Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ใจที่ตื่นรู้
•
ติดตาม
30 ธ.ค. 2021 เวลา 12:59 • ปรัชญา
เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น จุดที่เราจะพลิกก็คือ " ส ติ " ถ้าไม่มีสติก็เป็นเรื่องยากมากที่เราจะพลิกอะไรได้ ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างสัก 2-3 เรื่องว่าถ้าเราครองสติเอาไว้ได้ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อแล้ว เราสามารถเปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชค เปลี่ยนโรคให้เป็นครูได้
เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว มีนักกฎหมายหนุ่มอินเดียคนหนึ่งเรียนจบกฎหมายจากอังกฤษ เมื่อเขากลับมาถึงบ้านเกิดแล้วก็ประกอบอาชีพทนายความ ปรากฏว่าไม่รุ่งเลย เพราะเขาเป็นทนายขี้อายมาก ขึ้นว่าความแต่ละครั้ง หน้าแดง ตัวสั่น เห็นแล้วว่าประกอบอาชีพในบ้านเกิดเมืองนอนคือประเทศอินเดียไม่น่าจะประสบความสำเร็จ
ต่อมามีผู้เสนอให้เขาไปเป็นทนายความที่แอฟริกาใต้ นักกฎหมายหนุ่มคนนี้ก็รับ แล้วก็เดินทางไปที่แอฟริกาใต้ เขานั่งรถไฟชั้น 1 ไปยังกรุงโยฮันเนสเบิร์ก ระหว่างที่เขานั่งอยู่ในห้องโดยสารชั้น 1 นั้นเอง จู่ ๆ ก็มีนายตรวจคนหนึ่ง เปิดประตูเข้ามาขอตรวจตั๋ว เขาหยิบตั๋วของผู้โดยสารชั้น 1 ให้ดู แต่นายตรวจไม่ปลื้ม เพราะเห็นว่าผู้ชายคนนี้ผิวดำมาจากอินเดีย นายตรวจตั๋วจึงบอกว่า
"คุณไม่มีสิทธิ์มานั่งในห้องนี้"
นักกฎหมายหนุ่มคนนั้นก็บอกว่า
"ผมซื้อตั๋วอย่างถูกต้อง และผมเป็นนักกฎหมาย เพราะฉะนั้นผมมีสิทธิ์ที่จะนั่งในห้องโดยสารชั้น 1 ทุกประการ"
นายตรวจตั๋วก็บอกว่า
"ไม่ได้ ห้องสำหรับผู้โดยสารชั้นที่ 1 นั้น เหมาะสำหรับผู้โดยสารรถไฟผิวขาวเท่านั้น พวกผิวดำอย่างคุณมานั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้"
นักกฎหมายหนุ่มตอบไปว่า
"ผมมีสิทธิ์ ผมซื้อตั๋วถูกต้อง"
เจ้าคนตรวจตั๋วหายไปแป๊บนึง ไปตามเพื่อนมา 2-3 คน แล้วจับผู้ชายคนนี้ลากถูลู่ถูกัง โยนลงจากรถไฟพร้อมกระเป๋า ข้าวของแตกกระจาย
นักกฎหมายหนุ่มคนนั้นเจ็บช้ำน้ำใจเป็นที่สุด มองดูรถไฟที่แล่นออกจากชานชาลาไป หันกลับมาเห็นกระเป๋าสัมภาระของตัวเองที่แตกกระจาย แล้วก็หันมามองสภาพตัวเอง นักกฎหมายหนุ่มจากลอนดอนดูไม่จืด เขาตั้งคำถามขึ้นมาว่า
"นี่ขนาดเราเป็นนักกฎหมายที่มีความรู้ มีการศึกษาเป็นอย่างดี ยังถูกรังแกขนาดนี้ แล้วพี่น้องชาวอินเดียผิวดำของเราในแอฟริกาใต้จะถูกรังแกขนาดไหน"
คิดได้อย่างนี้แล้วสติก็มา เอาละ จากนี้เป็นต้นไปเราจะไม่เป็นแค่ทนายความคนหนึ่ง เราจะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคให้พี่น้องของเราทุกคนที่ถูกรังแกโดยคนผิวขาว
ตั้งแต่นั้นมานักกฎหมายหนุ่มคนนี้ผันตัวเองจากการเป็นทนายความส่วนตัว มากลายเป็นผู้นำของประชาชนชาวอินเดียผิวดำในประเทศแอฟริกาใต้แห่งนั้น เขานำเพื่อนร่วมชาติผิวดำซึ่งถูกกดขี่โดยพวกรัฐบาลผิวขาว ถูกข่มเหงเหมือนกับไม่มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนทุกรูปแบบ เขาพาเพื่อน ๆ ทุกคนลุกขึ้นคัดค้านกฎหมายไม่เป็นธรรม กฎหมายไม่เป็นธรรมเหล่านั้นล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวอินเดีย ถึงขั้นแม้แต่ผู้หญิงถ้าจะจัดทำทะเบียนสำมะโนประชากร เขาต้องถอดเสื้อผ้าเพื่อดูว่ามีตำหนิที่ตัวตรงไหนบ้าง ทำกันถึงขนาดนั้น
นักกฎหมายหนุ่มคนนี้รู้สึกว่า นี่เรากำลังอยู่ภายใต้รัฐบาลที่ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ถ้าเรายอมเราก็คงต้องก้มหน้ารับกรรมกันไปทั้งชีวิต เราจะต้องไม่ยอมอีกต่อไป แล้วเขาก็ลุกขึ้นมาคัดค้านกฎหมายด้วยสันติวิธี ถูกทุบตี ถูกกระทำทารุณ ถูกจับขังคุก ผู้ชายคนนี้ไม่เคยล้มเลิก จนในที่สุดเขาเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วอเมริกาใต้ ใคร ๆ ก็รู้จักเขาในฐานะนักกฎหมายที่ชื่อ " ค า น ธี "
พอมีชื่อเสียงที่แอฟริกาใต้แล้วเขาก็เดินทางกลับอินเดีย พอลงจากเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่กลับมาถึงแผ่นดินอินเดีย มีคนแห่มาต้อนรับเขาหลายพันคนก่อนที่เขาจะมาถึง ชื่อเสียงของเขาได้เดินทางมาถึงแผ่นดินเกิดเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินทางมาถึงแผ่นดินอินเดีย ถ้าพินิจพิจารณาดูพ่อแม่พี่น้องของเขากว่า 300 ล้านคน ทำไมคนตั้ง 300 ล้านคนจึงปล่อยให้ทหารอังกฤษแค่ 3 แสนคนกดขี่ข่มเหง และตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ก็เลยพูดกับคนใกล้ชิดว่า
"เราเป็นทาสมานานมากเกินไปแล้ว ต้องเลิกเป็นทาสกันเสียที"
และนับแต่นั้นมา ผู้ชายคนนี้ก็กลายเป็นผู้นำพาประชาชน และเพื่อนร่วมชาติในการเรียกร้องเอกราชให้กับอินเดีย
การเรียกร้องเอกราชตามแนวทางของเขานั้น ไม่ใช้อาวุธสงคราม ใช้แต่อหิงสา คือการไม่เบียดเบียน ใช้ขันติ คือความอดทน สันติวิธีก็คือใช้แต่หัวใจที่รักในอิสรภาพเท่านั้น ในการนำพาประชาชนพ่อแม่พี่น้องชาวอินเดียทั้งประเทศให้ลุกฮือขึ้นเรียกร้องเอกราช
ในที่สุด รัฐบาลอังกฤษต้องถอนตัวไปแล้วยอมประกาศให้อินเดียพ้นจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และเป็นเอกราชโดยสมบูรณ์ ผลงานที่ผู้ชายคนนี้เป็นผู้นำนั้นก็ได้รับการยกย่องเป็นอันมาก ปราชญ์คนหนึ่งของอินเดีย คือ รพินทรนาถ ฐากูร ได้ยกย่องคานธีนักกฎหมายคนนี้ซึ่งสู้มาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ว่าเป็น " ม ห า ต ม ะ " ซึ่งแปลว่า ผู้มีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ ทุกวันนี้เขาได้รับการยกย่องเป็นที่ 3 รองจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระเจ้าอโศกมหาราช ชื่อของเขาซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป คือ มหาตมะ คานธี
ในโมงยามที่เรามีเคราะห์ที่สุด วิกฤตที่สุด เลวร้ายที่สุด ถ้ามีสติปัญญา เราจะพลิกจากเคราะห์ให้เป็นโชคขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ มหาตมะ คานธี ได้เสียชีวิตไปแล้วหลายปี แต่ในเวลานี้ ผู้ชายคนนี้ก็ยังได้รับการยกย่องสรรเสริญในฐานะผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางจิตวิญญาณของประชาชนชาวอินเดีย คนทั่วโลกล้วนแล้วแต่เคยได้ยินชื่อของผู้ชายคนนี้ทั้งนั้น
จะเห็นได้ว่าชีวิตมหาบุรุษหนึ่งคน ส่งผลถึงคนสำคัญของโลกอย่างน้อยอีก 3 คน เช่น เนลสัน แมนเดลา, ดร.มาร์ติน ลูเธอร์คิงส์ จูเนียร์ และ บารัก โอบามา นี่เฉพาะเท่าที่เรารู้จัก จริง ๆ ยังมีนักสู้ของโลกอีกเป็นร้อยเป็นพันคนที่ศึกษาชีวประวัติของมหาตมะ คานธี แล้วได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของชายคนนี้ ผู้ซึ่งรู้จักเปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชค เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสนั้นเอง
"พลิกวิกฤตเป็นโอกาส"
• • • • •
ว.วชิรเมธี
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ที่มา : หนังสือ "กลั่นทุกข์ให้เป็นสุข" | Suffering
|ความทุกข์เกิดขึ้นมาไม่ใช่เพื่อทำให้เราท้อ
|แต่เกิดขึ้นมาเพื่อให้เราก้าวต่อไปจนพบความสุข
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
กลั่นทุกข์ให้เป็นสุข (Suffering) | ว.วชิรเมธี 🌻
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย