2 ม.ค. 2022 เวลา 10:00 • กีฬา
13 นักเตะผู้ครองสถิติโลก ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้ | Main Stand
1
ทุก ๆ การกระทำบนพื้นหญ้าของนักฟุตบอลอาจนำไปสู่ประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจคาดคิดได้ ดังนั้นทุกช่วงเวลาที่พวกเขาบรรเลงเพลงแข้งในสนามย่อมสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้
1
ก่อนหน้านี้ Main Stand ได้เคยเสนอในหัวข้อ 8 สถิติทางฟุตบอลที่ยากจะทำลายกันไปแล้ว แต่ในวันนี้พวกเราขอนำเสนอเรื่องของนักฟุตบอลที่ได้จารึกชื่อไว้ว่าได้สร้างสถิติโลกเป็นของตัวเอง ซึ่งบางรายถึงขั้นได้รับการรับรองจาก กินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ด องค์กรบันทึกสถิติโลกที่ได้การยอมรับระดับโลกเลยทีเดียว
สถิติที่รวบรวมมาในลิสต์นี้ บางเรื่องอาจฟังดูแปลก ๆ แต่บางเรื่องอาจพาคุณไปพบกับสิ่งใหม่ที่ต้องร้องว้าว หรืออาจไปกระตุ้นความทรงจำในอดีตว่านักเตะคนนี้ก็มีสถิติโลกกับเขาด้วย
Main Stand จะพาทุกคนไปดู 13 นักเตะผู้ครองสถิติโลกที่คุณอาจไม่เคยรู้ หรือบางรายก็นานจนลืมกันไปแล้ว ว่ามีใครอยู่ในลิสต์นี้บ้าง ติดตามกันได้ที่นี่…
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ - ยิง 5 ประตูใน 9 นาที
หนึ่งในสุดยอดกองหน้าระดับโลกที่กาลเวลาไม่อาจทำอะไรกับความโหดของชายผู้นี้ได้ แม้หลายคนจะตั้งคำถามกับกองหน้าชาวโปแลนด์คนนี้ว่าโชคดีที่อยู่กับทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค เลยยิงได้เยอะ แต่อย่างไรก็ดีข้อครหาต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้าใส่ เลวานดอฟสกี้ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาเลย
ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่สองของเลวานดอฟสกี้กับทัพ "เสือใต้" วันที่ 22 กันยายน 2015 ในเกมบุนเดสลีกา เยอรมัน บาเยิร์น มิวนิค เล่นในบ้านพบกับ โวล์ฟส์บวร์ก ครึ่งแรกเกมจบด้วยความสูสีของทั้งสองทีมโดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าสถิติโลกจะถูกสร้างขึ้นในเกมครึ่งเวลาหลัง
ทันทีที่เสียงนกหวีดเกมครึ่งหลังดังขึ้น การแข่งขันได้ดำเนินไปถึงนาทีที่ 51 เลวานดอฟสกี้ ยิงประตูให้ บาเยิร์น ขึ้นนำ โวล์ฟส์บวร์ก 1-0 แต่เขาไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะเขาตะบันซัดไปอีก 4 เม็ดรวดในนาทีที่ 52, 55, 57 และ 60 รวมทั้งสิ้น 5 ประตู โดยใช้ระยะเวลาเพียง 9 นาทีเท่านั้น
อาจจะฟังดูง่าย ๆ แต่ในสนามฟุตบอลของจริง เหตุการณ์นี้ไม่มีความบังเอิญแน่นอน
ชมคลิปได้ที่นี่ :
เอแดร์ซอน โมราเอส - เตะดร็อปคิกไกลที่สุดในโลก
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าผู้รักษาประตูของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คนนี้ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถือครองสถิติโลกที่ได้รับการรับรองจาก กินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ด อย่างเป็นทางการ
สถิติถูกบันทึกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2018 เมื่อ อดัม บราวน์ เจ้าหน้าที่ของ กินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ด พร้อมทีมงานได้เดินทางมาจดบันทึกพร้อมวัดระยะทางด้วยตนเอง ณ สนามซ้อมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยขั้นตอนการบันทึก เอแดร์ซอน จะทำการเตะดร็อปคิกทั้งหมด 3 ครั้ง โดยยึดเอาระยะทางที่ไกลที่สุดเป็นสถิติโลก
1
ผลการเตะทั้ง 3 ครั้งของ เอแดร์ซอน ระยะการตกของลูกบอลที่ไกลที่สุดเกิดในการเตะครั้งที่ 3 ด้วยระยะทาง 75.35 เมตร มีความยาวเทียบเท่ากับรถบัส 2 ชั้นจำนวน 7 คัน โดยหลังจากการเตะสุดบ้าระห่ำนี้ อดัม บราวน์ เจ้าหน้าที่ของ กินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ด ก็ได้มอบใบรับรองให้กับ เอแดร์ซอน กับมือในทันที
ชมคลิปได้ที่นี่ :
เดเล อัลลี่ - เตะลอดหว่างขามากที่สุดในเวลา 30 วินาที
ใครจะไปเชื่อว่าสิ่งที่คนไทยส่วนมากเรียกกันติดปากว่า "ลอดดาก" จะกลายมาเป็นสถิติโลกได้
แต่สำหรับ เดเล อัลลี่ กองกลางตัวเทพของ ท็อตเเนม ฮอตสเปอร์ กลับทำสิ่งนี้ให้เป็นสถิติโลกได้ โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 เขาได้ร่วมสร้างสถิตินี้กับ จอร์จ เควิน เอ็นคูดู เพื่อนร่วมทีมในเวลานั้น ซึ่ง อดัม บราวน์ เจ้าหน้าที่ของ กินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ด พร้อมทีมงานได้เดินทางมาจดบันทึกสถิติด้วยตนเอง ณ สนามซ้อมของ สเปอร์ส เช่นกัน
1
โดยขั้นตอนการบันทึก เอ็นคูดู จะยืนถ่างขาอยู่กับที่ ให้ อัลลี่ คลึงบอลลอดหว่างขาเป็นเลข 8 ทำ 3 ครั้ง โดยจับเวลา 30 วินาที ยึดเอาครั้งที่จำนวนมากสุดเป็นสถิติโลก
2 ครั้งแรก อัลลี่ ทำได้ 7 ครั้งเท่ากัน แต่ในครั้งสุดท้าย เอ็นคูดู ได้ถอดรองเท้าออกซึ่งทำให้ อัลลี่ ทำได้ 8 ครั้งใน 30 วินาที จากนั้น อดัม บราวน์ ก็ได้มอบใบรับรองของ กินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ด กับ อัลลี่ ทันที
ชมคลิปได้ที่นี่ :
เลดิโอ ปาโน่ - ยิงจุดโทษเข้า 100% มากที่สุดในโลก
การสังหารเป้านิ่งระยะ 12 หลา อาจทำได้ง่าย ๆ แต่มันก็เต็มไปด้วยแรงกดดันที่ผู้ยิงมักถูกคาดหวังว่า "ห้ามพลาด"
โลกใบนี้มีนักฟุตบอลมากมายที่เป็นราชาแห่งการซัดจุดโทษ เช่น แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ตำนานของเซาธ์แฮมป์ตัน ที่ตลอดอาชีพค้าแข้งเขายิงจุดโทษเข้า 48 จาก 49 ครั้ง เท่ากับว่าเขาพลาดไปแค่ครั้งเดียว
1
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือ เลอ ทิสซิเอร์ ยังมี เลดิโอ ปาโน่ นักเตะชาวแอลเบเนียที่ทำสถิติยิงจุดโทษเข้าทุกครั้งโดยไม่พลาดเลย ตลอดการเป็นนักฟุตบอลของ ปาโน่ ทั้งในประเทศแอลเบเนียและประเทศกรีซ ตั้งแต่ปี 1986-2002 เพลย์เมกเกอร์รายนี้ได้รับโอกาสสังหาร 50 ครั้ง เข้า 50 ครั้ง และเป็นสถิติโลกมาจนถึงทุกวันนี้
มาร์ติน ปาเลร์โม่ - พลาดจุดโทษ 3 ครั้งในเกมเดียว
หนึ่งสถิติโลกที่ยากจะทำลายของ มาร์ติน ปาเลร์โม่ อดีตศูนย์หน้า โบคา จูเนียร์ส ผู้โด่งดังกับการที่ได้รับโอกาสซัดจุดโทษถึง 3 ครั้งแต่ไม่เข้าเลยสักครั้งเดียวจนเป็นสถิติโลกมาจนถึงทุกวันนี้
ย้อนกลับไปในการแข่งขัน โคปา อเมริกา 1999 ที่ประเทศปารากวัย เกมนัดที่สองรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม C คู่ระหว่าง อาร์เจนตินา พบกับ โคลอมเบีย ในเกมนั้น ปาเลร์โม่ รับหน้าที่สังหารจุดโทษให้กับทัพ ฟ้า-ขาว ถึง 3 ครั้ง โดยลูกแรกเขายิงไปชนคาน ลูกที่สองยิงไปเช็ดคานออกหลัง และลูกที่สามถูกผู้รักษาประตูเซฟ
ก่อนจบเกมที่ โคลอมเบีย ชนะไป 3-0 อย่างไรก็ดีในเกมนี้มีการยิงจุดโทษถึง 5 ครั้ง แบ่งเป็นอาร์เจนตินา 3 ครั้ง และ โคลอมเบีย 2 ครั้ง แต่กลับมีการยิงพลาดถึง 4 จาก 5 ครั้งด้วยกัน
ชมคลิปได้ที่นี่ :
โจน ซามูเอลเซ่น - โหม่งทำประตูไกลสุดในโลก
1
พูดถึงการโหม่งบอล ผู้เล่นที่ตัวสูงย่อมได้เปรียบกว่าใคร เพราะสรีระร่างกายของคนเหล่านี้จะช่วยให้ช่วงชิงโอกาสในการกระโดดเทคตัวได้สูงกว่า แต่ถ้าหากจะบอกว่าสถิติโลกการโหม่งทำประตูที่ไกลที่สุดในโลกมันเกิดจากนักฟุตบอลที่มีส่วนสูงแค่ 172 เซนติเมตร จะมีคนเชื่อเรื่องนี้ด้วยหรือ ?
แต่ในวันที่ 25 กันยายน 2011 โจน ซามูเอลเซ่น มิดฟิลด์ชาวนอร์เวย์ กลับได้จารึกสถิติโหม่งไกลที่สุดในโลกด้วยส่วนสูงเพียงแค่ 172 เซนติเมตร ซึ่งระยะทางที่เขาโขกประตูได้มันไกลถึง 58.13 เมตร หมายความว่าเขาโหม่งตั้งแต่อยู่ในแดนของตัวเอง!
เกมลีกนอร์เวย์ฤดูกาล 2011-2012 คู่ระหว่าง ออด เกรนแลนด์ เปิดบ้านพบ ทรอมโซ่ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บขณะที่ทีมเจ้าบ้านนำอยู่ 2-1 ทีมเยือนได้ลูกเตะมุมซึ่งผู้รักษาประตูของ ทรอมโซ่ ก็เติมขึ้นมาลุ้นทำประตู อย่างไรก็ตามเมื่อบอลถูกเปิดเข้ามานักเตะของ เกรนแลนด์ ก็สกัดและเตะทิ้งขึ้นมาได้ และนักเตะของ ทรอมโซ่ ก็พยายามโหม่งย้อนกลับเข้าไปอีก แต่อนิจจา บอลเจ้ากรรมดันไปเข้าหัวของ ซามูเอลเซ่น โขกสวนกลับไปจากในแดนตัวเอง ก่อนที่บอลจะกลิ้งช้า ๆ เข้าประตูไปจนกลายเป็นสถิติโลก
ณ วินาทีนั้น แม้แต่ตัวของ ซามูเอลเซ่น เองก็ยังไม่คาดคิดไว้ด้วยซ้ำว่าจะได้เป็นเจ้าของสถิติโลก
ชมคลิปได้ที่นี่ :
เวย์น รูนี่ย์ & ทิม เคฮิลล์ - นักฟุตบอลที่ขึ้นปกเกมฟีฟ่ามากที่สุด
คอเกม ฟีฟ่า หลายคนเคยสังเกตกันบ้างไหม ว่าใครคือสุดยอดนักฟุตบอลที่ไปปรากฏบนหน้าปกเกมมากที่สุด
1
หากย้อนไปในช่วงปี 2004-2013 ถ้ามีใครสักคนบอกคุณว่า เวย์น รูนี่ย์ เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก คุณคงไม่ปฏิเสธที่จะเห็นด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการนำนักฟุตบอลแห่งยุคไปขึ้นอยู่บนปกเกมมันก็ช่วยให้กระตุ้นยอดขายได้มากกว่าเดิม และเพียงแค่ รูนี่ย์ คนเดียวเขาก็เหมาขึ้นปกฟีฟ่าไปแล้วถึง 7 ภาค ตั้งแต่ภาค 06-12 โดยมี ลิโอเนล เมสซี่ ตามมาติด ๆ ด้วยการได้ขึ้นปก 4 ครั้งซ้อนในภาค 13-16
นอกจาก รูนี่ย์ แล้ว อีกหนึ่งนักเตะที่ได้ขึ้นปกสถิติเทียบเคียงกับอดีตดาวยิงชาวอังกฤษ นั่นคือ ทิม เคฮิลล์ ตำนานศูนย์หน้าจอมโขกชาวออสเตรเลีย ที่ได้ขึ้นปกฟีฟ่าเวอร์ชั่นออสซี่ถึง 7 ครั้งด้วยกันในภาค 10-16
ไม่รู้ว่านับจากนี้ไปจะมีนักฟุตบอลคนใดก้าวขึ้นมาอยู่ปกเกมฟีฟ่าได้มากกว่า รูนี่ย์ กับ เคฮิลล์ อีกหรือไม่ แต่หลายคนคงพอเดาชื่อกันได้บ้างแหละ
เอซเซลดิน บาฮาเดอร์ - นักฟุตบอลอายุมากสุดในโลก (อย่างเป็นทางการ)
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา รอนนี่ บรุนสไวก์ รองประธานาธิบดีของประเทศซูรินาเม ได้ลงแข่งขันฟุตบอลกับทีม อินเตอร์ โมเอ็นโกตาโป ด้วยวัย 61 ปีจนสร้างกระแสฮือฮาไปทั่ว และถ้าคุณคิดว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่อายุมากที่สุดในโลกล่ะก็ คุณคิดผิดเต็ม ๆ เลยล่ะ
เพราะเจ้าของสถิติโลกตัวจริงเป็นของ เอซเซลดิน บาฮาเดอร์ คุณตาวัย 74 ปีชาวอียิปต์ โดยคุณตาได้จารึกสถิติโลกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2020 กับสโมสร ซิกซ์ ออฟ อ็อกโทเบอร์ ในเกมลีกดิวิชั่น 3 ของอียิปต์ ในเกมพบกับ อัล อายัต
ถึงเกมนั้นจะแพ้ไป 2-3 แต่ กินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ด ก็ได้มอบใบรับรองให้กับคุณตาเจ้าของสถิติโลกด้วยอายุ 74 ปี 125 วันหลังจบเกมทันที ซึ่งคุณตาที่เป็นแฟนบอล ลิเวอร์พูล ก็ได้กล่าวหลังเป็นเจ้าของสถิติโลกว่า
"คุณอย่าสร้างขีดจำกัดความต้องการของตัวเอง ถ้ามีบางสิ่งในชีวิตที่คุณยังไม่ได้ทำ คุณต้องรีบทำตั้งแต่ยังอายุยังน้อยและมีสุขภาพที่แข็งแรง คุณเริ่มลงมือทำได้ทุกเมื่อ มันไม่เกี่ยวกับอายุ อย่าปล่อยให้เวลามันผ่านไป"
สำหรับคุณตาบาฮาเดอร์ ลงสนามให้กับ ซิกซ์ ออฟ อ็อกโทเบอร์ ไป 2 เกม ยิงได้ 1 ประตู
ชมคลิปลีลาการเตะฟุตบอลของคุณตาได้ที่นี่เลย :
เมาริซิโอ บัลดิเวียโซ่ - นักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในลีกสูงสุด
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โลกฟุตบอลถึงกับต้องตกตะลึงเมื่อเด็กชายวัย 11 ขวบชาวไลบีเรียนามว่า เอริค มาร์แชลล์ ได้ลงเล่นฟุตบอลให้กับ เอฟซี การู ทีมลีกดิวิชั่น 4 ในประเทศไลบีเรีย โดยเจ้าหนูคนนี้ลงสนามไปเล่นกับผู้ใหญ่แบบไม่เคอะเขิน แต่มันก็เป็นแค่ฟุตบอลระดับดิวิชั่น 4 เท่านั้น
เพราะในโลกนี้มีคนจริงกว่า ย้อนกลับไปในปี 2009 สโมสร คลับ ออโรร่า จากลีกสูงสุดประเทศโบลิเวีย ได้ส่งเจ้าหนู เมาริซิโอ บัลดิเวียโซ่ ที่อายุแค่ 13 ปี 3 วันลงสนามเป็นตัวสำรองช่วงท้ายเกม ในเกมที่ดวลกับ ลา ปาซ เอฟซี จนกลายเป็นสถิติโลกอย่างเป็นทางการมาจนถึงทุกวันนี้ เกมดังกล่าวจบลงด้วย ลา ปาซ เอฟซี เปิดบ้านชนะ คลับ ออโรร่า 1-0
ส่วนสาเหตุที่เขาได้ลงสนาม นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นลูกชายของ ฮูลิโอ บัลดิเวียโซ่ กุนซือของทีม คลับ ออโรร่า นั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีเขาก็ได้ลงสนามเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น เพราะหลังจบเกม ฮูลิโอ ได้กล่าวหาผู้เล่นทีมคู่แข่งที่ทำให้ลูกชายของเขาบาดเจ็บในเกมออกสื่อ และหลังจากเกมนี้แค่ 5 วัน ฮูลิโอ ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังจากสโมสรให้เขาเลือกระหว่างทีมกับลูก แน่นอนว่าเขาเลือกลูก
อย่างไรก็ตาม สองพ่อลูก บัลดิเวียโซ่ ได้หวนกลับมาที่สโมสร คลับ ออโรร่า อีกครั้งในปี 2011 ซึ่งแน่นอนว่าคนพ่อก็ส่งลูกลงสนามอีกตามเคย แถมได้ลงมากกว่าเดิมด้วยเพราะว่า เมาริซิโอ อายุ 15 ปีแล้ว โดย เมาริซิโอ ลงสนามในฤดูกาล 2011 ไป 19 เกม และยิงได้ 3 ประตู
แต่หลังจากปี 2015 เป็นต้นมาสองพ่อลูก บัลดิเวียโซ่ ก็แยกกันไปคนละทาง คนพ่อไปรับงานโค้ชทีมชาติโบลิเวีย ส่วนคนลูกย้ายไปเล่นให้กับสโมสร วิลสเตอร์มันน์ และเมื่อไร้บารมีพ่อเขาจึงต้องแขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2018 กับสโมสร ซาน โฮเซ่ ด้วยอายุแค่ 22 ปีเท่านั้น
ชมคลิปลีลาการเล่นของ เมาริซิโอ บัลดิเวียโซ่ ได้ที่นี่ :
วิลเลียม โฟล์ค - นักฟุตบอลที่น้ำหนักตัวมากที่สุดในโลก (ที่เคยมีการบันทึกไว้)
มีใครยังจำ เวย์น ชอว์ ผู้รักษาประตูมือสองทีม ซัตตัน ยูไนเต็ด เจ้าของน้ำหนักตัว 150 กิโลกรัมที่เคยเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลกในเกม เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2017 ที่ทีมของเขาพบกับ อาร์เซน่อล ได้หรือไม่
แม้ว่าเกมนั้นเขาจะไม่ได้ลงสนาม แต่ด้วยจังหวะท้ายเกมที่กล้องจับไปเห็นเขากำลังกินพายออกกล้องจนเรียกเสียงฮือฮาก็พอจะสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวเขาได้ ถึงการกินพายครั้งนั้นมันจะทำให้เขาต้องถูกแบนจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษเนื่องจากเป็นการข้องแวะกับการพนันก็ตามที
แต่ในโลกนี้ยังมีนักฟุตบอลที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าเขาอยู่ นั่นก็คือ วิลเลียม โฟล์ค อดีตนักฟุตบอลที่เคยเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ด้วยสถิติน้ำหนักตัว 152 กิโลกรัม
แต่ในช่วงท้ายอาชีพที่ โฟล์ค ย้ายไปเล่นให้กับ แบรดฟอร์ด ซิตี้ ในฤดูกาล 1907-1908 น้ำหนักตัวเขาพุ่งกระฉูดไปถึง 165 กิโลกรัม ทำให้เขาถูกบันทึกไว้ว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีน้ำหนักตัวมากที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ
โดยตลอดเวลาที่เขาเฝ้าเสาให้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ช่วงปี 1894-1905 แฟนบอลได้ตั้งฉายาให้เขาว่า "Fatty" นอกจากนี้แฟนบอลยังได้แต่งเพลงเชียร์ให้กับเขาในชื่อว่า "Who Ate All the Pies?" ก่อนย้ายไปค้าแข้งกับ เชลซี ในช่วงปี 1905-1907 ก่อนแขวนสตั๊ดกับ แบรดฟอร์ด ซิตี้ ในปี 1908
ทั้งนี้ วิลเลียม โฟล์ค เสียชีวิตด้วยโรคตับแข็ง เมื่อปี 1916 ด้วยอายุเพียงแค่ 42 ปีเท่านั้น ปิดฉากตำนานนักฟุตบอลน้ำหนักตัวมากที่สุดในโลกที่ยังไม่มีผู้ใดมาทำลาย นอกจากนี้เขายังเคยได้เฝ้าเสาให้กับทีมชาติอังกฤษ 1 เกมในปี 1897 อีกด้วย
อามาเดอู เตเซร่า - โค้ชที่คุมสโมสรเดียวนานที่สุดในโลก
27 ปีของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่คุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างความยิ่งใหญ่มาเกือบ 3 ทศวรรษดูเป็นจำนวนตัวเลขที่เล็กน้อยไปเลย เมื่อมาเจอกับ อามาเดอู เตเซร่า โค้ชผู้ล่วงลับชาวบราซิล ที่โซโล่คุมทีม อเมริกา อามาโซนาส นานถึง 53 ปี
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาได้คุมทีม อเมริกา อามาโซนาส ได้นานถึงขนาดนี้ก็เพราะว่า เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสโมสรกับ อาร์ตูร์ พี่ชายของเขาเองในปี 1939 อีกทั้งยังนั่งแท่นประธานสโมสรร่วมกันอีก แต่ตัวของ อามาเดอู เริ่มหันมาจับงานโค้ชให้กับทีมเมื่อปี 1955 ในวัย 29 ปี
แต่หลังจากนั้น อามาเดอู ก็ติดใจกับงานโค้ชสุด ๆ ก่อนจะคุมทีม อเมริกา อามาโซนาส เรื่อยมาจนตัดสินใจรีไทร์ในปี 2008 เมื่ออายุได้ 82 ปี ทำให้เขากลายเป็นโค้ชที่คุมสโมสรเดียวต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ด้วยระยะเวลา 53 ปี นับจากปี 1955-2008
1
โดยตลอด 53 ปีที่เป็นโค้ช อามาเดอู พาทีมคว้าแชมป์รายการลีกฟุตบอลรัฐอามาโซนาส ประเทศบราซิล ได้ 1 สมัย และรายการ ทอร์เนโอ อินิซิโอ้ ได้ 4 สมัย
แม้ว่าทีม อเมริกา อามาโซนาส จะเป็นเพียงสโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ในเมืองมาเนาส์ รัฐอามาโซนาส แต่พวกเขาก็เคยไต่ระดับลีกไปได้สูงสุดถึง เซเรีย ซี บราซิล ในปี 2011 โดยปัจจุบันสโมสรทำการลงแข่งขันอยู่ในลีกฟุตบอลรัฐอามาโซนาสเท่านั้น
สำหรับ อามาเดอู เตเซร่า เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2017 ด้วยวัย 91 ปี ด้วยโรคชราภาพ
เลอรอย โรซีเนียร์ - โค้ชที่ถูกปลดจากตำแหน่งเร็วที่สุดในโลก
ในเมื่อมีโค้ชที่คุมสโมสรเดียวนานสุดในโลก ก็ต้องมีโค้ชที่คุมสโมสรด้วยเวลาที่สั้นที่สุดในโลก และโค้ชคนนั้นมีชื่อว่า เลอรอย โรซีเนียร์
ในสมัยเป็นนักเตะ โรซีเนียร์ ถือว่าเป็นกองหน้าที่มีดีกรีไม่เลวเลยทีเดียว เขาเคยผ่านค้าแข้งกับทีมระดับพรีเมียร์ลีกอย่าง ฟูแล่ม และ เวสต์แฮม ก่อนผันตัวมารับงานโค้ชตอนอายุ 37 ปีกับสโมสรจากลีกประเทศเวลส์นามว่า เมอร์ธีร์ ทิดฟิล ในปี 2001
อย่างไรก็ตาม โรซีเนียร์ ได้ย้ายมารับงานโค้ชที่อังกฤษกับ ทอร์คีย์ ในปี 2002 ก่อนจะพาทีมเลื่อนชั้นจาก ลีกทู ไป ลีกวัน (ลีกดิวิชั่น 4 ไปลีกดิวิชั่น 3 ของอังกฤษ) ในปี 2004 แต่เล่นได้เพียงฤดูกาลเดียวก็พาทีมตกชั้นกลับมา ลีกทู ก่อนทำผลงานแย่เรื่อยมาจนลาออกในปี 2006
แต่เขาก็ตกงานได้ไม่นาน เบรนท์ฟอร์ด ที่เวลานั้นอยู่ใน ลีกวัน ก็ดึงเขาไปคุมทีมภายในไม่กี่เดือนหลังแยกทางกับ ทอร์คีย์ แต่เขากลับคุมทีมอยู่ได้ไม่ถึงปีก็ถูกปลดออก เนื่องจากทำผลงานไม่เข้าเป้า
แต่อย่างไรก็ดี ทอร์คีย์ ทีมเก่าของ โรซีเนียร์ ต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงินอย่างหนักในฤดูกาล 2006-2007 จนต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมมากถึง 4 คนภายในฤดูกาลเดียว ก่อนที่เขาจะได้รับการติดต่อจากประธานสโมสรให้เข้ามารับงานคุมทีม พร้อมขึ้นแถลงข่าว ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2007 เวลา 15.46 น.
แต่หลังจากที่การแถลงข่าวจบลง เขากลับได้รับแจ้งว่าสโมสรได้ถูกขายไปแล้ว โดยประธานสโมสรคนใหม่ได้เลือก พอล บัคเคิล เข้ามาทำหน้าที่แทน ทำให้ โรซีเนียร์ ได้เป็นโค้ชให้กับ ทอร์คีย์ (ครั้งที่ 2) ภายในระยะเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น
"ประธานโทรมาหาผมบอกว่า เขาอยากจะขายสโมสร แต่ตอนนี้ยังไม่มีผู้จัดการทีม จึงขอให้ผมไปออกงานแถลงข่าวให้หน่อย พอผมแถลงเสร็จ เขาก็โทรมาบอกผมว่า เขาขายสโมสรทิ้งไปแล้ว" โรซีเนียร์ กล่าวย้อนถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
นับจากวันนั้น โรซีเนียร์ ก็ไม่กลับมารับงานโค้ชอีกเลย โดยปัจจุบันเขายังทำงานในวงการฟุตบอลอยู่ในตำแหน่งรองประธานขององค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ชื่อว่า "Show Racism The Red Card" ที่ทำหน้าที่ในการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมเรื่องของสีผิวและเชื้อชาติในวงการฟุตบอลอังกฤษ
เรื่อง : ทรงศักดิ์ ศรีสุข
โฆษณา