5 ม.ค. 2022 เวลา 11:13 • การศึกษา
สารพัดรับน้อง ขุนช่างเคี่ยน 1
ช่วงเดือนแรกของการมาเชียงใหม่ ตอนนี้ถึงยังไม่เปิดเทอมแต่นักศึกษาปีหนึ่งก็มากันเกือบหมดแล้วทั้งพวกโควตา เอ็นทรานซ์และพวกที่อยู่บ้านในเชียงใหม่ทำให้ในมหาลัยดูมีชีวิตชีวา ทุกคณะก็มีการรับน้องใหม่กันคึกคักเป็นการรับน้องแบบสนุกสนานทะลึ่งตึงตังบ้างตามประสาวัยรุ่น(นึกภาพไม่ออก) เพื่อให้เพื่อนๆและพี่ๆทุกคนได้รู้จักคุ้นเคยกัน คณะต่างๆมักจะพากันมาจัดรับน้องตอนเย็นๆใกล้อ่างแก้วเพราะมีพื้นที่กว้างขวาง แต่ละคณะหาที่คนละมุมต่างคนต่างจัดกิจกรรม
บางทีก็พากันเดินไปอ่างเกษตรที่จะอยู่ด้านหลังมอต้องเดินไกลหน่อย จะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กกว่าอ่างแก้วแต่อยู่สูงกว่าขึ้นไปแล้วมองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองเชียงใหม่ได้และฉากหลังอ่างเกษตรเป็นภูเขาเวลาหน้าหนาวจะเห็นใบไม้บนเขาเปลี่ยนสีก่อนผลัดใบเป็นสีเหลือง สีแดง สีน้ำตาลเหมือนบรรยากาศเมืองนอกเชียวนะและมีร้านอาหารชื่อกาแลที่พวกเราได้แต่แลมองเพราะเขาบอกว่าแพง การจัดกิจกรรมเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆทำให้เราพอจะทำความรู้จักสถานที่ใน มช เพิ่มมากขึ้น
ก่อนหน้าที่จะเปิดเทอมพวกรุ่นพี่จะพาเราขึ้นไปปลูกป่าที่ขุนช่างเคี่ยนบนดอยสุเทพ ดอยสุเทพอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย เป็นเขตอุทยานที่อยู่ใกล้ตัวเมืองที่สุดมีชาวเขาหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่จำนวนมาก มีทรัพยากรที่ยังไม่ได้ทำการค้นคว้าอีกมากมายและจะมีชาวต่างชาติทั้งหัวดำและหัวเหลืองขึ้นไปทำการขุดค้นไม่รู้ว่าขุดหาอะไรบ้างแต่ที่รู้แน่คือขุดเพื่อหาความรู้ทางนิเวศวิทยาใหม่ๆ เนื่องจากดอยสุเทพยังมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่มาก แต่ก็มีเหตุการณ์น่าสลดใจเกิดขึ้นเสมอในกรณีที่บรรดาฝรั่งนักขุดหรือนักผจญภัยที่ชอบขึ้นไปคนเดียวมักจะถูกฆ่าตายเพราะนึกว่าเมืองเราจะปลอดภัยเหมือนเมืองตัวเอง
พวกเราจะไปตรงที่เป็นหมู่บ้านชาวม้งที่อาศัยอยู่บนดอยสุเทพ พวกพี่พยายามย้ำว่าให้เรียกม้ง อย่าเรียกแม้วเขาจะไม่ชอบ พอย้ำมากๆเข้าเลยสับสนว่าจะให้เรียกม้งหรือแม้วกันแน่ ก่อนหน้านี้เคยขึ้นไปหมู่บ้านชาวม้งบนดอยสุเทพในหมู่บ้านหนึ่งที่เปิดรับนักท่องเที่ยวเห็นเขามีต้นฝิ่นปลูกโชว์ไว้หน่อยนึง เฉพาะให้ดูเพื่อการเรียนรู้ว่าดอกฝิ่นมีลักษณะเป็นยังไงเพราะตอนนั้นชาวเขาเลิกปลูกฝิ่นแล้ว ที่หมู่บ้านม้งมีต่างชาติมาเที่ยวเยอะและมีของขายพวกเครื่องเงินเครื่องประดับ มีคนบอกเอามาจากสำเพ็ง รู้ดีอีก
ตอนเดินเที่ยวในหมู่บ้านจะมีเด็กน้อยชาวเขาอายุสามสี่ขวบมาแบมือพูดกับเราว่า “วะบะ วะบะ” คุยกันกับเพื่อนว่าภาษาม้งมันแปลว่าอะไร จนได้ข้อสรุปว่า “วัน บาท” หนอยเดาะพูดภาษาฝรั่งซะด้วย
 
ถึงวันขึ้นเขาพวกรุ่นพี่พาพวกเรานั่งรถสองแถวแดงขึ้นไปดอยสุเทพผ่านวัดพระธาตุดอยสุเทพไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงดอยปุย จนสุดทางรถยนต์พวกเราลงจากรถและรวมพลกันเตรียมพร้อมเดินป่าโดยเราได้แบ่งกลุ่มน้องปี 1 และรุ่นพี่ปีสองที่จะคอยดูแลเดินตามพวกเราไปตลอดทาง การเดินของพวกเราก็เดินแถวเรียงกันไปคล้ายๆลูกเสือเดินทางไกลผสม ตชด. ด้วยเป็นการเดินป่าเดินเขาครั้งแรกของผมเลยทำให้รู้สึกตื่นเต้นอยากเดินมาก
เราเริ่มเดินจากป่าที่มีต้นไม้ใหญ่หนาแน่นเดินขึ้นไปเรื่อยๆพันธ์ไม้ก็เริ่มเปลี่ยนจากความสูงของพื้นที่ เริ่มเป็นป่าโปร่งจนมองไปเป็นเห็นทิวเขาสลับซับซ้อน อากาศเย็นสบายช่วงนี้ต้นไม้ส่วนใหญ่เป็นต้นสนภูเขา เพราะเทือกเขานี้สูงจากระดับน้ำทะเลมาก ยิ่งเดินขึ้นสูงก็ยิ่งสดชื่นจากอากาศบริสุทธิ์แท้จริง บางช่วงยังต้องเดินเรียงเดี่ยวเนื่องจากเป็นสันเขาถ้าช่วงไหนชันมากรุ่นพี่จะผูกเชือกไว้กับต้นไม้ให้พวกเราเกาะไต่ขึ้นลง อากาศบนเขาค่อนข้างเบาทำให้เรารู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าการเดินบนพื้นราบปกติ
รูปจาก blog.tripzii.co/ภาคเหนือ/เชียงใหม่/trail-to-doipui/?lang=th
เราเดินจนกระทั่งถึงจุดสูงสุด จึงหยุดพักมองดูทิวทัศน์เบื้องล่างเห็นหลังคาหมู่บ้านชาวเขาซึ่งทำจากสังกะสีอยู่ลิบๆนึกในใจ โหเราต้องเดินไปถึงตรงนั้นเลยเหรอเนี่ย พอหายเหนื่อยเราจึงเริ่มเดินลงเขา ตอนเดินลงไม่เหนี่อยเท่าเดินขึ้นแต่ลำบากกว่าเดินขึ้นจะเดินไวก็ไม่ได้ต้องค่อยๆไต่ลงไม่งั้นจะกลิ้งตกเขา ตอนเดินบางช่วงก็จะเป็นป่าทึบต้นไม้ใหญ่จำนวนมากพื้นดินก็เฉอะแฉะเพราะช่วงนั้นเป็นหน้าฝนและต้องระวังอาจมีข้าศึกโจมตี เมื่อกำลังเดินเราได้ยินเสียงกรีดร้อง เพื่อนเราโดนฉุดแน่แล้วไอ้พวกหัวแถวคงคิดอย่างนั้นเราต้องหยุดกันหมด เพื่อนโดนโจมตีซะแล้วจากตัวทาก พวกนี้เวลาปกติตัวมันเท่าก้านไม้ขีดกระดืบๆ แต่เวลาดูดเลือดมันจะป่องๆพองๆนิ่มๆเพิ่มขนาดเป็น 10 เท่า เวลาเกาะที่ขาแกะยากด้วยก็ดูน่ารักดีไม่รู้จะกรี๊ดกันทำไม
โฆษณา