8 ม.ค. 2022 เวลา 05:25 • ความคิดเห็น
ไม่เป็นธรรม เพราะไม่อยากให้ทำ....
การเก็บภาษีของรัฐบาลทุกที่ในโลก นอกจากจะเพื่อรายได้เข้ารัฐแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่เป็นจุดประสงค์ในการเก็บ คือการควบคุมพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งของคน
เช่น ภาษีเหล้า บุหรี่ ที่รัฐบาลทั่วโลกมักจะเก็บในอัตราที่แพง และไม่เป็นธรรม
หรือ ภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ที่เก็บแพงมากๆในแทบทุกประเทศในโลก
...เหตุผลก็คือ รัฐนั้นไม่อยากให้คนกินเหล้า สูบบุหรี่ หรือฟุ่มเฟือย....
...แต่ไอ้ครั้นจะห้ามขายเลย มันก็ไม่ได้อีก...
...ดังนั้น จึงต้องเอาภาษีมาใช้เป็นเครื่องมือ ในการลดแรงจูงใจคน ให้ทำในสิ่งที่รัฐไม่ต้องการน้อยลง โดยอาศัยปัจจัยเรื่องเงินทองเข้ามาตีกรอบ
...นี่คือการใช้ภาษี เพื่อควบคุมพฤติกรรม ซึ่งพบเห็นได้ทั่วโลก....
1
กับกรณีภาษีคริปโตฯ ที่กำลังพูดถึงกันมากในขณะนี้ ว่าไม่เป็นธรรมต่อเทรดเดอร์ทั้งหลาย
...มันก็อยู่บนพื้นฐานวิธีคิดนี้เหมือนกัน...
ถ้าเราตามข่าวมาตลอด เราจะพบว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงค์ชาตินั้น มีท่าทีชัดเจนมาตลอดว่า "ไม่สนับสนุน" คริปโตเคอเรนซึ่...
แต่ในเมื่อห้ามไม่ได้ ก็ได้แต่ออกกฎมาตีกรอบ เพื่อควบคุมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สุดท้ายจึงส่งไม้ต่อไปที่รัฐบาล และผ่านมาทางสรรพากรในรูปการจัดเก็บภาษีในที่สุด
1
...เราจะเห็นได้ว่า การทำงานของหน่วยงานภาครัฐนั้น ล้อไปกับท่าทีของแบงค์ชาติที่มีต่อคริปโตฯ ทั้งหมด โดยมีวัตถุประสงค์ในการลดแรงจูงใจ ในการถือครอง หรือเก็งกำไรในคริปโตฯนั่นเอง....
แล้วทำไมไม่เก็บให้เท่าหุ้นที่เก็บน้อยกว่ามาก?
1
คำถามนี้ ดูจะมักง่ายไปสักนิด และเหมือนไม่เข้าใจสภาพ สถานะของสินทรัพย์
1
หุ้นนั้น จะอย่างไรก็ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตจริงและการจ้างงาน
หุ้น โดยวัตถุประสงค์มันจริงๆ คือการ "ระดมทุน" ของบริษัทในตลาด เพื่อการขยับขยายกิจการที่มีอยู่จริง
...อาจเพราะหลายคนเทรดซิ่ง จนลืมไปแล้วว่าวัตถุประสงค์จริงๆมันคืออะไร ถึงได้มีคำถาม และการเปรียบเทียบหุ้นกับคริปโตฯออกมา แบบนี้...
ซึ่งมันเทียบกันไม่ได้เลย
คนลงทุนในหุ้น บริษัทในตลาดได้เงินมาขยายกิจการ และสร้างงาน สร้างระบบเงินให้ไหลเวียน
แต่กับคริปโตฯ มันไม่ใช่แบบนั้น...
คนเทรดที่มีรายได้ ก็รวยอยู่คนเดียว ไม่ได้ไปจ้างใครต่อ มันจึงเทียบกันไม่ได้โดยสิ้นเชิง...
...มันจึงใช้มาตรฐานเดียวกันไม่ได้...
สิ่งที่รัฐบาลไทยทำเกี่ยวกับภาษีคริปโตฯนั้น เป็นเรื่องไม่เป็นธรรม จริงๆ สำหรับผู้เทรด
...แต่ต้องทำ....
เหตุ เพราะรัฐนั้นมีหน้าที่ต้องปกป้องสกุลเงินท้องถิ่นของตน และการหมุนเวียนของเงินในระบบก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
ถ้าสนับสนุนคริปโตฯสิ แปลก...
ลองคิดดูนะครับ ถ้ารัฐสนับสนุนคนเทรดคริปโตฯ แล้วคนจะเอาเงินมาลงทุนสร้างงาน สร้างอาชีพในระบบหรือไม่
ไอ้คนสองคนคงไม่เป็นไร แต่ถ้ามันหลายล้านคนล่ะ อะไรจะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจโดยรวม ...
ยังไม่นับว่าคริปโตฯ นั้นมีความเสี่ยงสูงมาก หากคนเจ๊งกันเยอะๆ ระบบเศรษฐกิจมันจะเป็นอย่างไร เพราะจะอย่างไรคริปโตฯ ก็มีต้นทุนมาจากเงินจริงๆ ส่วนนี้จะต้องหายไปจากระบบ ถ้าคนเจ๊งกันมากๆ
...กับสิ่งที่สรรพากรทำ มันไม่ใช่เรื่องยากเกินจะเข้าใจ และในหลายประเทศก็ทำแบบนี้เช่นกัน...
...ดีเท่าไหร่แล้ว ที่เขาไม่ประกาศให้ผิดกฎหมายแบบจีน...
1
อย่างที่บอกแต่แรก ภาษีตัวนี้ เก็บแบบไม่เป็นธรรมเพราะอะไร
ดังนั้น ป่วยการ ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม
เพราะเขาไม่อยากให้ทำ มันก็เท่านั้นแหละครับ
...พูดไปเขาก็ไม่ฟังคุณหรอก....
...และในเมื่อเงื่อนไขเป็นแบบนี้ ก็ลองคิดดูให้ดีแล้วกันนะครับ ก่อนจะลงทุน...
ส่วนตัว ผมเชื่อว่า มาตรการกีดกันคริปโตฯ จะไม่จบแค่นี้
1
....มันจะมีมาเรื่อยๆครับ และคุณหนีไม่พ้นหรอก ไม่ว่าจะโยกไป exchange ต่างประเทศที่ไหนก็ตาม...
...คริปโตฯ เป็นภัยต่อสกุลเงินท้องถิ่นทุกที่นั่นแหละ รัฐบาลที่ไหนในโลกก็ไม่ต้องการ ...
...เชื่อผมไหม การทุบคริปโตของบรรดาธนาคารกลางนั้น...
...มันแค่เพิ่งเริ่มครับ!!!...
1
...ระวังกันให้ดี 😁😁😁😁....
ภาพ : investment U
โฆษณา