19 ธ.ค. 2021 เวลา 04:00 • การตลาด
รู้จัก Affiliate Marketing วิธีหารายได้เสริม โดยการแปะลิงก์
1
ปัจจุบันการมีรายได้เพียงช่องทางเดียว ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพออีกต่อไป
เพราะบางครั้งอาจเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ตัวอย่างเช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ผ่านมา
คนหลากหลายอาชีพต้องถูกสั่งให้หยุดงาน หรือลดเงินเดือน
ตั้งแต่ พนักงานสายการบิน, พนักงานโรงแรม, พนักงานร้านอาหาร และอื่น ๆ อีกมากมาย
เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ คุณภาพชีวิตจึงแย่ลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
จากการที่ต้องประหยัดและลดค่าใช้จ่ายบางอย่างมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าจับจ่ายใช้สอยทั่วไป
เพื่อลดความเสี่ยงของปัญหาที่ว่ามา ดังนั้นการมีรายได้เพิ่มอีกช่องทางดูจะเป็นทางออกที่ดี
อย่างไรก็ตาม การจะหารายได้เพิ่มก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
หากทำธุรกิจส่วนตัว จำเป็นต้องมีเงินทุน ซึ่งหลายครั้งก็มักไม่ประสบความสำเร็จ
ทำให้คนจำนวนมาก ต้องสูญเสียเงินที่เก็บออมไปอย่างน่าเสียดาย
หรือหากไปรับงานเสริม ก็ต้องแบ่งเวลาพักผ่อน มาใช้ทำงานมากยิ่งขึ้น
อาจส่งผลเรื่องสุขภาพกายและใจ รวมถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่แย่ลง
1
คำถามต่อมา แล้วมีการสร้างรายได้แบบไหนบ้าง ที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่มและลงแรงมากนัก
1
Affiliate Marketing คือ 1 ในการสร้างรายได้แบบนั้น
หากอยากเข้าใจว่า Affiliate Marketing คืออะไร
ต้องรู้จักผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดก่อน
โดยโมเดลนี้ จะประกอบด้วยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ 3 ฝ่ายหลัก ๆ
1. Advertiser : เจ้าของแบรนด์ที่ต้องการทำการตลาด
2. Publisher : เจ้าของสื่อ เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดียต่าง ๆ
3. Customer : ลูกค้า
โมเดลธุรกิจนี้จะเกิดขึ้นได้ เมื่อ Advertiser หรือบริษัทต่าง ๆ ต้องการขายสินค้า
แต่จะขายเองโดยตรง ก็อาจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ไม่หมด
นั่นทำให้พวกเขาต้องพึ่ง Publisher ในการช่วยโปรโมตสินค้า และดึงดูดผู้คนให้กลายมาเป็น Customer โดยผ่านการแปะลิงก์ที่เข้าไปสู่การซื้อสินค้าของ Advertiser
ดังนั้น เราจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโมเดลธุรกิจนี้ ด้วยการเป็น Publisher นั่นเอง
 
ซึ่งผลตอบแทนที่ Publisher ได้รับ จะเกิดขึ้นเมื่อมีคนเห็น คลิกลิงก์ หรือกดซื้อ แล้วแต่ตามเงื่อนไขที่แต่ละ Advertiser หรือบริษัทกำหนดไว้
สรุป Affiliate Marketing เป็นรูปแบบการตลาดประเภทหนึ่ง ที่ให้เรานำลิงก์สินค้าและบริการจากแบรนด์ต่าง ๆ มาแนะนำให้คนไปซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ของบริษัทนั้น ๆ
โดยรูปแบบค่าตอบแทน จะมีหลัก ๆ ดังนี้
1. Pay per sale (PPS) คือส่วนแบ่งจากการขาย โดยจะกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์
เช่น หากเราแปะลิงก์ SE-ED ตามเพจหรือหน้า Facebook ของตัวเอง
แล้วมีคนมากดลิงก์ ซื้อสินค้า 100 บาท เราจะได้รับเงินจากส่วนแบ่งรายได้ทันทีเลย 5% หรือ 5 บาท
ถ้าซื้อสินค้า 300 บาท เราก็จะได้รับเงิน 15 บาท
2. Cost per action (CPA) คือการได้รับค่าตอบแทน เมื่อเกิดการซื้อหรือการกระทำ 1 ครั้ง เช่น การสมัครสมาชิก, ลงทะเบียน โดยค่าตอบแทนที่ได้รับ จะกำหนดเป็นเงินจำนวนหนึ่ง
2
3. Cost per click (CPC) คือการได้รับค่าตอบแทน เมื่อเกิดการคลิกลิงก์ แม้ว่าคนกดจะซื้อหรือไม่ซื้อสินค้าก็ตาม
4. Cost per mille (CPM) คือการได้รับค่าตอบแทน เมื่อมีคนเห็นโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง
เช่น เรานำแบนเนอร์โฆษณามาวางไว้บนเว็บไซต์ของตน แล้วหากเว็บไซต์แจ้งว่ามีคนเยี่ยมชมครบ 1,000 ครั้ง เราก็จะได้รับเงินค่าตอบแทน
โดยปัจจุบันมีหลายบริษัทที่หันมาใช้ Affiliate Marketing ได้แก่
SE-ED ร้านหนังสือรายใหญ่ของประเทศไทย
ให้รูปแบบค่าตอบแทนคือ ได้ส่วนแบ่ง 5% จากยอดขาย
Booking.com แพลตฟอร์มจองที่พักระดับโลก
ให้รูปแบบค่าตอบแทนคือ ได้ส่วนแบ่ง 25% จากยอดขาย
Blockdit แพลตฟอร์มสำหรับนักอ่านและนักเขียน
รูปแบบค่าตอบแทนจะคล้ายกับ CPM ที่ได้เงินเมื่อมีคนเห็นโฆษณา
ซึ่ง Blockdit ดีตรงที่เราไม่ต้องเหนื่อยหาสปอนเซอร์เอง
เพราะทางแพลตฟอร์มมีฟังก์ชัน Ads Monetization ที่มีการคัดโฆษณาบนแพลตฟอร์มเข้ามาแทรกในบทความของเราไว้เลย เราเพียงแค่ทำบทความให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดให้คนมาอ่านเยอะ ๆ ก็พอ
จากทั้งหมดจะเห็นได้ว่า Affiliate Marketing ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
เพราะเราไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากโฆษณา
ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจทั่วไป ที่ต้องลงเงินจำนวนมาก และต้องมาบริหารต่าง ๆ อีกด้วย
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่หลายคนหันมาเลือกทางนี้กัน ในการสร้างรายได้เสริมนั่นเอง..
โฆษณา