7 ม.ค. 2022 เวลา 00:05 • ดนตรี เพลง
รู้จัก พิณพม่า စောင်းကောက် saung-gauk ซาวง์-เก้าก์ หรือ ซองเกาะ เครื่องดนตรีประจำชาติเมียนมา
แฟน ๆ ที่ได้รับชมละคร จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี คงได้เห็นฉากที่สะสะบรรเลงพิณให้ปิ่นร่ายรำ นี่คือเครื่องดนตรีสำคัญที่เปรียบได้กับหัวใจของคนเมียนมา ที่มีชื่อเรียกว่า ซาวง์-เก้าก์ หรือ ซองเกาะ (saung-gauk) หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า “พิณพม่า” คนเมียนมาเรียกชื่อสั้น ๆ ว่า ซาวง์ รากคำมาจากภาษามอญเก่า (ส่วนคำว่า พิณ คนไทยขอยืมคำสันสกฤต “วีณา” veena มาใช้อีกทีหนึ่ง เพื่อเรียกเครื่องดนตรีตระกูลเครื่องดีด มีหลายแขนง อาทิ พิณอีสาน พิณเปี๊ยะ พิณพม่า พิณฝรั่ง พิณจีน ฯลฯ)
1
พิณพม่า เป็นเครื่องดีดจัดอยู่ในพิณฮาร์ป ตระกูลพิณคอโค้ง Arched Harp มีกล่องเสียงวางแนวนอนขนานไปกับตักของผู้บรรเลง (ซึ่งแตกต่างจากฮาร์ปในยุโรป/ดนตรีตะวันตก ที่กล่องเสียงวางแนวตั้งไปกับลำตัวของผู้บรรเลง) กล่องเสียงทำจากไม้เนื้อแข็งขุดเป็นรูปเรือปิดส่วนหน้าด้วยหนังกวางหรือหนังแพะทาสีและลงรักปิดทองด้านนอกของกล่องเสียงให้ดูงดงาม คอพิณทำจากไม้แกะเป็นรูปโค้ง (สมัยโบราณแกะไม้ ปัจจุบันมีการดัดและต่อไม้เสริม) โดยให้ฐานยึดกับกล่องเสียง สายพิณสมัยโบราณทำจากไหมหรือฝ้ายเส้นละเอียดฟั่นเป็นเชือก (ในปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นไนลอนหรือเอ็น) โยงขึงจากคอพิณไปที่แกนไม้หน้ากล่องเสียง ไล่เรียงกันไปเป็นคู่ขนาน มองดูเป็นแนวทแยงเข้ากับความโค้ง
1
ปลายของสายด้ายที่อยู่กับคอพิณนั้นสามารถปรับเปลี่ยนความตึงหย่อนได้โดยใช้เชือกแดงเส้นใหญ่ผูกรัดเป็นเงื่อน หากดึงให้ตึงก็จะได้โน้ตเพลงตัวสูง ๆ หากปล่อยให้หย่อนก็ได้โน้ตตัวที่ต่ำกว่าพิณสมัยโบราณใช้การผูกเงื่อนเชือกแดงเพื่อกำหนดระดับเสียง แต่เนื่องด้วยความยุ่งยากในการเทียบเสียงและความต้องการทำให้เกิดเสียงที่เป็นมาตรฐาน จึงได้มีการปรับปรุงใช้ลูกบิดกีตาร์มาทดแทน โดยครูเพลงชื่ออูบาตาน U Ba Than ในช่วงทศวรรษ 1940-50 ซึ่งทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนวิธีการสร้างพิณกันมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ช่างผู้ผลิตพิณก็ยังคงสัญลักษณ์ด้ายสีแดงเอาไว้ที่คอพิณแม้ว่าจะไม่มีผลต่อการตั้งเสียงแล้วก็ตาม
สายพิณที่ใช้ขึงมี 16 เส้น เทียบเสียงเป็นกลุ่มโน้ตในตระกูลเพนตาโทนิก Pentatonic หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่ากลุ่มโน้ต 5 เสียง แต่สามารถทำเสียงได้ครบ 7 เสียง (diatonic) หรือกระทั่งชาร์ปแฟล็ตในระบบโครมาติก (chromatic) ได้โดยการใช้นิ้วดันสายช่วยหรือทดระยะความสั้นยาวของสายในขณะดีด เทคนิคการดีดพิณที่เป็นพื้นฐานสมัยโบราณจะใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้มือขวาดีดลงไปบนสายโดยมีนิ้วโป้งและชี้ซ้ายช่วยดันสายหรือทดความยาวของเส้นพิณ แต่ในยุคใหม่หลังการปฏิวัติเพลงพิณของอูบาตาน มีการประยุกต์ใช้นิ้วอื่น ๆ เพิ่มเติม โน้ตที่นิยมดีด มีทั้งเสียงเดี่ยว (single tone) เสียงขั้นคู่ (interval) และการกวาดรูดเสียง (glissando)
ทุกวันนี้ แหล่งผลิตพิณพม่าที่สำคัญมีอยู่ในเมืองย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ยังเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนอยู่และถ่ายทอดความรู้ช่างแบบพื้นบ้าน มีตลาดเครื่องดนตรีที่ขายทั้งนักดนตรีอาชีพและนักท่องเที่ยว ส่วนการเรียนพิณพม่า มีทั้งการศึกษาในระบบและนอกระบบ มีหลักสูตรจริงจังจนถึงปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยศิลปวัฒนธรรมแห่งชาติ University of Arts and Culture ที่ย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ กับการเรียนรู้ตามสำนักครูเพลงหลายเมือง และมีการจัดประกวดความสามารถชิงเหรียญทองระดับประเทศอยู่ทุกปี
หลักฐานโบราณคดีเกี่ยวกับพิณในเขตพื้นที่เมียนมา ถอยหลังไปราว 2,500 ปีที่แล้ว พบร่องรอยพิณในอาณาจักรศรีเกษตร ซึ่งเป็นรุ่นราวคราวเดียวกับพิณโค้งในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย และมีหลักฐานชัดเจนขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ที่มีภาพสลักพิณโค้ง 5 สายในศาสนสถานสมัยพยู และต่อมาก็มีการระบุถึงชื่อพิณซาวง์ ในเอกสารโบราณสมัยพุกาม จนกระทั่งความเฟื่องฟูของการบรรเลงพิณในราชสำนักคองบอง โดยมีหลักฐานว่ามีการนำเพลงโยเดียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวรรณกรรมเพลงพิณ และตัวเมียวดีมินจีอูสะ ก็เป็นปราชญ์คนหนึ่งที่มีบทบาทในการพัฒนาบทเพลงสำหรับการบรรเลงพิณนี้ ผลงานของเขายังได้รับการสืบทอดต่อมาจนทุกวันนี้
เครือญาติของพิณพม่าที่ปรากฏในภูมิภาคอาเซียนที่น่ากล่าวถึง คือ “ปิน” หรือ “เปิน” Pin ของกัมพูชา ที่ปรากฏหลักฐานในยุคอาณาจักรพระนคร ปัจจุบันมีการรื้อฟื้นปินให้เป็นเครื่องดนตรีประจำชาติกัมพูชากันอีกครั้งโดยการสนับสนุนของรัฐบาลกัมพูชาและองค์กรยูเนสโก นอกจากนี้ พิณโค้งของชาติพันธุ์กะเหรี่ยง รูปทรงเรียบง่ายกว่าพิณพม่าและปินเขมร ที่เรียกว่า เตหน่า หรือเตหน่ากู ก็เป็นเครือญาติที่สำคัญในดินแดนแถบนี้ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากมองภาพกว้างไปในโลกแล้ว ก็ยังมีพิณคอโค้ง Arched Harp อยู่อีกหลายแห่งในโลก ไม่ว่าจะเป็นในจีน แอฟริกา ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ ซึ่งการศึกษาเรื่องเครือญาติชาติพันธุ์ของพิณคอโค้งนี้ยังไม่ได้รับการอธิบายที่ชัดเจนนักในเชิงประวัติศาสตร์และดนตรีวิทยา
ในสังคมไทย พิณพม่าเข้ามามีบทบาทในการประสมวงดนตรีไทยและบรรเลงเพลงไทยเดิมเมื่อราวยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ โดยการริเริ่มของ อ.ชนก สาคริก แห่งมูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) สนใจศึกษาเรื่องพิณพม่า จากความงดงามของเครื่องดนตรีและน้ำเสียง ได้ประยุกต์เทคนิคการดีดพิณใหม่ ๆ เพิ่มเติมจากแนวทางของนักดนตรีเมียนมา ปรับเปลี่ยนวิธีเทียบเสียง ตลอดจนประพันธ์เพลงเพื่อใช้บรรเลงด้วยพิณพม่าโดยเฉพาะ และได้ถ่ายทอดความรู้ให้นักดนตรีไทยรุ่นใหม่หลายคน ส่วนการเล่นพิณพม่าด้วยเทคนิคพม่าและบทเพลงพม่าแท้ ก็ยังพอมีผู้สนใจอยู่บ้าง เช่น กลุ่มอาจารย์วิทยาลัยนาฏศิลป์ - ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาที่เคยมีโอกาสแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับเมียนมา และเครือข่ายครูดนตรีอาเซียนของ อ.อานันท์ นาคคง อ.อองเพียต โซน ที่ทำกิจกรรมอบรมพิณพม่าอย่างจริงจัง แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักเมื่อเทียบกับฝั่งของ อ.ชนก สาคริก
สำหรับเสียงพิณพม่าที่ใช้ในฉากต่าง ๆ ของละครจากเจ้าพระยาสู่อิรวดี มีทั้งการบรรเลงโดยพระเอกเดาง์เอง และศิลปินรับเชิญ วาวา ซาน WarWar San นักดีดพิณตัวจริงจากวงดนตรีซีอาเซียนคอนโซแนนต์ ร่วมดีดพิณเป็นตัวประกอบในฉากวังเจ้าฟ้าสยาม และเสียงพิณต้นฉบับที่ อ.อองเพียต โซน Aung Pyat Son ได้บรรเลงบันทึกเสียงไว้ในสตูดิโอที่ย่างกุ้้งก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด โดยนำเพลงโยเดียดั้งเดิมที่ อูสะ แต่งเอาไว้ในบทละครอิเหนาและรามเกียรติ์ (ยามาซัตตอว์) มาบันทึกเสียงเพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบค้นประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมไทย - พม่าต่อไป
ขอบคุณข้อมูล : อ.อานันท์ นาคคง คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
📺 ชมละคร จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.15 - 21.10 น. ทาง ThaiPBS
ชมย้อนหลังทาง www.VIPA.me
📍 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม www.thaipbs.or.th/Irrawaddy
โฆษณา