นอกจากนี้นิยามของ “ความสำเร็จในหน้าที่การงาน” ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก กล่าวคือชาว Gen Z จะไม่ให้งานเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากเกินไป ถ้าเมื่อไหร่งานที่ทำอยู่ถูกบังคับให้ทำ จะรู้สึกไม่มีความสุขทันที
กลุ่มคนรุ่นนี้จึงมีแนวคิดว่า “งานไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต” แต่สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายคือ “การได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้ว่าจะมีรายได้น้อยกว่าก็ตาม” นั่นทำให้เด็ก Gen Z กว่า 87% มักจะต้องทำงานเสริม เพราะเงินจากรายได้หลักมีไม่เพียงพอต่อการครองชีพ
โดยเฉพาะคน Gen Z ที่ในปีหน้าคาดว่าจะมีการลงทุนกับการทำอาหารกินเองมากขึ้น เช่น ท้าทายตัวเองด้วยการทำอาหารที่มีขั้นตอนซับซ้อนขึ้น ทำอาหารที่ยากกว่าปกติ อบขนมเบเกอรี่ หรืออยากลองแต่งหน้าอาหารให้ดูแฟนซีมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้คนที่อายุมากกว่า 21 ปีขึ้นไป ยังสนใจที่จะชง “เครื่องดื่มค็อกเทลหรือแอลกอฮอล์” ด้วย และจะพยายามไปหาแหล่งซื้อวัตถุดิบใหม่ๆ ที่หายาก สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคน Gen Z มีแนวโน้มที่จะผลักดันตัวเองให้มีทักษะการทำอาการที่หลากหลายขึ้น เพราะรู้สึกสนุกในการลงมือทำ
คนกลุ่ม Gen Z ให้ความสนใจกับผู้ใช้งานออนไลน์ประเภท “นักเคลื่อนไหวทางสังคม” หรือคอนเทนท์ประเภท “การแสดงจุดยืนประเด็นทางสังคม” หากมีการแอคทีฟบ่อยๆ จะยิ่งได้รับความสนใจเป็นพิเศษ