7 ม.ค. 2022 เวลา 00:36 • ปรัชญา
เรื่องราวของคำว่าอนัตตา เค้าพูดกัน สามคำ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ไม่ใช่ไปจับเอาคำสุดท้ายมาคิด นั้นมันตอนกายนี้นอนตายใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตามันเป็นเรื่องราวของสิ่งที่เราอาศัยอยู่ คือรูป กายของพ่อแม่ให้สังขารที่จิตเราจุติลงมาอยู่อาศัย กายนี้ ต้องการอาหาร ต้องมีความหิวกระหาย ถ้าจิตนี้ไม่สั่งกายให้เคลื่อนที่ไปหากิน มันก็อดทนไม่ไหว หากเจ็บไปไหนไม่ได้ ก็ต้องหาคนมาช่วยอุปถัมภ์ สงเคราะห์หาอาหารมาให้ป้อนข้าวบ้าง ให้ผู้อื่นช่วยรักษา นั่นคือ สภาพที่เป็นอนิจจังของกาย จิตเราเป็นนามธรรม มาอาศัยอยู่ ต้องเคลื่อนไหวไปทำอะไร โมโหโกรธา ติเตียน ต่อว่า ทำร้าย ขโมย ทะเยอทะยาน …สารพัด นั้นล้วนมาจากอารมณ์ ที่ไหลออกมาจากธาตุดินน้ำลมไฟ เราไปกระทำตามอารมณ์ เราก็มีกรรม เราไปหากิน กินเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้อของผู้ที่มีกรรม เราก็มีกรรม พอจิตนี้ออกจากร่าง กายที่อาศัยก็เป็นสภาพของอนัตตา
เมื่อถามว่า ใครทำกรรม สมมุติว่า ใครมาตีหัวเรา เราก็ได้คำตอบมั้ยว่าใครทำ ใครรับผลของกรรม ก็ความรู้เจ็บ อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น นั่นแหละรับผลของกรรม รับผลของกรรม บางครั้งแค่นิดเดียว วินาทีเดียว ก็ไปสู่คำว่าอนัตตา กายนี้ตายไปเสียแล้ว จิตก็ออกจากร่าง ไม่รู้ไปไหนเหมือนกัน รู้แค่ไปที่ชอบๆ เหมือนในนิสัยสร้าง ชอบสร้างแต่เวรกรรมด้วยกายวาจาใจ นิสัยอะไรล่ะที่ชอบ โลภไม่สิ้นสุด ทะเยอทะยานเหมือนหิวกระหาย เอารัดเอาเปรียบ ก็ไปอยู่กับสังขารเปรตก็แล้วกัน แล้วมันน่ากลัวมั้ย ถ้าจิตต้องไปอาศัยสังขารแบบนั้น
เรื่องราวพวกนี้ อยากรู้ เราก็ต้องศึกษาว่าจริงไม่จริง มันอยู่ที่จิตของแต่ละคน จะสนใจหรือไม่สนใจ เรียนรู้จัก เพราะลึกลงไป มันเป็นเรื่องของจิตแต่ละดวง จะสนใจช่วยเหลือจิตของตนเอง ที่มีคำว่า สร้างบุญกุศลบารมี ช่วยจิตของเราเอง เมื่อออกจากกายนี้ไป…เคลื่อนที่ไปหาที่อยู่ใหม่ ซึ่งก็อยู่ที่จิตนั้นจะเตรียมตัวไว้วางแผนไว้ ต้องทำอย่างไร ใครจะเตรียมตัวหรือไม่เตรียมก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละดวงจิต เลือกกระทำเอา..เพราะจิตเป็นผู้ที่เดินทาง ไปสู่สถานที่สุขหรือทุกข์ จากการกระทำ การสะสมเรื่องราวต่างๆ จิตจะหนักจะเบาเมื่อออกจากสั่งขารนี้ ต้องปฏิบัติธรรมเราจึงจะสามารถ พอจะรู้ได้ว่า ถ้าจิตหนัก มันก็ลงอบายไป จิตเราเบส ก็ไปสู่สถานที่ที่มีความสุข
มันมีคำว่า ตายก่อนตาย นั้นหมายถึง ว่าเอากายนั้นมานั่งนิ่งๆ จิตเฉยๆ อะไรเกิดขึ้นในกายนี้ ก็เฉยๆ ทำให้เหมือนคนตาย นั่งนิ่งๆ นานๆๆๆ มันเป็นอนัตตาจริง ก็อย่ายึด อะไรเลย นิ่งๆ เข้าไว้ ปล่อยให้มันเป็นอนัตตา ๆ มันไม่ใช่ของๆเรานี่นา ก็ทำให้เหมือนคนตายไปเลย ดูซิว่า อะไรมันเกิดขึ้นมาบ้าง แค่ดูลมเข้าออกเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปทำอะไรมากมาย ไม่ได้ไปแบกหามอะไร ทำเหมือนคนตายไป นั่งนิ่ง ดูมันให้ชัดเจน ไปเลย นั่งไปนาน ๆๆๆให้มันไม่มีตัวมีตนไปเลยยิ่งดี เมื่อมันเป็นอนัตตา ..เราก็นั่งดูมันเฉยๆ แค่นั้นเอง ไม่ต้องมีอารมณ์นึกคิดอะไรได้ยิ่งดี อย่าไปยึดถืออะไรที่เกิดขึ้นภายในกาย ที่สำคัญมันจะไม่มีความอดทนนะซิ ทนไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในกายที่เค้าเรียกว่าอารมณ์…นั่นแหละตัวทุกขังแหละ ไม่มีตัวมีตนอีกเหมือนกันแล้วมันก็เป็นอนิจจัง แต่จิตเราตามเค้านำกายไปสร้างเวรกรรม มันเปลี่ยนเเปลงไปเรื่อยอยู่ภายในกาย มันไม่คงที่
จะให้ดีก่อนนั่งนิ่งๆ เฉยๆ เอากายที่พ่อแม่ให้มากราบพระเสียก่อน นอบน้อมกราบ ผู้ที่จะสอนเรื่องราวของทุกขัง อนิจจัง อนัตตา กราบท่านเสียก่อน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่งพับเพียบ ยืดกายตรงๆ หายใจลึกๆ แล้วก็นั่งนิ่งๆ นั่งเฉย อาศัยแค่สติ กับปัญญาของตัวเอง รักษากายนิ่ง จิตนิ่งไว้ ให้นานๆ ทำๆไป ก็จะได้คำตอบ ที่ตัวเราเอง แต่ต้องหมั่นเพียรกระทำขึ้น ไปทั้งชีวิต เพราะกายมันไม่คงที เดี๋ยวแก่ตายเสียก่อน หมดโอกาสรับรู้จริงมันเป็นอย่างไรน่ะ ถ้ามัวเอากายไปนั่งท่องคาถาอาคม มันก็ยึดอยู่อย่างนั่น ยึดเป็นตัวเป็นตน จมอยู่กับความยึด แล้วจิตมันจะรู้จักอะไรขึ้นมามั้ย มัวแต่หลงใหลท่องคาถาอาคม ปัญญาของเรา ที่พัฒนาไปถึงจุดของธรรม จะเกิดได้มั้ย จิตมันก็เลยหนัก ไม่รู้จักเรื่องราวของกายที่ตนอาศัย ไม่สามารถจะปลดปล่อยเรื่องราวภายในกายนี้ได้เลย..มันก็เลยไม่รู้จักกรรมอะไรเลย
โฆษณา