EXCLUSIVE: นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดใจกับ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย The Reporters กรณีมีกระแสข่าวว่าจะลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพรรคพลังประชารัฐ โดยยืนยันว่ายังอยากเป็นข้าราชการที่ดี และไม่มีคุณสมบัติลงสมัคร เนื่องจากมีชื่อในทะเบียนบ้านที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และภูมิใจในการทำหน้าที่พ่อเมือง
"ผมอาจจะไม่ได้ให้คำตอบโดยตรง แต่อยากให้ไปตีความกันเอาเอง ส่วนหนึ่งผมกับคุณฐปณีย์เจอกันมา ตั้งแต่ก่อนที่จะเป็นผู้ว่า ตั้งแต่ตอนผมอยู่ที่กรมที่ดิน เราเคยจับคดีใหญ่ด้วยกัน คดีปลอมโฉนด ถ้าจำไม่ผิดคือที่จังหวัดสุโขทัย เรารู้จักกันมาตลอด คุณฐปณีย์ก็จะเห็นผมในฐานะข้าราชการคนหนึ่ง ที่พยายามตั้งใจทำงานในหน้าที่ ที่ได้รับสวมหมวกให้ดีที่สุด ตอนอยู่ที่กรมที่ดิน ผมก็ทำเต็มที่ที่กรมที่ดิน ตอนออกไปเป็นผู้ว่าที่จังหวัดเชียงราย พะเยา ลำปาง เราก็ทำเต็มที่ทั้งหมด โดยเฉพาะกรณีถ้ำหลวงก็เป็นเพียงกรณีหนึ่ง แต่ถ้าถามถึงในหน้าที่ปกติ ที่จังหวัดลำปางถือว่าเราประสบความสำเร็จมาก ในหลายๆเรื่อง เช่น ทำให้คนที่กลัววัคซีน กลับมาอยู่ในหลักที่ถูกต้องได้"
นายณรงค์ศักดิ์ เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดก็ตาม ส่วนตัวมีคุณแม่ที่อยากให้รับราชการให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นเมื่อสวมหมวกข้าราชการแล้วก็อยากทำหน้าที่ของข้าราชการให้ดีที่สุด
"ในการทำราชการผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของการเป็นข้าราชการ เราอยากจะปลดเกษียณอายุราชการ เราอยากจะเกษียณอย่างภาคภูมิใจ ที่เดินออกไปในตำแหน่งที่เหมาะสม ถ้าเจอกันก็จะเข้าใจว่าผมถือหลักนี้ นั่นคือประเด็นที่หนึ่ง"
นายณรงค์ศักดิ์ เปิดเผยด้วยว่า ส่วนประเด็นที่สอง ที่สำคัญที่สุด เท่าที่ทราบมีการแก้กฎหมายเมื่อประมาณปี 2561-2562 ว่าคุณสมบัติของคนที่จะสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกหรือเป็นผู้บริหารท้องถิ่น จะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนั้น ซึ่งจะขัดกับกติกาของการรับราชการในตำแหน่งหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด
"ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีชื่อทะเบียนบ้านอยู่ที่จังหวัดนั้น ดังนั้นผมจึงย้ายที่อยู่ไปตามจังหวัดที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่เสมอ อย่างตอนนี้เอง ผมก็มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ปทุมธานี ผมว่าตรงนี้เป็นจุดที่ไม่เข้าเงื่อนไขการเป็นผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร"
ส่วนเรื่องการทาบทามจากพรรคการเมืองต่างๆ ผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านที่หวังดีต่อเราเห็นว่า เราทำงานประสบความสำเร็จที่เชียงราย พะเยา ลำปาง ซึ่งที่จังหวัดลำปางเราดูแลเรื่องโควิดดีมาก ที่ปทุมธานีก็อยากให้ดูแลวางรากฐานที่ปทุมธานีพอสมควร
"ผู้ใหญ่หลายคนที่มีบุญคุณ ก็มีการมาถาม ว่ามาช่วยงานที่กรุงเทพมหานครไหม หรือแม้แต่บางคนที่เป็นเจ้านายเก่าก็บอกว่าจริงๆแล้วมันมีหน้าที่บทบาทอื่นที่สามารถทำงานได้ เราก็ตอบว่า สำหรับเราถือว่าตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติมาก ชาวบ้านเรียกเราว่าพ่อเมือง ผมรู้สึกว่ามันไม่มีคำใดที่จะรู้สึกภูมิใจได้มากกว่าคำว่าพ่อเมือง"
ที่สำคัญ นายณรงค์ศักดิ์ ยืนยันว่า "ผมยังไม่มี intention ในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมานคร"
"ถ้าผมนับตั้งแต่ออกจากถ้ำหลวงมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8-9 แล้ว ที่มีการโยนถามประเด็นนี้มา และทุกครั้งจะเห็นว่าผมนิ่งตลอด เพราะผมเชื่อมั่นว่าจะมีข่าวอื่นมาดันออกไป แต่ครั้งนี้อาจจะแรงหน่อยเพราะปทุมธานีอยู่ใกล้กรุงเทพฯ มันไม่เหมือนตอนที่ผมอยู่ ลำปาง พะเยา มันอาจจะไกลกรุงเทพฯไปนิดนึง แต่พออยู่ปทุมธานี ทุกคนก็เพ่งเล็งว่าผมจะตัดสินใจอย่างไร แต่อย่างที่บอกว่า ทางเรื่องข้อกฎหมาย เรื่องความตั้งใจที่จะรับราชการ และเห็นว่าการทำงานทางการเมืองก็เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่ตำแหน่งที่สำคัญ และสามารถทำประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมีหลายบทบาท"
นายณรงค์สักดิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นพ่อเมืองที่ดูแลพื้นที่ ตอนอยู่เชียงรายดูแล 1,000,000 กว่าคน ตอนอยู่พะเยาดูแล 400,000 กว่าคน ตอนอยู่ลำปางดูแลประมาณ 700,000 กว่าคน ตอนนี้มาอยู่ปทุมธานี ดูแลอยู่ประมาณ 1,700,000 คน วันนี้อยากทำงานตรงปทุมธานีให้ได้ประกาศณียบัตรอีกใบหนึ่ง ไม่ใช่มาอยู่เพียงสองเดือนกว่าแล้วทิ้งคนปทุม
นายณรงค์ศักดิ์ ยอมรับว่า มีการพูดคุยมา 7-8 ครั้ง ไม่เคยตอบรับหรือปฏิเสธมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตนเองไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะ เงื่อนไขข้อกฎหมายมันเป็นแบบนี้
"การตอบรับหรือปฏิเสธ ผมว่ามันทำให้มีคนดีใจและเสียใจ คนที่รักเราในกรุงเทพฯ เขาอาจจะอยากได้เรา เมื่อเราปฏิเสธที่จะไม่ไปลงกับเขาโดยตรง เขาอาจจะเสียใจก็ได้ เราบอกว่าเรามีคุณสมบัติที่ไม่ครบถ้วนดีกว่าครับ"
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ผู้ว่ากทม. #ผู้ว่าหมูป่า
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
