ก่อนอื่น.. เอาบาปออกไปก่อน
ไม่ต้องไปสนใจเรื่องอื่น มีบาปก็เหมือนบ้านที่ยังเต็มด้วยขยะเน่าเหม็นสิ่งดีไหนจะเข้ามา มีแต่พวกสัตว์พาหะนำเชื้อโรคร้ายที่จะเข้ามา เราผู้อาศัยก็ได้แต่ยากลำบากและตายเร็วเท่านั้น กับคนที่ยังไม่ได้รับการชำระบาปก็จะมีแต่การสาปแช่งความซวยความร้ายเท่านั้นที่จะเข้ามา กับคนที่ยังสงสัยไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าจริงก็จะได้รู้เห็นกันตรงนี้ เพราะมีแต่พระเจ้าแท้เท่านั้นที่สามารถเอาความบาปออกไปจากใจคนได้
มันดีตรงไหนกับการใช้ชีวิตไม่มีพระเจ้า เชื่อมั่นตัวเอง เชื่อมั่นในกำลังความรู้ความสามารถ มีดีแค่ไหนกันกับมนุษย์ สู้ยุงยังไม่ได้เลย มนุษย์ตายเพราะยุงปีละเกือบแปดแสน มนุษย์เก่งดีตรงไหน แต่ถ้าทำให้ตัวเองกับคนอื่นดือดร้อน อันนี้เก่งมาก ไม่ต้องสอน มีแต่ขี้โม้ ขี้อวด รู้อะไรไม่จริงแต่พูดเหมือนรู้จริง ชอบสอนชอบเถียงคนอื่น ทั้งๆ ที่ความจริงมีอีกเยอะมากที่ตัวเองยังไม่รู้ แต่ใช้ชีวิตกร่างมาก อะไรไม่ตรงใจไม่ฟังเลย เชื่อเข้าไปได้ยังไงกับ"ตัวเอง"? เก่งดีตรงไหน ให้อธิบายออกมา เอาเข้าจริงๆ ลองค่อยๆ คิดดูสิครับแล้วคุณจะรู้จักตัวเองว่าเป็นอย่างที่ว่าจริงไหม
ดังนั้นที่คนเราโง่ เหตุเพราะยังเลือกจะเชื่อมั่นกับตัวเองอยู่นี้เอง ทั้งๆ ที่มีพระเจ้าคอยช่วย พระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นบันทึกของพระเจ้าเพื่อส่งมาให้กับมนุษย์ควบคู่ไปกับคนของพระองค์บนโลก สิ่งนี้จะช่วยให้ชีวิตปลอดภัย การเกลียดชังพระเจ้าทั้งที่ยังไม่เคยได้รู้จักอย่างชัดเจน เป็นการทำงานของมารซาตาน วิญญาณชั่วที่คอยให้ความคิด มันไม่ใช่ความคิดของตัวเราเอง ตัวเราเองจริงๆ ตอนนี้จะมีพลังที่เข้ามาทำงานอยู่ด้วย2ฝ่ายคือพระเจ้าผู้ให้ชีวิตกับมารซาตานผู้ฆ่าทำลายครับ
แม้แต่การฟังใครบอกว่าเชื่อพระเจ้าแล้วก็ต้องดูว่าเชื่อแบบไหน ถ้าแค่เชื่อว่ามีพระเจ้าก็ไม่ได้ช่วยอะไร ผีมารซาตานก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าเชื่อเพื่อจะได้รอดจากอำนาจมารซาตานที่กำลังพาไปนรก คุณต้องเชื่อตามแนวทางของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลซึ่งชี้ไปที่พระเยซูคริสต์พระเจ้าผู้มาบังเกิดอยู่ในร่างมนุษย์หรือบรรดาผู้ที่เชื่อ
"ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า <<จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า <อย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆในสวนนี้> >> หญิงนั้นจึงตอบงูว่า <<ผลของต้นไม้ต่างๆในสวนนี้เรากินได้ เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่า <อย่ากินหรือถูกต้องเลย มิฉะนั้นจะตาย> >> งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า <<เจ้าจะไม่ตายจริงดอก เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว>> เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นน่ากิน และน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีกินด้วย เขาก็กิน ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงสำนึกว่าตนเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้"
จากพระธรรมปฐมกาล 3:1-7 TH1971
วิธีฆ่าทำลายของมารซาตานคือหลอกให้หลงผิด ไม่ให้เชื่อกับความจริงสิ่งที่พระเจ้าบอกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล อย่างเรื่องของอาดัมกับเอวาตอนนี้พวกเขาถูกมารซาตานหลอกให้เชื่อว่าต้องเป็นเหมือนพระเจ้าจึงจะดีคือต้องรู้ดีรู้ชั่ว ต้องแยกแยะได้อะไรดีอะไรชั่ว และพอเชื่อมารซาตานพระเจ้าก็เลยไม่จำเป็นอีกต่อไป คิดตัดสินใจเองหมด ไม่ต้องปรึกษาพูดคุยอะไรกับพระเจ้าอีกต่อไป ฟังเสียงมารซาตานแทน
ยุคนี้ ผู้คนมากมายก็เป็นกันเยอะหนักมาก มีมือถือก็พอแล้ว มีเงินก็พอแล้ว เพื่อนพ่อแม่พี่น้องไม่สำคัญจำเป็นอีกต่อไป การมีปฏิสัมพันธ์กันแลกเปลี่ยนจิตใจกัน กับคนในครอบครัว ความสุขที่ไม่ต้องซื้อหากลับไม่เห็นค่า ไปหาความสุขกับวัตถุกับสิ่งที่ไม่มีชีวิตแทน? หลายคนแม้ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้มาก็ยอม การมีความสุขอยู่กับสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมาไม่เพียงพอ เพราะรับเอาความคิดที่มารซาตานให้ ยังพยายามหาพยายามสร้างขึ้นเอง สุดท้ายจบลงที่แย่งชิงฆ่าทำลายกัน มารซาตานเขาพาไปแต่ทางนั้นครับ
"เหมือนนกกระทาที่รวบรวมลูกซึ่งมันมิได้ฟักฉันใด คนที่ได้ความมั่งมีมาอย่างไม่เป็นธรรมก็ฉันนั้น พอถึงกลางวัย มันก็พรากจากคนนั้นเสีย และในตอนปลายของเขาเขาจะเป็นคนโฉดเขลา"
จากพระธรรมเยเรมีย์ 17:11 TH1971
ผ่านเรื่องนี้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลพระเจ้ากำลังต้องการจะบอกความจริงให้กับผู้คนได้รู้ถึงเล่ห์เหลี่ยมของมารซาตานที่กำลังล่อลวงผู้คน คุณและครอบครัวจะพินาศถ้าไม่รีบไหวตัวหันกลับมาสู่ความจริงตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ล รายละเอียดคือเจ้านกกาเหว่ามันมักจะแอบไปวางไข่ในรังของแม่นกกระกระทาตอนที่เผลอ ซึ่งกลับมาเจ้าแม่นกกระทาก็แยกไม่ออกจริงๆ ว่ามีไข่ของนกอื่นเพิ่มเข้ามา ทั้งๆที่ขนาดและสีก็ต่างกันมาก มันก็ฟักไปด้วยกัน และไอ้เจ้าไข่ของนกกาเหว่ามันฟักออกเป็นตัวได้เร็วมากทั้งๆที่มาทีหลัง
พอมันออกมาจากไข่มันก็เริ่มใช้สัญชาตญาณของมันทันที กับตอนที่แม่นกกระทาออกไปหาเหยื่อ ลูกนกกาเหว่ามันก็ใช้ปีกและหลังของมันดันตัวอ่อนของลูกนกกระทากับไข่ที่ใกล้จะเป็นตัวทิ้งออกไปตายนอกรังทั้งหมด พอแม่นกกระทากลับมา แปลกมากดูเหมือนมันไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าลูกแท้ๆ ของมันนั้นแท้จริงได้ตายหมดแล้ว ไม่เหลือเลยแม้ไข่สักฟอง ไอ้ลูกนกกาเหว่ามันฆ่าทำลายทั้งหมดแล้ว..
แม่นกก็เลี้ยงดูลูกนกกาเหว่าต่อไป ซึ่งมันกินเก่งมาก ร้องให้แม่นกกระทาช่วยหาอาหารมาป้อนให้มันทั้งวัน ตัวมันก็โตขึ้นๆ เรื่อยๆ จนคับรัง นกกรุกกรูโตเต็มที่ก็ตัวใหญ่กว่านกกระทาเยอะครับ แล้ววันนึงมันก็ได้ยินเสียงแม่นกาเหว่าร้องเรียก มันได้ยินแล้วมันก็บินไปและไม่กลับมาอีกเลย แม่นกกระทาก็ไม่เหลืออะไรเลย ลูกตัวเองก็ตายหมดไปตั้งนานแล้ว ไอ้ที่เหนื่อยยากลำบากอดทนเลี้ยงดูตลอดมาก็ไม่ใช่ลูกของตัวเอง..
พระเจ้ากำลังต้องการที่จะบอกว่ามนุษย์กำลังถูกมารซาตานหลอกเหมือนที่นกกรุกกรูทำกับแม่นกกระทาครับ คือในโลกก็ให้สนใจอยู่แต่กับเรื่องเนื้อหนังจะกินอยู่สุขสบายยังไง ทั้งๆ ที่สิ่งนี้สุดท้ายมันก็ได้แค่เน่าเปื่อยกลับกลายเป็นผงธุลีดิน แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ของชีวิตคือจิตวิญญาณ สิ่งสุดท้ายสิ่งเดียวที่จะหลงเหลืออยู่ แล้วจะไปที่ไหนต่อ ยังไง? กลับไม่สนใจไม่เตรียมอะไรเลย ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้จนถึงวันสุดท้ายบนโลก จิตวิญญาณก็จะต้องไปต่อที่.. นรกครับ
รีบหันกลับมาหาพระเยซูกันนะครับ ผ่านทางพระองค์เท่านั้น จิตวิญญาณของมนุษย์จึงจะสามารถหลุดพ้นจากความบาปการแช่งสาปได้
"เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น"
จากพระธรรมยอห์น 3:16-17 TH1971
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
