27 ธ.ค. 2021 เวลา 13:40 • หนังสือ
6 สิ่งที่ได้จากหนังสือ ‘สำเร็จได้ไม่เห็นต้องรีบ (Late Bloomer)’
พร้อมรีวิวความคิดเห็น
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคุณ ริช คาร์ลการ์ด
แปลโดยคุณอลิสา เฉลยจิตต์
1 สังคมครอบงำไปด้วยคนที่สำเร็จเร็ว
ปัจจุบันสังคมนิยมความสำเร็จเร็วเป็นอย่างมาก
ทั้งสื่อและ Social media ต่างๆ ที่มีการโพสคนที่ประสบความสำเร็จเร็ว
แต่หารู้ไม่ว่าบางทีอาจจะแลกมาด้วยความทุกข์ทรมาน
มีความเสี่ยงภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลสูงมาก
จากการที่เคร่งเรียน เรียนพิเศษกันมากมาย
แม้งานวิจัยที่นำเล่าในเล่มนี้จะเป็นของประเทศอเมริกา
แต่มีความเหมือนกับประเทศไทยอยู่พอสมควรครับ
2 สมองของคนเรามีความพิเศษ คือ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดชีวิต
มีงานวิจัยสมอง บอกว่าคนเราแบ่งความฉลาดออกเป็น 2 แบบ คือ
เชาวน์ปัญญาเหลว(Fluid Intelligence หรือ Gf)
คือ ความสามารถในการเข้าใจและแก้ปัญหาใหม่ๆ
และเชาวน์ปัญญาตกผลึก(Crystallized Intelligence หรือ Gc)
คือ ความสามารถในการนำความรู้มาใช้ หรือความรู้จากอาชีพ
Gf จะมากในช่วงอายุน้อยและลดลงในอายุที่มากขึ้น
แต่จะถูกชดเชยโดย Gc ที่ยิ่งอายุมากขึ้นจะมีมากขึ้น
หรือพูดอีกอย่างก็คือ เมื่ออายุมากขึ้นความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การแก้ปัญหาลดลง
แต่ทดแทนมาด้วยความสุชุม หรือการใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องมาประยุกต์
1
ที่สอดคล้องที่ผมชอบเล่มนี้คือ ในสมัยก่อน คนที่ได้รับรางวับโนเบลมีอายุเฉลี่ยที่ 20 นิดๆ
แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 39 ปี เพราะในปัจจุบัน การคิดค้นอะไรใหม่ๆ
จะต้องใช้ทั้งความสามารถจากทั้ง Gf และ Gc ครับ
1
3 การทำข้อสอบไม่ได้วัดความสำเร็จได้ เพียงแค่วัดความฉลาดเท่านั้น
2
เล่มนี้เล่าประวัติเกี่ยวกับการสอบมาเยอะพอสมควรเลยครับ
สังคมวัดการสอบ การวัดระดับ และมีการปลูกฝังว่า
คนทำข้อสอบได้คะแนนมากๆจะประสบความสำเร็จมากกว่า
แต่แท้จริงมันไม่เกี่ยวครับ
ผู้เขีนได้ให้นิยามความสำเร็จไว้ว่า
โอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตให้เต็มประสิทธิภาพและการได้เป็นของตัวเอง
และเนื้อหาส่วนใหญ่ทั้งเมจะบอกว่า ถ้าเราประสบความสำเร็จช้า
ไม่ได้สำเร็จเร็ว ไม่ได้ข้อสอบได้เต็ม ต้องทำอย่างไร
4. ทุกคนล้วนเผชิญความไม่มั่นใจในตนเอง
ทุกคนไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนหรือประสบความสำเร็จช้าเร็วแค่ไหน
ทุกคนจะมีความไม่มั่นใจในตนเอง
จากการที่ไปสำรวจคนมากมาย
แม้แต่นักฟิสิกส์ระดับโลกก็มีความสงสัยในตนเอง
ตอนที่ส่งผลงานไปตีพิมพ์แล้วล้มเหลว โดนตีกลับมาหลายครั้ง
แม้จะเคยเก่งมาแค่ไหน ทุกคนล้วนไม่มั่นใจในตนเองอยู่ดีครับ
โดยหากเราท้อแท้ไม่มั่นใจ
แนะนำลองให้กำลังใจตนเองจากมุมมองบุคคลที่ 3 ดูครับ
นึกถึงว่าหากเราเป็นคนอื่น คนนั้นจะให้กำลังใจเราอย่างไร
เราจะได้มุมมองที่เป็นกลางและมีความเป็นเหตุเป็นผลครับ
5 เราเติบโตช้า ลองเปลี่ยนกระถางที่อยู่ดีไหม
กระถางที่อยู่เปรียบเหมือนสถานที่ทำงาน งานที่เราทำ
หากเห็นว่ามันไม่ได้ทำให้เราเติบโตขึ้นลองเปลี่ยนดีไหม
การจะหากระถางที่เหมาะกับเราไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่กระถางที่เหมาะกับเราจริงๆ ควรมีลักษณะสภภาพแวดล้อมใกล้กับ
พรสวรรค์หรือนิสัยของเรา ยิ่งใกล้ ยิ่งคล้ายมากเท่าไหร่
โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จ (ผลิบาน) ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
โดยเราจะต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง
วาดภาพในอนาคตของตนเองและเชื่อแบบนั้น
ประโยชน์จากการที่ย้ายกระถางของเราคือ เรากำหนดชีวิตตนเองได้
ไม่ต้องให้ใครมาออกแบบ ไม่มีกระถางใบไหนใหญ่พอสำหรับเราตลอดเวลา
เพราะคนเราต้องเติบโตและเรียนรู้ตลอดเวลาครับ
2
6 คนประสบความสำเร็จช้า จะสำเร็จในระยะยาว
จากเหตุผลที่ว่า คนเราสร้างเรื่องราวเก่ง
มันจะมีประโยชน์กับคนที่สำเร็จช้าตรงที่
การยอมรับความผิดพลาด พร้อมทั้งเผชิญหน้าและท้าทายมัน
ด้วยการวิ่งไปสู่จุดหมายในเชิงบวกครับ
และอีกเหตุผลคือ คนสำเร็จช้ามีความอดทนสูงครับ
จากงานวิจัยบอกว่ายิ่งอายุเยอะยิ่งมีความอดทนสูง
เพราะเกิดจากการใช้ชีวิตและประสบการณ์ของเรา
การได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มากขึ้น
และเรียนรู้จากการลงมือทำอย่างใจเย็นครับ
หนังสือมีรายละเอียดอื่นพอมควร แต่คร่าวๆก็ทำให้เห็นแล้วว่า
คนที่ประสบความสำเร็จช้ามีความเก่งในแบบของเรา
มีทั้งข้อดีที่คนสำเร็จเร็วไม่มี (ผมจะมาเล่าในโพสถัดๆไปครับ)
แนะนำให้ลองหยิบมาอ่านกันครับ
ความคิดเห็นหลังอ่านหนังสือเล่มนี้
เล่มนี้ทำให้มองความสำเร็จนอีกด้านเลยครับ
ว่าแม้ประสบความสำเร็จไม่ได้เร็ว แต่ก็มีข้อดีของมัน
แถมการเคร่งเครียดมากเกินไปก็ส่งผลต่อสุขภาพของเราเอง
เล่มนี้มีการอ้างอิงงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จในแต่ละช่วงเวลามาก
แต่ถ้าได้อ่านดีๆจะรู้ว่าแต่ละงานวิจัยสนับสนุนเหตุผลในหนังสือเล่มนี้ดีมากครับ
ดังนั้น ทุกช่วงชีวิตของเราสามารถประสบความสำเร็จได้หมด ไม่ว่าช้าเร็ว
ความสำเร็จไม่มีเส้นตายว่าต้องได้นอายุเท่าไหร่
ทุกคนมีเส้นทาง ของตัวเอง
ทุกคนล้วนมีเส้นชัยให้ก้าวไปถึงครับ
ขอบคุณสำหรับการรับชมครับ
โฆษณา