ซึ่งนี่เป็นการอธิบายว่ากลางวันเกิดมาจากกลางคืนนั่นเอง
...บางตำรายังระบุว่า เอเรบัสและนิกซ์เป็นพ่อแม่ของเทพยุคแรกอีกหลายองค์ เช่น “แธนาทอส” (ความตาย) และ “ฮิปนอส” (การหลับ) รวมไปถึงเนเมซิส (การแก้แค้น) ด้วย
2
ภาพแนบ: รูปสลักหัวไซคลอปโบราณ
สำหรับพระแม่ธรณีไกอานั้น ได้สร้าง “อูรานอส” (ท้องฟ้า) ขึ้นมาแล้วสมสู่ด้วย เกิดบุตรขึ้นมาหลายคน ซึ่งแบ่งคร่าวๆ ได้สองชุด
ชุดที่หนึ่งเป็นลูกหน้าตาพิลึกๆ มากมาย เช่นเป็นยักษ์ร้อยแขน, ยักษ์ไซคลอปตาเดียว ฯลฯ ซึ่งก็ตามที่บอกไปด้านบนว่า คนกรีกมักมองอะไรที่ไม่เหมือนคนว่าเป็นอสูร พวกนี้จึงเป็นอสูร
ชุดที่สองชื่อ “ไททัน” มีหน้าตาสวยงาม หรือพูดง่ายๆ ว่าหน้าเหมือนมนุษย์นั่นเอง พวกไททันนี้จึงกลายเป็นเทพชุดแรกๆ
ตรงนี้ขออธิบายให้ชัดเจนขึ้นว่า เมื่อเราพูดถึงเทพกรีกชุดแรก มันหมายถึงได้ทั้งเทพที่เป็นร่างคน กับเป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งอื่น เช่นไกอามีทั้งร่างคน และไกอาก็หมายถึงแผ่นดินด้วย, อูรานอสมีทั้งร่างคน และอูรานอสก็หมายถึงท้องฟ้าด้วย เป็นต้น
สำหรับทาร์ทารัสนั้นมีทั้งเวอร์ชันที่เป็นเทพ และยังมี “แดนบาดาล” ที่ชื่อทาร์ทารัสอยู่ ประมาณว่าเป็นดินแดนลึกลับห่างไกล เวลาใครจะขังใครก็มักเอาไปใส่ไว้ในนี้
ภาพแนบ: อูรานอสกับไกอาและลูกๆ
*** เรื่องของเทพชุดแรก***
อูรานอสมีนิสัยเหมือนพระเอกในละครแนวตบจูบ คือชอบทำร้ายไกอาซึ่งเป็นแม่และเมียตัวเอง นอกจากนั้นยังชอบลงโทษลูกๆ เอาลูกทั้งที่เป็นไททันและอสูรไปกักขังทาร์ทารัสก็บ่อย
ต่อมาไกอาชักทนไม่ไหว จึงยุให้ลูกๆ จัดการเก็บพ่อตัวเองเสีย แต่ก็ไม่มีใครกล้า เว้นแต่ลูกคนสุดท้อง หรือไททันนาม “โครนอส” ที่อาจหาญสู้เพื่อแม่ ดังนั้นไกอาจึงให้เคียวเป็นอาวุธแก่โครนอส
ภาพแนบ: โครนอสตัดจู๋พ่อตัวเอง
คืนหนึ่ง อูรานอสก็เข้ามาหาไกอาหมายปลุกปล้ำ แต่ยังไม่ทันได้เข้าด้ายเข้าเข็ม โครนอสก็โผล่มาใช้เคียวตัดอวัยวะเพศพ่อตัวเองเสีย! (...อูย)
อูรานอสรีบเผ่นไปทันที โดยเลือดที่ไหลออกมาจากจู๋นั้นได้หล่นสู่พื้น เกิดเป็นยักษ์บ้าง เทพบ้าง และชิ้นส่วนหนึ่งซึ่งตกลงไปในฟองทะเล ก็ได้ให้กำเนิดเทพีแห่งความงาม “อะโฟรไดที” ขึ้น
...อนึ่งหลังจากนี้ก็ไม่มีเรื่องราวอะไรสำคัญเกี่ยวกับอูรานอสอีก ถือว่าออกจากฉากไปรับค่าตัว...
ภาพแนบ: โครนอสเอาลูกตัวเองไปกิน
กลับมาที่โครนอส หลังจากกำราบพ่อตัวเองได้ เขาก็ช่วยพี่น้องไททันออกมาจากทาร์ทารัส และให้ปกครองสวรรค์ร่วมกัน แต่นี่เฉพาะกับเซ็ตไททัน สำหรับพวกอสูรนั้นโดนขังลืม (บ้างก็ว่า โครนอสปล่อยออกมาด้วย แต่เปลี่ยนใจเอากลับไปขังต่อ) อสูรเหล่านี้จะมีบทภายหลังซึ่งผมจะเล่าต่อไป
โครนอสเลือก “เรห์อา” พี่ของตนมาเป็นภรรยา ตอนนั้นชีวิตทุกคนก็ดูจะสงบสุขดี ...จนกระทั่งทั้งคู่มีลูกด้วยกัน…
พอมีลูกแล้วโครนอสเกิดกลัวขึ้นมาว่า เมื่อลูกๆ โตแล้วจะกลับมาโค่นตัวเองแบบที่เคยทำกับพ่อไหม? พอคิดได้ดังนั้น เขาเลยกินลูกตัวเองเข้าไป หม่ำๆ!
ภาพแนบ: เรห์อาส่ง "ลูก" ให้โครนอสกิน
หลังโครนอสเปิบพิสดารลูกตัวเองไปห้าคน เรห์อาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป พอจะคลอดลูกคนที่หก เธอเลยคิดวางแผน แอบไปคลอดลูกที่เกาะครีตทางตอนใต้ของกรีก แล้วซ่อนเด็กไว้ในถ้ำ ฝากให้คนอื่นดูแล จากนั้นจึงกลับบ้าน แล้วนำหินมาห่อผ้าส่งให้โครนอส ทำทีเหมือนเป็นลูก
เผอิญด้านโครนอสมึนๆ ได้หินมาก็กลืนลงท้องเลยไม่ได้เคี้ยว และไม่รู้ด้วยว่าถูกหลอก
ภาพแนบ: นางอมาลเทียเลี้ยงซุส
ด้านเด็กน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำนั้นมีชื่อว่า “ซูส” เขาได้รับการเลี้ยงดูจากนาง “อมาลเทีย” ซึ่งเป็นนางไม้ โดยมีกลุ่มนักรบชื่อ “โครีบันเทส” คอยอารักขา
1
อมาลเทียนี้มีสองเวอร์ชันคือเวอร์ชันที่เป็นนางไม้กับเวอร์ชันที่เป็นแพะ ในเวอร์ชันที่เป็นแพะนั้นกล่าวว่า ซูสได้ปีนเขาแพะเล่นจนหักออกมา เขาหักนั้นกลายเป็นของวิเศษชื่อ “คอร์นูโคเปีย” ปรากฏของกินออกจากเขามาให้ซูสกินไม่สิ้นสุด
อนึ่งการที่เทพปกรณัมมีหลายเวอร์ชันนี้แปลว่าเคยมีคนนับถือมาก และคนที่นับถือแต่ละท้องถิ่นก็มักแต่งตำนานไปต่างๆ
ซูสโตขึ้นเป็นชายหนุ่มที่มีความเก่งกล้า เหี้ยมหาญ เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน และเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัว ซูสจึงไปหาโครนอสเพื่อช่วยเหลือพี่น้องออกมา ซึ่งวีธีการก็ต่างกันตามแต่คนจะเล่า
บ้างว่าเขาปลอมตัวเป็นเด็กรับใช้ แล้วผสมยาใส่ไวน์ให้โครนัสอ้วก (คือมักถือว่าโครนอสกลืนลูกไม่ได้เคี้ยว ทุกคนจึงยังมีชีวิตในท้องเขา), บ้างก็ว่าเขาไปขอให้พ่อปล่อยคนอื่นออกมาซะดีๆ แต่โครนอสไม่ยอม เลยโดนกระโดดถีบให้สำรอกออกมา หรือบ้างก็ว่าซูสแหกท้องพ่อตัวเองเลย โหดสุดๆ…
1
ภาพแนบ: หินที่เชื่อกันว่าโครนอสคายออกมา ยังตั้งอยู่ที่เดลฟีจนถึงทุกวันนี้
นอกจากพี่น้องแล้ว หินที่เรห์อาหลอกให้โครนอสกินเข้าไปก็หลุดออกมาด้วย ซึ่งภายหลังซูสนำมันไปตั้งไว้ที่เมืองเดลฟีอันศักดิ์สิทธิ์ ...ทัศนกรีกโบราณถือกันว่าเมืองนี้เป็นจุดศูนย์กลางของโลก และหินดังกล่าว ก็ได้ชื่อว่า “สะดือโลก” (Navel of the Earth) ไป
1
...อย่างไรก็ตาม โครนอสไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แบบอูรานอส เขาชวนพวกไททันประกาศสงครามกับลูกๆ ของตนเอง ทำให้เกิดมหาสงครามที่สั่นสะเทือนเลือนลั่นจนแทบทำลายจักรวาลเป็นผุยผง เรียกว่า ไททาโนมาคี (Titanomachy) หรือ สงครามไททันนั่นเอง!
ภาพแนบ: ซุสและสายฟ้าของเขา
*** Attack on Titans ***
ในศึกไททานอมาคี ฝั่งซูสกับพี่น้อง ได้แก่ เฮสเทีย, ดีมีเตอร์, เฮรา, เฮดีส, และโพไซดอน ตั้งฐานอยู่ที่ภูเขาโอลิมปัส จึงได้ชื่อว่าพวก “โอลิมเปียน” ขณะที่ด้านโครนอสและไททันทั้งหลาย (เว้นแต่ ธีมิส, เอพิเมธัส และ โพรมีธิอัส ซึ่งมาเข้ากับซูส) ปักหลักยังภูเขาออธีร์ส
ซูสรู้ว่าพ่อและญาติๆ ตัวเองเก่งนัก เลยไปหาพวกเพิ่มโดยปลดปล่อยลุงป้าน้าอาที่เป็นอสูรและโดนขังไว้ในตรุทาร์ทารัสตั้งแต่รุ่นปู่ออกมา
ในบรรดาอสูรนี้พวกยักษ์ไซคลอปได้ประดิษฐ์อาวุธเป็นการตอบแทนฝ่ายโอลิมเปียน ...มันก็จะเป็นอาวุธเซ็ตที่เราคุ้นตาจากหนัง เกม การ์ตูนต่างๆ เช่น สายฟ้าของซูส สามง่ามของโพไซดอน และหมวกล่องหนของเฮดีส
ภาพแนบ: พวกไททันพ่ายแพ้
สงครามไททันดำเนินไปถึงสิบปีเต็มๆ ในที่สุดด้วยกำลังและอาวุธที่เหนือกว่า ฝ่ายโอลิมเปียนก็กำชัยะ ทำให้พวกไททันเกือบทั้งหมดโดนไปจับขังทาร์ทารัสใหม่ ส่วนโครนอสหนีไป และกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “กาลเวลา”
ซูสแบ่งอำนาจที่ชิงมาได้ให้พี่น้อง โดยให้ตนเองครองบัลลังก์สวรรรค์บนเขาโอลิมปัส, ให้โพไซดอนปกครองมหาสมุทร, และให้เฮดีสปกครองบาดาลหรือทาร์ทารัส สำหรับลุงป้าน้าอาที่เป็นยักษ์ก็มีอิสระ
...แต่เรื่องนี้ยังไม่จบครับ…
*** พื้นที่โฆษณา ***
เปิดให้จองแล้ววันนี้ Box Set ซีรีส์ “The Wild Chronicles” ครบชุด 7 เล่ม เปิดให้จองแล้ววันนี้!
หลังจากหนังสือชุด The Wilds Chronicles ที่พิมพ์ครั้งก่อนทุกเล่มขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว ผมจึงมีแผนจะพิมพ์ใหม่ทั้งหมด โดยปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มเติมให้ดียิ่งขึ้น เป็นปัจจุบันมากขึ้น
และนอกจากนั้นแล้ว เพื่อเป็นการขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามกันมานาน ผมได้จัดทำ Box Set ขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อรวมหนังสือทั้งเก่าใหม่ไว้ด้วยกัน
หนังสือในเซ็ต มีดังต่อไปนี้นะครับ:
1. พยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ: เรื่องกบฏพยัคฆ์ทมิฬในศรีลังกาเหนือ ต้นกำเนิดของการก่อการร้ายยุคใหม่
2. เชือดเช็ดเชเชน: เรื่องกบฏชาวเชเชนในรัสเซียใต้ ที่ต้องเผชิญการปราบปรามอย่างโหดสัสรัสเซีย
3. อสุราอาหม: เรื่องประวัติศาสตร์ชาวไทอาหมในอินเดียเหนือ บรรพบุรุษสุดโหดของชาวไทยในปัจจุบัน
4. โลหิตอิสราเอล: เรื่องประวัติศาสตร์การดิ้นรนของชาวยิว และดินแดนอิสราเอล แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่นองเลือดมานานกว่าพันปี
5. ประวัติย่อก่อการร้าย: ที่มาที่ไปของการก่อการร้ายตั้งแต่อดีตกาล และสงครามก่อการร้ายที่ยังส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน
6. สุริยันพันธุ์เคิร์ด: เรื่องของชนกลุ่มน้อยเคิร์ดอิรักที่ลุกขึ้นสู้กับมหาอำนาจตะวันออกกลางเพื่อความฝันในการตั้งประเทศของตัวเอง
7. ดาวแดงแห่งเคิร์ด: เรื่องของชนกลุ่มน้อยเคิร์ดซีเรียที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของสตรี
ทั้งหมดนี้รวมค่าส่งในราคา 3,150 บาทเท่านั้น! (เฉพาะในประเทศนะครับ ส่วนต่างประเทศคิดราคาตามจริง)
ท่านไหนที่สนใจ สามารถชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย (ระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปด้วยแต่ช้าหน่อยนะครับ)
*** สินค้าพร้อมส่งมอบในช่วงต้นปีหน้าครับ ***
อนึ่งท่านที่ซื้อหนังสือหรือสั่งจองบางเล่มแยกไปแล้วอยากเปลี่ยนเป็นเซ็ตนี้ สามารถติดต่อทาง Line OA https://lin.ee/fNEO1jr หรือ Inbox ของเพจเพื่ออัพเกรดได้นะครับ โดยจะคิดราคาตามจริงลดหลั่นไปตามเล่ม ส่วนราคากล่องอย่างเดียว 375 บาท (จะส่งไปแบบพับ ลดปัญหากล่องมุมยับ)
ภาพแนบ: ไทฟอน
*** ศึกใหญ่อื่นๆ ***
คือไกอายังมีลูกกับทาร์ทารัสชื่อ “ไทฟอน” เป็นอสูรซึ่งมีรูปร่างส่วนบนคล้ายมนุษย์ แต่ข้างล่างเป็นงู มือเป็นหนวด มีปีก และหายใจเป็นไฟ
ไทฟอนนี้มีเมียเป็นอสูรครึ่งคนครึ่งงูชื่ออีคิดนา ทั้งสองให้กำเนิดอสูรดังๆ ในตำนานกรีกส่วนใหญ่ เช่นพวกงูไฮดรา, สัตว์ครึ่งสิงโตครึ่งงูครึ่งแพะนามคิเมรา, สุนัขคอร์กี้สามหัวนามเซเบรัส ฯลฯ ทั้งหมดนี้ต่างเป็นลูกของมันทั้งสิ้น
ภาพแนบ: ภูเขาไฟเอตนาปะทุในเดือนสิงหาคม 2021
ไทฟอนเก่งกาจมากจนเหล่าเทพโอลิมเปียนหวาดกลัว ทำให้พวกเขาต้องแปลงเป็นสัตว์เพื่อหลบหนี เหลือแต่ซูสยังไม่ยอมแพ้ พยายามต่อสู้ต้านทานอย่างกล้าหาญ พลังของทั้งสองฝ่ายรุนแรงมากจนฟ้าสนั่นดินสะเทือน ระดับที่เฮดีสผู้ปกป้องโลกบาดาลอยู่สามารถสัมผัสได้
...สุดท้ายซูสใช้สายฟ้าของตนจัดการไทฟอนได้สำเร็จ ซึ่งแม้มันจะไม่ตายเพราะเป็นอมตะ แต่ก็ถูกจับขังไปในทาร์ทารัสชั่วนิรันดร์ (อย่างไรก็ตามบางเวอร์ชั่นเล่าว่า ซูสใช้ภูเขาทับไทฟอนเอาไว้ที่เกาะซิซีลี จึงเกิดเป็นภูเขาไฟเอตนา ที่ยังคุกรุ่นอยู่จนถึงทุกวันนี้)
ภาพแนบ: โพไซดอนใช้สามง่ามสู้กับยักษ์
หลังจากนี้ก็มีศึกใหญ่ที่สั่นคลอนอำนาจเทพโอลิมปัสอีกครั้งคือ ไกกันโทมาคี (Gigantomachy) ที่พวกยักษ์ (แบบที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Giants) ซึ่งเกิดจากเลือดจู๋อูรานอสหยดลงพื้น ลุกขึ้นมาทำสงครามด้วยแรงยุของไกอา (ดูเหมือนไกอาไม่แฮปปี้กับหลานชายเท่าไหร่) แต่แน่นอนว่าพวกซูสที่ผ่านไทฟอนมาแล้วก็สามารถเอาชนะได้แบบหมดจด
มีนักวิชาการตีความว่า เนื้อหาส่วนนี้คือการสร้างความชอบธรรมให้ศาสนากรีกที่เข้ามาทดแทนความเชื่อเก่าๆ ในท้องถิ่นนั่นเอง
ภาพแนบ: โพรมีธีอัสปั้นมนุษย์ ข้างซ้ายคืออาเธนามาเยี่ยมชม
*** กำเนิดมนุษยชาติ ***
ตามตำนานกรีกนั้นมีเรื่องเล่ากำเนิดมนุษย์อยู่หลากหลาย แต่มีสองเวอร์ชันที่ฮิตที่สุด คือเวอร์ชัน “โพรมีธีอัส” และเวอร์ชัน “ยุคแห่งมนุษย์” ตามที่จะเล่าดังต่อไปนี้…
โพรมีธีอัสเป็นหนึ่งในไททันที่ไม่โดนจับขังทาร์ทารัสเพราะเข้ากับฝั่งซูส ซึ่งหลังสงครามสงบ เขากับพี่น้องชื่อเอพิเมธัสซึ่งมาสวามิภักดิ์ด้วยกันก็ได้รับมอบหมายให้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น เอพิเมธัสสร้างสัตว์ต่างๆ ส่วนโพมิธีอัสสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากโคลน โดยเลียนแบบลักษณะของพระเจ้า
ซูสเห็นแล้วกลัวว่ามนุษย์จะขึ้นมาเทียบบารมี เลยกำหนดให้พวกเขามีการเกิดแก่เจ็บตาย ต้องคอยบูชาเทพเจ้าอยู่ด้านล่างเขาโอลิมปัสเสมอ
1
โพรมีธีอัสรักใคร่มนุษย์ก็ไม่พอใจนัก จึงแอบให้ความช่วยเหลือมนุษย์อยู่ลับๆ
ครั้งหนึ่งซูสบอกให้มีการบูชายัญวัว โพรมีธีอัสก็แยกวัวเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเนื้อ แต่มีเครื่องในคลุม กับอีกส่วนเป็นกระดูกที่มีหนังคลุม พอให้ซูสเลือก เขาก็เลือกส่วนที่เป็นกระดูกมา เพราะคิดว่าเป็นเนื้อ
ซูสเห็นแล้วกลัวว่ามนุษย์จะขึ้นมาเทียบบารมี เลยกำหนดให้พวกเขามีการเกิดแก่เจ็บตาย ต้องคอยบูชาเทพเจ้าอยู่ด้านล่างเขาโอลิมปัสเสมอ
โพรมีธีอัสรักใคร่มนุษย์ก็ไม่พอใจนัก จึงแอบให้ความช่วยเหลือมนุษย์อยู่ลับๆ
ครั้งหนึ่งซูสบอกให้มีการบูชายัญวัว โพรมีธีอัสก็แยกวัวเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเนื้อ แต่มีเครื่องในคลุม กับอีกส่วนเป็นกระดูกที่มีหนังคลุม พอให้ซูสเลือก เขาก็เลือกส่วนที่เป็นกระดูกมา เพราะคิดว่าเป็นเนื้อ
ภาพแนบ: โพรมีธีอัสขโมยไฟให้มนุษย์
พอซูสรู้ว่าโดนหลอก ก็สาปให้เปลวไฟหายไปจากโลก ทำให้มนุษย์ต้องอยู่ในความมืดและกินเนื้อดิบๆ อย่างน่าสงสาร โพรมีธีอัสเลยตัดสินใจขโมยไฟลงมาจากโอลิมปัสเพื่อมอบให้แก่มนุษย์ สังคมมนุษย์จึงพัฒนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นอันมาก
แน่นอนว่าซูสโกรธยิ่ง แต่จะเอาไฟกลับก็ไม่ได้แล้ว เลยจับโพรมีธีอัสไปตรึงไว้บนหน้าผา ให้โดนนกจิกตับกินทุกวัน และให้ตับนั้นงอกใหม่มาให้นกจิกกินเรื่อยๆ ทำให้เขาได้รับความทรมานอย่างยิ่ง
ภาพแนบ: แพนโดรา
สำหรับมนุษย์นั้นซูสได้ลงโทษโดยการสั่งให้เฮเฟตัสซึ่งเป็นเทพนักประดิษฐ์ปั้นผู้หญิงคนแรกขึ้นมา ตั้งชื่อว่า “แพนโดรา”
1
แพนโดรามาพร้อมกับกล่องที่บรรจุความชั่วร้ายทั้งหมดทั้งมวลไว้ ซึ่งเทพบอกให้นางห้ามเปิด แต่ขณะเดียวกันก็ยังใส่ความอยากรู้อยากเห็นให้นางด้วย (ไม่แน่ใจว่าทำไมไม่สาปเองตรงๆ แต่ทำให้เรื่องมันยุ่งยาก)
ภาพแนบ: แพนโดราเปิดกล่อง
ดังนั้นพอแพนโดราทนความอยากรู้ไม่ไหวเปิดกล่องสำคัญออก ความชั่วร้ายทั้งหลายเช่น ความจน ความหิว ความตระหนี่จึงหลุดออกมา ทำให้มนุษย์ต้องประสบเคราะห์กรรมแสนสาหัสนับแต่นั้น
อนึ่งแพนโดราพอเห็นความชั่วร้ายหลุดก็รีบปิดกล่อง ซึ่งในกล่องนั้นยังเหลือของอยู่เพียงสิ่งเดียวเรียกว่า “ความหวัง” ซึ่งพวกเทพแอบส่งมาให้ด้วย เพราะยังแอบสงสารบ้าง ทำนองว่า ต่อให้ต้องผจญกับความชั่วร้ายทั้งปวงก็ขอให้ยังมีความหวัง
(ผมเข้าใจว่าโลจิกมันขัดกัน เพราะความชั่วร้ายถูกปล่อยความหวังถูกเก็บมันน่าจะแย่ แต่ความตอนนี้กลับสื่อในทางดี อารมณ์มันประมาณว่า "ความหวังเป็นสิ่งเดียวที่ยังถูกเก็บรักษาไว้ได้" อนึ่งโลจิกของพวกนิทานเรื่องเล่าพวกนี้ไม่ใช่โลจิกตามตรรกศาสตร์ แต่เป็นโลจิกตามจิตใต้สำนึกมนุษย์ อะไรที่มนุษย์ส่วนใหญ่ฟังแล้วรู้สึกดีอยู่ลึกๆ จะเป็นสิ่งที่ถูกเล่าต่อมามาก)
ภาพแนบ: เฮซอด
...สำหรับเรื่องของ “ยุคแห่งมนุษย์” (Ages of Man) เป็นสิ่งที่กวีกรีกโบราณนาม “เฮซอด” ซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่าง 750 - 650 ปีก่อนคริสตกาลได้เขียนไว้ในผลงาน Works and Days ว่า มนุษย์มีอยู่ 5 จำพวก แบ่งตามยุคสมัย และมีความแตกต่างกัน
ยุคแรกสุดเรียกว่า “ยุคทอง” (Golden Age) เป็นยุคที่โครนอสปกครองโลก เหล่าเทพได้สร้างมนุษย์ขึ้นมา และอาศัยอยู่ร่วมกันโดยไม่มีการแบ่งชนชั้น ไม่มีใครต้องทำงานเพราะโลกอุดมสมบูรณ์ ทุกคนมีชีวิตอยู่ยืนยาวและไม่แก่เฒ่า เวลาตายก็ไม่ทรมาน
ภาพแนบ: ผู้คนในยุคเงิน
ยุคต่อมาคือ “ยุคเงิน” (Silver Age) เป็นยุคที่ซูสขึ้นมาปกครอง มนุษย์เป็นเด็กได้ 100 ปี ก่อนจะโตเป็นผู้ใหญ่และอยู่ต่อไปอีกในช่วงสั้นๆ คนยุคนี้เป็นพวกหัวร้อน ชอบทะเลาะกัน และไม่เคารพเทพเจ้า เลยโดนซูสล้างบางไป
จากนั้นซูสก็สร้างมนุษย์ขึ้นจากต้นแอช แต่มนุษย์พวกนี้ก็กระหายสงครามแล้วสู้รบกันเอง โดยใช้อาวุธที่ทำจากทองแดงสู้กัน สมัยนี้จึงเรียกว่า “ยุคทองแดง” (Bronze Age) ซึ่งจบลงด้วยการที่เหล่าเทพดลบันดาลให้เกิดน้ำท่วมโลกสังหารมนุษย์ไปอีกชุดหนึ่ง
ภาพแนบ: ดูคาเลียนกับภรรยาหนีความวุ่นวาย
ในเรื่องเล่าเวอร์ชันนี้ โพรมีธีอัสได้พยายามช่วยมนุษย์เช่นกัน โดยการบอกลูกชายชื่อ “ดูคาเลียน” ให้เตรียมตัวต่อลังขนาดใหญ่ที่บรรจุเสบียงไว้ได้มากมาย เมื่อเกิดฝนตกหนัก ดูคาเลียนกับพีร์ราห์ ภรรยาก็ลงไปในลัง พวกเขาลอยน้ำอยู่เก้าวัน ก็ไปขึ้นบกที่ภูเขาพารานาซัส ใกล้ๆ กับเมืองเดลฟี
ดูคาเลียนทำการติดต่อเทพ และขอให้มีมนุษย์เกิดขึ้นอีก เหล่าเทพจึงให้เขากับภรรยาโยนหิน (บ้างก็ว่าดิน) ข้ามหัวของตัวเอง
ภาพแนบ: ดูคาเลียน
หินของดูคาเลียนก็กลายเป็นผู้ชาย และหินของพีร์ราห์ก็กลายเป็นผู้หญิง ซึ่งต่อมา ดูคาเลียนกับพีร์ราห์ก็มีลูกด้วยกัน ชื่อ “เฮลเลน” (Hellen) ดังนี้กรีกจึงเรียกตัวเองว่า “เฮลลัส” (Hellas) เรียกวัฒนธรรมว่า “เฮลเลนิค” (Hellenic)
เรื่องแนวน้ำท่วมโลกนี้มีความคล้ายคลึงกับหลายๆ ศาสนา รวมทั้งศาสนาตระกูลอับราฮัม (คริสต์ ยิว อิสลาม) และศาสนาผีของเผ่าไทยด้วย ใครสนใจอ่านเพิ่มได้ทางลิงก์ในคอมเมนต์นะครับ
หลังจากน้ำท่วมโลกกรีก เฮซอดนิยามว่ายุคต่อมาเป็น “ยุคแห่งวีรบุรุษ” (Heroic Age) เพราะมีผู้กล้าเกิดขึ้นมากมาย เช่น เจสันและพวกที่ออกเดินทางตามหาขนแกะทองคำ, เฮราเคลส (เฮอร์คิวลิส), อคิลีส, โอดิสซีอัส, และวีรบุรุษเมืองทรอยอื่นๆ ต่างเป็นคนยุคนี้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม เฮซอดได้กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ตนเองมีชีวิตอยู่นั้นถือเป็น “ยุคเหล็ก” (Iron Age) เป็นยุคที่เทพเจ้าทอดทิ้งมนุษย์แล้ว ผู้คนต่างอยู่ด้วยความหมองเศร้าและเป็นทุกข์ ลูกไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ญาติพี่น้องทะเลาะกัน คนไม่พบปะสังสรรค์ ผู้มีอำนาจไม่ว่าจะดีจะเลวก็กลายเป็นฝ่ายถูก
...แม้สิ่งนี้เขาบ่นไว้หลายพันปี แต่มาตอนนี้มันก็ฟังดูคุ้นๆ นะครับ...
*** สรุป ***
เทพปกรณัมกรีกเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมที่จะแฝงอยู่ในวัฒนธรรมยุโรปยุคต่อๆ มา
สงครามและความขัดแย้งในปกรณัมชุดนี้ยังสะท้อนสิ่งที่ชนชาติกรีกโบราณต้องเผชิญอยู่เรื่อยๆ ทั้งจากภายนอก เช่น การรุกรานจากชาวเปอร์เซีย และภายใน คือสงครามระหว่างนครรัฐต่างๆ จึงมีเรื่องราวการต่อสู้ (ใครสนใจทั้งสองศึกที่ว่ามา สามารถอ่านซีรีส์ Wisdom & Strength ของผมได้นะครับ จะแปะลิงก์ไว้ให้ในด้านล่าง)
นอกจากนั้นการที่ชาวกรีกมีสุนทรีย์ในการคิดหาคำอธิบายธรรมชาติจนเกิดเป็นเรื่องราว ก็สะท้อนนิสัยช่างคิดช่างสงสัยทำให้ในเวลาต่อมา กรีกกลายเป็นแหล่งกำเนิดความรู้มากมายและเป็นชาติที่เจริญเป็นอันมาก
ดังนั้นตำนานกรีกจึงถือเป็นทั้งเรื่องที่สนุก และแฝงเรื่องราวสะท้อนปรัชญา และประวัติศาสตร์ตะวันตกหลายประการนั่นเอง
อ่านเรื่องศาสนาผีของไทยได้ทางลิงก์นี้นะครับ
อ่านเรื่องสงครามกรีกยุคโบราณได้ทางลิงก์นี้นะครับ
- สงครามเปอร์เซีย https://www.facebook.com/media/set/?set=a.658286014248111
- เอเธนส์ vs. สปาร์ตา https://www.facebook.com/media/set/?set=a.650224508387595
อีกครั้งนะครับ Box Set ซีรีส์ “The Wild Chronicles” ครบชุด 7 เล่ม เปิดให้จองแล้ววันนี้!
หลังจากหนังสือชุด The Wilds Chronicles ที่พิมพ์ครั้งก่อนทุกเล่มขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว ผมจึงมีแผนจะพิมพ์ใหม่ทั้งหมด โดยปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มเติมให้ดียิ่งขึ้น เป็นปัจจุบันมากขึ้น
และนอกจากนั้นแล้ว เพื่อเป็นการขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามกันมานาน ผมได้จัดทำ Box Set ขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อรวมหนังสือทั้งเก่าใหม่ไว้ด้วยกัน
หนังสือในเซ็ต มีดังต่อไปนี้นะครับ:
1. พยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ: เรื่องกบฏพยัคฆ์ทมิฬในศรีลังกาเหนือ ต้นกำเนิดของการก่อการร้ายยุคใหม่
2. เชือดเช็ดเชเชน: เรื่องกบฏชาวเชเชนในรัสเซียใต้ ที่ต้องเผชิญการปราบปรามอย่างโหดสัสรัสเซีย
3. อสุราอาหม: เรื่องประวัติศาสตร์ชาวไทอาหมในอินเดียเหนือ บรรพบุรุษสุดโหดของชาวไทยในปัจจุบัน
4. โลหิตอิสราเอล: เรื่องประวัติศาสตร์การดิ้นรนของชาวยิว และดินแดนอิสราเอล แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่นองเลือดมานานกว่าพันปี
5. ประวัติย่อก่อการร้าย: ที่มาที่ไปของการก่อการร้ายตั้งแต่อดีตกาล และสงครามก่อการร้ายที่ยังส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน
6. สุริยันพันธุ์เคิร์ด: เรื่องของชนกลุ่มน้อยเคิร์ดอิรักที่ลุกขึ้นสู้กับมหาอำนาจตะวันออกกลางเพื่อความฝันในการตั้งประเทศของตัวเอง
7. ดาวแดงแห่งเคิร์ด: เรื่องของชนกลุ่มน้อยเคิร์ดซีเรียที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของสตรี
ทั้งหมดนี้รวมค่าส่งในราคา 3,150 บาทเท่านั้น! (เฉพาะในประเทศนะครับ ส่วนต่างประเทศคิดราคาตามจริง)
ท่านไหนที่สนใจ สามารถชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย (ระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปด้วยแต่ช้าหน่อยนะครับ)
*** สินค้าพร้อมส่งมอบในช่วงต้นปีหน้าครับ ***
อนึ่งท่านที่ซื้อหนังสือหรือสั่งจองบางเล่มแยกไปแล้วอยากเปลี่ยนเป็นเซ็ตนี้ สามารถติดต่อทาง Line OA https://lin.ee/fNEO1jr หรือ Inbox ของเพจเพื่ออัพเกรดได้นะครับ โดยจะคิดราคาตามจริงลดหลั่นไปตามเล่ม ส่วนราคากล่องอย่างเดียว 375 บาท (จะส่งไปแบบพับ ลดปัญหากล่องมุมยับ)
ท่านที่สนใจอ่านเรื่องราวแปลกๆ จากรอบโลกสามารถสมัครเข้ากลุ่ม illumicorgi
อนึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่ม exclusive ผมจะใช้ลงบทความพิเศษ ซึ่งมีเนื้อหาเจาะลึกกว่าที่ลงในเพจ The Wild Chronicles และบทความส่วนใหญ่ในกลุ่มจะเกี่ยวกับธีมของหนังสือที่ผมกำลังเขียน
ผู้ที่ต้องการสมัครเข้ากลุ่มให้ทำดังนี้เลยนะครับ
(1) กดสมัคร Line OA ของ The Wild Chronicles มาทาง link นี้ https://lin.ee/fNEO1jr
(2) กด add เป็นเพื่อน
(3) กด chat
(4) จากนั้น พิมพ์ชื่อที่ท่านใช้ใน Facebook มาทางช่องแชทของ Line OA เพื่อให้ทีมงานบ่งชี้ได้ว่าบัญชีของท่านสมัครมาแล้ว
(5) จากนั้นจะมีแอดมินมาคุยกับท่าน ให้แจ้งประเภทสมาชิกที่ท่านต้องการสมัคร แอดมินจะส่ง link เพื่อชำระค่าสมาชิก และแนะนำวิธีการเข้ากลุ่มต่อไป
::: ::: :::
ประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตาม เพจ The Wild Chronicles ได้เลยนะครับ https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat
โฆษณา