Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ป
ปกรณ์ ปราสาททอง
•
ติดตาม
30 ธ.ค. 2021 เวลา 17:01 • ปรัชญา
1. พระแม่พระโพสพ ..ทำบุญน้อมถวาย และขออโหสิกรรม
การได้จุติเกิดขึ้นก็คือ เรื่องราวของการจุตินั้นเอง จุติมาจากแสง แสงประกอบเป็นรูป ลักษณะ.. ลักษณะของเทพที่เกิดขึ้น หรือ เรียกหนึ่งที่ปรากฏของดินฟ้าอากาส รวมกันเป็นแสงรัตนะ หนุนนำให้กับโลกมนุษย์ เพื่อจะเลี้ยงสังขารโลกมนุษย์ ให้มีชีวิต โดยเป็นเมล็ดพืชหนึ่ง ซึ่งปรากฏขึ้น ส่งให้กับสิ่งที่มีชีวิตได้ขบได้เลี้ยงชีวิต โดยพืชหนึ่งซึ่งอยู่ในเรื่องราวของข้าวทั้งหลาย หรือ ผลไม้ทั้งหลายที่ปรากฏนั้น ก็มาจากที่เดียวกัน เค้าเรียกว่า เทพจุติประทานสิ่งทั้งหลายให้มนุษย์ ได้มาเลี้ยงสังขาร ชั่วระยะหนึ่งของสังขารนั้นๆ จะเป็นสัตว์ก็ดี จะเป็นมนุษย์ก็ดี หรือ สิ่งทีมีชีวิตทั่งหลายในโลกนี้ ได้ประทานสิ่งนั้นขึ้นมา
สมมุติเกิดขึ้นที่ขนานนามว่า พระโพสพ โพธิกะริยานัง มิได้เป็นตัวตน เหมือนเหล่าทวยเทพทั้งหลาย แต่มาปรากฏขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีชีวิตที่ต้องใช้สังขาร จิตที่ต้องใช้สังขารก็ต้องประกอบไปด้วย ..จะเป็นผลไม้ต่างๆ ข้าวทั้งหลายก็ดี ผลไม้ก็ดี รวมกันเรียกว่า.. จะเป็นบูชา ที่เรียกกันในมนุษย์ทั้งหลาย ที่สมมุติขึ้นมาว่าเป็นพระแม่พระโพสพ แต่ชื่อหนึ่งนั้นเค้าไม่ได้ปรากฏอยู่กับดินฟ้าอากาศ แต่เป็นสมมุติขึ้นมาเท่านั้น แต่สิ่งที่ท่านให้คือ ผลไม้ต่างๆ ข้าวต่างๆ ก็ถืออยู่ในเรื่องการบริโภคของผู้ที่มีชีวิตที่มีสังขาร ช่วยเหลือเกื้อกูลกับผู้ที่มีสังขาร จะเป็นสังขารที่ มีความสุข หรือ มีความทุกข์ ก็ต้องใช้เรื่องราว ของพืชพันธุ์ต่างที่เกิดขึ้น
บางคนบางมนุษย์บางชีวิตของสัตว์โลกทั้งหลาย มองเห็นคุณค่า เรื่องราวต่างๆก็ดี ไม่เห็นคุณค่าก็ดี ถ้าไม่เห็นคุณค่าจิตๆนั้นๆก็จะไม่ได้เห็น ไม่ได้ประจักษ์คุณค่า แล้วผู้นั้นก็จะมีจิตที่สร้างแต่กรรม คือ จะเป็นคนที่กินซึ่งกันและกัน ซึ่งออกมาจากเนื้อ จึงมองไม่เห็นคุณค่าของผลไม้ หรือ พืชพันธุ์ต่างๆที่เกิดขึ้น จึงบอกให้ปรากฏว่า สิ่งทั้งหลายนั้นรวมแล้ว จะระลึกถึงอ้างว่าเป็นพระแม่พระโพสพก็ได้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งนั้น มิใช่แยกออกจากกัน ส้มลูกหนึ่งก็เรียกส้ม ข้าวก็เรียกว่าข้าง แต่รวมแล้วก็อยู่ในโลกเดียวกัน ฉะนั้น ที่เรียกว่าพระแม่พระโพสพ นั้นกมาจากที่เดียวกัน เป็นผู้ประทานเรื่องราวเหล่านี้ ให้กับสิ่งที่มีชีวิตที่อยู่ในโลกนี้ เป็นที่ประจักษ์
จะอธิบายให้ฟังสักนิดหนึ่ง ผลไม้ก็ดี ข้าวก็ดี ไปตบแต่งเรื่องราวต่างๆ ก็ไปเป็นอาหารอย่างหนึ่ง ที่ผลิตเป็นน้ำเลือดน้ำหนองได้ทั่งนั่น มิใช่เจาะจงว่า อันนั้นอันนี้จะเลื้ยงมนุษย์ไม่ได้ เลี้ยงที่มีชีวิตไม่ได้ แต่ได้ทั้งนั้นก็รวมแล้วทั้งหมด ที่ท่านทั้งหลาย หรือ ผู้ที่กล่าวคำว่า พระแม่พระโพสพ หรือ จะเรียกอย่างหนึ่งอย่างใดก็แล้วแต่
ผู้ที่สร้างบุญสร้างกุศล น้อมนำ เพื่อน้อมถวาย เป็นกุศลนั่น ก็เป็นที่ประจักษ์ว่า ทุกสิ่งเป็นพืชพันธุ์ผลไม้ต่างๆ นั้นมาอยู่ที่เดียวกัน ก็ถือว่าได้สร้างบุญ ได้อาศัยเนื้อนาบุญนั้นๆ มาเป็นช๊วิตที่อยู่ปัจจุบัน แล้วเกิดมาก็ต้องอาศัยเรื่องราวเหล่านี้ ไม่ได้ไปอาศัย เรื่องราวต่างๆ บางคนก็ต้องบอกว่าต้องมีเนื้อ เนื้อของเป็ดไก่ กุ้งหอยปูปลา พวกเหล่านั้นก็ต้องอาศัยพืชพันธุ์ต่างๆ ถึงมีชีวิตได้ แล้วผลิตออกมาเป็นรูปร่างต่างๆ ที่เกิดขึ้น ฉะนั้น การที่เอาผลไม้ ข้าวปลาอาหาร ข้าวต่างๆ จะไปทิ้งขว้างโดยไร้ประโยชน์นั้น จะทำให้เราขวนขวายที่จะมีชีวิต ขาดเรื่องราวเหล่านั้นไป
สิ่งทั้งหลายผลไม้ก็ดี ข้าวก็ดี เรื่องราวต่างที่เกิดขึ้น จะทิ้งจะขว้างก็ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย คือ มีความเคารพเกิดขึ้น จะได้เกิดมาทุกชาติๆ เมื่อมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ จะได้อาศัยเรื่องราวเหล่านี้ สืบต่อไป
เมื่อผู้ที่น้อมนำ มาขบฉันมากินมาอยู่ ด้วยความทะนุถนอม จิตผู้นั้นก็เริ่มเป็นจิต ที่อ่อนโยน อ่อนน้อม สร้างกรรมน้อยลงไป
ผู้ที่เห็นสิ่งต่างๆ ที่กินแล้วนั้นคือ อาหารต่อไป เค้าก็จะกินอาหารพวกนี้ คือ ไม่อยากกินไม่อยากแตะต้อง คือหากินไม่ได้ ผลักไสไล่ส่งไป ชี้ให้เห็นถึง คนป่วยอยู่ปัจจุบัน เค้าจะไม่อยากกิน ผลไม้ ข้าวปลาก็ไม่อยากจะมากินมาอยู่ เพราะไม่รู้จักคำว่าคุณที่เกิดขึ้น
คราวนี้ ที่มาสร้างบุญสร้างกุศลในวันนี้ เท่ากับรู้จักต้นต่อ คือ น้อมนำสร้างกุศล ขึ้นมาเพื่อน้อมนำ..ถวาย และ เป็นการอโหสิกรรม ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนำมาเป็นเรื่องที่ถูกต้องเกิดขึ้น ทำให้ต่อๆไป ผู้ที่น้อมนำเกิดขึ้นก็มีจิตใจอ่อนโยน เพราะไม่ไปดูถูกอาหารการกินนั้นเอง ก็จะได้ไม่เบื่อหน่าย ที่เอาสิ่งเหล่านี้ มาประทังชีวิตที่ได้เกิดมาในโลกใบนี้ ที่มีทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างๆ ก็ได้มาอาศัยเรื่องราวของพระแม่พระโพสพ ก็ให้บอกมาคร่าวๆเท่านั้น มิได้ละเอียดละออมากมายนัก
อยากจะรู้ อยากจะกระทำ ให้เดินจงกรม นึกถึง พระแม่ท่าน ที่จริงแล้วจะบอกว่า เรียกก็ได้ หรือ นึกถึงอาหารการกิน เป็นเวลา ๓๐ ชั่วโมง ก็จะเข้าใจ และเป็นปัจจัตตัง อยู่ในจิตของตัวเอง จะแจกแจงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น การกระทำนั้นต้องติดต่อกัน ไม่ใช่ทำวันเว้นวันอย่างนั้น ปัญญามันก็ไม่เกิด เหมือนกับเราได้กินอาหารมื้อนี้ แล้วก็ขอปฏิบัติ เดินจงกรมเป็นเวลา ๓๐ ชั่วโมง จะเป็นสามสิบวัน หรือ ยี่สิบวัน หรือ สิบวัน อะไรอย่างนี้เป็นต้น ต้องกำหนดวัน และเวลาให้ปรากฏขึ้น
การกระทำได้ มันเป็นปัจจัตตัง แล้วก็เป็นการติดอยู่ที่จิตมีปัญญาเกิดขึ้น ใครอยากปรารถนาเรื่องราวเล่านี้ อยากรู้อยากประจักษ์ ว่าพระแม่โพสพมีจริงมั้ย แล้วเป็นเรื่องราวของปัจจัตตัง ที่จะรู้ได้ เฉพาะผู้ที่ปฏิบัติที่แท้จริง ไม่ใช่เดินจงกรม เดินแล้วจิตใจก็เลื่อนลอยไปคิดโน้นคิดนี้ อย่างนั้นใช้ไม่ได้ มันจะไหลไปบ้างอะไรไปบ้าง ก็ควรจะบอกจิตของเราเป็นนิจสิน ว่าขณะนี้ เราเดินจงกรม เพื่อระลึกถึง พระแม่พระโพสพ ระลึกถึงการเป็นมาของชีวิตของเราเท่านั้น
อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จิตสามารถสกัดได้ ตามที่เค้าได้ชี้ไว้ตั้งแต่หนแรกว่า ให้กายนิ่งจิตนิ่ง เมื่ออารมณ์มันเกิดขึ้น ยืนนิ่งๆ ก่อนจะก้วต่อไปก็พูดออกมาเช่นนี้ พูดเสร็จแล้วทำได้ แล้วก็เดินต่อไป ทุกครั้งที่อารมณ์มันเกิด อย่าไปอุปโลกน์ขึ้นมาว่า เดินไปอารมณ์มันเกิด กายนิ่ง จิตนิ่งก็ยังเดินอยู่ เค้าเรียกว่า ไม่หยุดยั้งอารมณ์ ..หยุดยั้งอารมณ์เสีย โดยทำกายยืนนิ่งๆ สักนิดหนึ่ง แล้วค่อยก้าวต่อไป อย่างนี้เราก็จะได้สิ่งที่ปรากฏเป็นปัจจัตตัง ที่รู้รายละเอียดต่างๆ ที่เราอยากจะรู้ที่มาที่ไป ยิ่งมาทำการถวายต่อพระแม่พระโพสพ ท่านก็ปรากฏขึ้นมาเป็นแสง แล้วก็เป็นรูป รูปนั้นจะเรียกว่าเป็น เทพก็ได้ หรือ จะไปเรียกดินฟ้าอากาศก็ได้ แล้วแต่ เพราะฉะนั้น เราอยากจะรู้ ก็ทำที่ได้กล่าวให้รู้เรื่องราวต่างๆ พอสมควรแก่เหตุ สาธุ สาธุ สาธุ
ขอให้หูทิพย์ตาทิพย์ ทั่งเทพสถิตย์ และ เทพจักรวาล ที่มีเทพน้อยใหญ่ ห้อมล้อมอยู่ในขณะนี้ มีทั้งพระอินทร์ พระพรหม มาคอยห้อมล้อมหนุนนำ ส่งเสริม ขอให้ทำจิตทำใจให้มั่นคง จิตนิ่งๆ จิตเฉยๆ ศูนย์ธรรม ..(ปร) ลงมาประคับประคอง หนุนนำจิตน้อยๆ ทำจิตเข้าศูนย์…ขอให้ศูนย์ธรรม ดูดจิตน้อยๆนี้เข้าศูนย์รัตนะ เพื่อให้ปรากฏเป็นพระแม่พระโพสพ (ปร)…ผู้ที่ทำได้ก็..ผู้ทำไม่ได้ก็ได้..ขอเปิด ยุติ ปิดศูนย์…ขยับเขยื้อนจิตแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ
1 บันทึก
1
8
1
1
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย