8 ม.ค. 2022 เวลา 15:13 • กีฬา
ให้ตายก็ทิ้งไม่ได้ : อมาเดอู เตเซร่า โค้ชฟุตบอลที่คุมทีมเดียวนานถึง 53 ปี | MAIN STAND
ใครคือคนที่คุมทีมนานที่สุด พวกเขาเหล่านั้นคุมทีมกันสักกี่ปี ?
หลังจากได้ยินคำถามนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีคำตอบในใจกันบ้างแล้ว แต่ที่แน่ ๆ คงไม่มีชื่อของ อมาเดอู เตเซร่า อย่างแน่นอน
ชายโนเนมคนนี้คือปูชนียบุคคลของวงการฟุตบอลบราซิล เป็นคนที่คุมทีม ๆ เดียวยาวนานถึง 53 ปี จนกระทั่งอายุ 83
อะไรที่ทำให้เขาไม่ยอมปล่อยมือจากทีม ๆ นี้ และอยู่กับทีมจนถึงวาระสุดท้าย ?
ติดตามเรื่องราวของเขาได้ที่ Main Stand
สู้ในแบบของเรา
บราซิล คือดินแดนที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก ด้วยพื้นที่ถึง 8 ล้านตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 16 เท่า
ด้วยขนาดประเทศที่ใหญ่ขนาดนี้ บราซิล จึงใช้การปกครองระบบรัฐ ที่แต่ละรัฐจะมีเมืองหลวง กฎหมาย และระบบการจัดเก็บภาษีเป็นของตัวเอง รวมทั้งหมด 26 รัฐ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฟุตบอลบราซิลจึงมีทั้งลีกประจำรัฐและลีกรวมของประเทศ
แน่นอนว่าการที่พวกเขามีลีกประจำรัฐ (ที่บางลีกมีอายุยาวนานกว่าลีกของประเทศเสียอีก) ทำให้บราซิลมีสโมสรฟุตบอลมากมายกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ เอาแค่ลีกอาชีพตั้งแต่ ซีรีย์ เอ ลีกสูงสุดจนถึง ซีรีย์ ดี ก็มีมากถึง 120 ทีมไปแล้ว
แม้จะมีทีมฟุตบอลมากมาย แต่ทีมส่วนใหญ่จะถูกบดบังรัศมีโดยทีมที่ประสบความสำเร็จอย่าง ฟลาเมงโก, โครินเธียนส์ หรือ ครูเซโร ทว่าเหล่าทีมเล็ก ๆ จากลีกล่าง ๆ ก็มีสตอรี่เป็นของตัวเองที่น่าสนใจหลายทีม โดยเฉพาะทีมที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์การขึ้นมาเล่นในลีกระดับรองเลยสักครั้ง นั่นคือ อเมริกา อามาโซนัส ขาประจำในลีกระดับดิวิชั่น 4 (ซีรีย์ ดี) ที่ก่อตั้งสโมสรมานานเกือบ 100 ปี
สาเหตุที่สโมสรแห่งนี้ยังคงอยู่ในลีกเดิมมาเป็นเวลานานคือสิ่งสะท้อนที่แสดงให้เห็นปัญหาทางโครงสร้างของวงการฟุตบอลบราซิลที่อาจเชื่อมโยงไปถึงเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และการปกครอง นั่นก็คือพวกเขามีทีมฟุตบอลมากเกินไป สวนทางกับเศรษฐกิจในประเทศและผู้ที่จะเข้ามาสนับสนุนทีมที่ไปกระจุกตัวอยู่กับแค่ทีมบน ๆ ของตารางเท่านั้น
2
อเมริกา อามาโซนัส ก็เป็นเช่นนั้น พวกเขาเป็นสโมสรที่ตั้งอยู่ที่รัฐอามาโซนัส ทางตอนเหนือของประเทศ พื้นที่ในแถบนี้เป็นพื้นที่แห่งความยากจน เป็นพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง เปรู โคลอมเบีย และเวเนซุเอลา แม้จะมีพื้นที่เกษตรกรรมมากมาย แต่ก็มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นบนกับชนชั้นล่างเป็นช่องว่างขนาดใหญ่
1
เศรษฐกิจเป็นเช่นไรทีมฟุตบอลส่วนมากก็เป็นเช่นนั้น ทีมทางตอนเหนือมักจะไม่เก่งเหมือนทีมทางตอนใต้ที่มีหัวเมืองหลักอย่าง เซาเปาโล หรือ ริโอ เด จาเนโร ยืนยันได้ชัดจากการที่นักเตะเก่ง ๆ ที่เกิดทางตอนเหนือของบราซิลมักจะตั้งเป้าหมายปลายทางไปยังทางใต้หรือตะวันออกเฉียงใต้เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า อาทิ ริวัลโด้, เบเบโต้, จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน, ดิด้า และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เป็นต้น
ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าหากคุณไม่ใช่แฟนฟุตบอลบราซิลหรือจะพูดให้ชัด ๆ คือหากคุณไม่ใช่คนบราซิลคงไม่มีทางรู้จักกับสโมสร อเมริกา อามาโซนัส แน่นอน ทว่าสโมสรนี้ก็ปรากฏเป็นข่าวใหญ่ในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมาบนหน้าสื่อฟุตบอลใหญ่ ๆ แทบทุกเจ้า
1
Photo : www.facebook.com/futebolamericaclube
และชายคนที่ทำให้ชื่อของ อเมริกา อามาโซนัส มาเป็นที่รู้จักในวงกว้างแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็คือชายที่มีชื่อว่า อมาเดอู เตเซร่า ซึ่งเป็นโค้ชที่คุมทีมมานานที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลบราซิล...
1
นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันลาออก เขาคุมทีม ๆ เดียวโดยใช้เวลาถึง 53 ปี นี่คือตัวเลขที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่เพราะเหตุใด อมาเดอู จึงทำได้กันล่ะ ?
สมบัติของตระกูล
อเมริกา อามาโซนัส คือสโมสรฟุตบอลที่ก่อตั้งโดยตระกูลเตเซร่า พวกเขาสร้างทีมกันมาตั้งแต่ปี 1939 ในตอนที่สโมสรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้น อมาเดอู เตเซร่า ลูกชายของประธานสโมสรมีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น
Photo : www.facebook.com/americafcamazonas
เราทุกคนต่างรู้กันดี ฟุตบอลเปรียบเสมือนลมหายใจของเด็กหนุ่มในบราซิล อมาเดอู เองก็เช่นกัน เมื่อครอบครัวของเขาสร้างทีมฟุตบอลขึ้น เขาก็ขอกับพ่อของตัวเองให้ได้เข้าไปทำงานในทีม ๆ นี้โดยไม่สนว่าจะเป็นหน้าที่อะไร สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือการเป็นส่วนหนึ่งของทีมเท่านั้น
เขาจึงเริ่มอาชีพในวงการฟุตบอลด้วยการเป็นพนักงานนวดให้กับนักเตะในทีม ก่อนจะไต่ลำดับจากล่างขึ้นบนตั้งแต่บอลบอย, คิตแมน, นักกายภาพบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ อมาเดอู เหมารับทำหน้าที่มาหมดเกลี้ยงแล้วกับทีม ๆ นี้
อย่างไรก็ดีตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น สโมสรเล็ก ๆ ทางตอนเหนือแห่งนี้มาจากเมืองที่ยากจน ทำให้ทีม ๆ นี้ไม่ได้มีความสำเร็จอะไรมากมายนัก พวกเขาเองก็เข้าใจและรับสภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้หวังถึงแชมป์ใหญ่โตอะไร แต่เป้าหมายของทีมก็ถูกปรับให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม นั่นคือการเน้นสร้างนักเตะจากรากหญ้าให้พอจะไปขายต่อทำกำไรได้บ้าง บางคนได้มากบางคนได้น้อย แต่มันก็พอที่จะต่อลมหายใจให้กับทีม ๆ นี้ไปได้เรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันทีมก็ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย ส่งผลให้ไม่มีเงินจ้างโค้ชดี ๆ นักเตะแพง ๆ มาพัฒนาทีม
Photo : www.facebook.com/futebolamericaclube
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นบังคับให้ อมาเดอู ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ในปี 1955 เนื่องจากโค้ชคนเก่าของสโมสรลาออกไปและสโมสรก็ไม่มีเงินจ้างโค้ชคนใหม่ อมาเดอู ที่รู้ทุกซอกทุกมุมของสโมสรแห่งนี้เป็นอย่างดีจึงเริ่มจับงานการเป็นเฮดโค้ชของทีมเป็นครั้งแรกในวัย 29 ปี และหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของทีม ๆ นี้ และกลายเป็นคนที่วงการฟุตบอลบราซิลให้การยกย่องเป็นอย่างมาก
สู้จนนาทีสุดท้าย
เราคงไม่สามารถเจาะลึกไปถึงวิธีการทำทีมของโค้ชทีมฟุตบอลในลีกดิวิชั่น 4 ของ บราซิล ได้ เพราะแม้แต่ข้อมูลภาษาโปรตุเกสที่มาจากสื่อในประเทศของพวกเขาเองก็ยังไม่มีการระบุชัดเจนเลย
Photo : www.facebook.com/americafcamazonas
อย่างไรก็ตามเราสามารถเห็นภาพรวมของการทำทีมของ อมาเดอู ได้แบบคร่าว ๆ ผ่านสถานะทางการเงินที่ขัดสนของทีมกับจำนวนแชมป์ที่สโมสรเคยได้มา โดยหลัก ๆ แล้ว อเมริกา อามาโซนัส เป็นทีมที่พอมีศักยภาพลงเล่นในระดับที่ประคองตัวเอาตัวรอดในลีก ซีรีย์ ดี ได้ ซึ่ง ซีรีย์ ดี นั้นก็เป็นลีกอาชีพที่สหพันธ์ฟุตบอลบราซิล หรือ CBF รองรับเป็นลีกสุดท้าย หลุดจากนี้ไปต้องดูแลกันเองโดยที่ไม่มีเงินส่วนแบ่งรายได้ที่ทาง CBF จัดหาให้
สำหรับฟุตบอลบราซิลนั้นมีทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ มากมายที่เหมาะกับทีมเล็ก ๆ แบบนี้ให้สามารถประสบความสำเร็จและลงเล่นอย่างมีความหวังได้ นั่นคือทัวร์นาเมนต์ของรัฐ โดย อเมริกา ในยุคของ อมาเดอู อยู่เพื่อสิ่งนี้ก็ว่าได้ พวกเขาเคยได้แชมป์ของรัฐอามาโซนัส ในรายการ Campeonato Amazonense ได้ 6 ครั้งตลอดการทำงาน 53 ปีของเขา
จริง ๆ แล้วแชมป์รายการ Campeonato Amazonense นั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลยหากมองจากภายนอก เพราะไม่มีทีมใดเลยที่มีชื่อคุ้นหูแฟนบอลชาวไทยหรือคนที่ติดตามฟุตบอลมาในระดับหนึ่ง รายการนี้จึงเป็นเพียงการแข่งขันกันเองของทีมจากรัฐที่ยากจนเท่านั้น
ทว่ามันกลับมีความหมายกับพวกเขาในฐานะรัฐที่โดนมองข้าม โดนคนจากตอนเหนือดูถูก รวมถึงได้รับการสนับสนุนที่ต่างกันคนละเรื่องกับทีมทางตอนใต้ที่มีทะเลและชายหาดเป็นไฮไลท์ Campeonato Amazonense จึงเปรียบเสมือนฟุตบอลโลกของพวกเขา ... ทุกการชูถ้วยแชมป์คือความภาคภูมิใจอย่างแท้จริง
Photo : www.facebook.com/americafcamazonas
อมาเดอู ที่พาทีม ๆ นี้ประคองตัวอยู่ในลีกระดับชาติและมาเน้นสู้ตายเอากับฟุตบอลรัฐ เคยบอกไว้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับทีม ๆ นี้ตลอดช่วงอาชีพของเขาเปรียบเสมือนหน้าประวัติศาสตร์ที่พวกเขาได้เขียนขึ้น แม้ใครจะมองข้ามและด้อยค่า ไม่เห็นความสำคัญ แต่ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละแชมป์ของ อเมริกา อามาโซนัส ล้วนเป็นตำนานทั้งสิ้น
"การเล่าเรื่องมหัศจรรย์จากบทกวีหรือบทความต่าง ๆ บางครั้งมันก็ดูเหมือนเป็นการใส่จินตนาการจนดูเหมือนกับเป็นเรื่องเวอร์เกินจริงสำหรับคนอ่าน แต่ในทางกลับกันสำหรับใครก็ตามที่ได้สัมผัสและมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวนี้ ต่างก็ยกให้บุคคลที่อยู่ในเรื่องราวที่กล่าวมาเป็นตำนานในจินตนาการตามแบบของพวกเรา" อมาเดอู กล่าว
"อเมริกา อามาโซนัส ไม่เคยได้รับการสนับสนุนที่ดีเลยตั้งแต่ผมจำความได้ พวกเราพยายามอย่างมากที่จะไปให้ไกลกว่านี้ ในช่วงยุค 90s เราเคยได้นักธุรกิจมาช่วยเราอยู่พักนึง มันสร้างความแตกต่างในแบบที่พวกเราไม่เคยเจอ เราได้รับการช่วยเหลือด้านอาหาร อุปกรณ์ที่ใช้ในการซ้อมต่าง ๆ แม้กระทั่งเรื่องที่หลับที่นอน รวมถึงค่าเดินทางที่ช่วยให้เราสามารถไปแข่งขันในที่อื่น ๆ ได้"
Photo : www.portalmarcossantos.com.br
เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สโมสรนี้ได้ไปต่อ แต่เนื่องจากอายุของเขามากขึ้นทุกวัน ทุกครั้งที่เขาถูกสื่อบราซิลจีบไปสัมภาษณ์ เขาก็จะพูดถึงเรื่องการหาผู้สนับสนุนสโมสรแห่งนี้อยู่เสมอ เขาต้องการคนที่จะมารับผิดชอบหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาแบกมาจนอายุ 80 กว่าปีให้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่างน้อยที่สุดทีม ๆ นี้ก็ยังสำคัญต่อผู้คนในเมืองและเหล่านักเตะอายุน้อยที่อาจจะได้ต่อยอดจนกลายเป็นนักเตะที่ดี มีรายได้งาม ๆ จนสามารถหลีกหนีความยากจนในแบบของคนทางเหนือได้ในอนาคต
ภารกิจสุดท้ายของ อมาเดอู จึงไม่ใช่การบันดาลแชมป์หรืออะไรทั้งนั้น เพราะเขาก็รู้ตัวดีว่าเวลาในการเป็นโค้ชของเขากำลังจะหมดลงแล้ว ... ในปี 2008 เขาตัดสินใจลงจากตำแหน่งเฮดโค้ชเพื่อรับหน้าที่ประธานสโมสร ที่จะต้องหาสปอนเซอร์สำหรับการเปลี่ยนผ่านในการขายทีม จนกระทั่งเมื่อถึงปี 2010 ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นลงด้วยดี สโมสรเปลี่ยนมือผู้บริหาร และเป็นครั้งแรกที่ตระกูล เตเซร่า ส่งต่อสโมสรที่พวกเขาสร้างขึ้นมาให้คนนอกตระกูลดูแลต่อ
Photo : Arquivo/AC
Photo : d24am.com
ขณะที่ตัวของ อมาเดอู นั้นเรียกได้ว่าเขาได้ทำภารกิจสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเขาก็เหมือนกับรู้เวลา ความป่วยไข้รุมเร้าเขาจนต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ จนทำให้เขาสูญเสียการพูดและการได้ยินไปในช่วงบั้นปลายของชีวิต ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังคงมีส่วนร่วมกับวงการกีฬาในเมืองบ้านเกิดอยู่เสมอ
และเมื่อถึงปี 2017 อมาเดอู ก็ได้เสียชีวิตลงในวัย 91 ปี จากอาการป่วยที่รุมเร้า หลังต้องนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 4 เดือน สื่อฟุตบอลหลายเจ้าได้พูดถึงเขาในฐานะโค้ชที่คุมทีมนานที่สุดในโลก และจากนั้นชื่อของสโมสร อเมริกา อามาโซนัส ก็ถูกพูดถึงมากขึ้นเนื่องจากความยิ่งใหญ่ของ อมาเดอู
Photo : www.deamazonia.com.br
Photo : www.facebook.com/americafcamazonas
ณ เวลานี้สโมสรกำลังเดินไปข้างหน้าด้วยกลุ่มผู้บริหารและโค้ชคนใหม่ แม้จะมีทิศทางดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะก้าวพ้นระดับลีก ซีรีย์ ดี แต่อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ยกระดับจากทีมกลางค่อนล่างของลีกนี้ขึ้นมาเป็นทีมที่ได้ลุ้นโควตาเลื่อนชั้นและได้เล่นเกมเพลย์ออฟบ่อยขึ้นแล้วในช่วงหลัง
1
ที่สุดแล้วต่อให้สโมสรนี้จะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ไกลเท่าที่ใครคาดหวัง แต่พวกเขาย่อมต้องภูมิใจในทุก ๆ วันที่สโมสรแห่งนี้ยังมีอยู่ เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในท้องถิ่น เป็นการช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ ช่วยให้ผู้คนในเมืองได้มีทีมฟุตบอลให้เชียร์และได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งนี่คือเป้าหมายที่ อมาเดอู เตเซร่า พยายามประคับประคองทีม ๆ นี้ให้คงอยู่ในสถานะดังกล่าวมาตลอดอาชีพการทำงาน 53 ปีของเขา
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา