22 ม.ค. 2022 เวลา 01:00 • ธุรกิจ
ชื่อของ Binance (ไบแนนซ์) เว็บกระดานซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีใหญ่ที่สุดในโลก กลายเป็นที่สนใจในสังคมอีกครั้ง หลังมีข่าวใหญ่ว่าจับมือกับ “กัลฟ์” ลุยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย “กรุงเทพธุรกิจ” พาย้อนดูเส้นทางการเติบโตและสถิติที่น่าสนใจของไบแนนซ์ หลังก่อตั้งเพียงไม่ถึง 5 ปี
เปิดเส้นทาง "ไบแนนซ์" สู่ "เบอร์ 1" ตลาดเทรดคริปโทเคอร์เรนซีโลก
ไบแนนซ์ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2560 โดย “จ้าว ฉางเผิง” นักธุรกิจชาวแคนาดาเชื้อสายจีน เป็นแพลตฟอร์มที่มีเหรียญดิจิทัลให้ซื้อขายอยู่ราว 337 สกุล (ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2564) และมีมูลค่าการซื้อขายบนแพลตฟอร์มสูงถึง 7.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2564 หรือกว่า 7 เท่าเทียบกับมูลค่าการซื้อขาย 1.07 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2563
1
นอกจากนี้ ไบแนนซ์ยังเปิดขายเหรียญเป็นของตัวเองชื่อ “ไบแนนซ์ คอยน์” (#BNB) จนกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดอันดับ 5 ของโลก (ณ สิ้นปี 2564) เป็นรองเพียงอันดับ 1 อย่าง บิตคอยน์ (BTC) อันดับ 2 อีเธอเรียม (ETH) อันดับ 3 เทเทอร์ (USDT) และอันดับ 4 คาร์ดาโน (ADA)
ข้อมูลจากเว็บไซต์ไบแนนซ์ ระบุว่า จำนวนผู้ใช้ของตนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2560 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดให้บริการ แพลตฟอร์มมีฐานผู้ใช้งานเพียง 1.5 ล้านราย และเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดเป็นกว่า 13 ล้านรายในปีถัดมา จนกระทั่งพุ่งพรวดมาอยู่ที่ 28.6 ล้านรายในปี 2564
นอกจากนี้ กว่า 48% ของผู้ใช้ไบแนนซ์ล้วนเป็นนักลงทุนขาจร หรือลงทุนเป็นงานอดิเรก ขณะที่กว่า 15% เป็นนักลงทุนที่สร้างรายได้หลักจากแพลตฟอร์มนี้
ขณะเดียวกัน ผลกำไรของไบแนนซ์ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีก่อตั้ง บริษัทรายงานว่า มีกำไร 900 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 570 ล้านดอลลาร์ในปี 2562 ถือว่าเติบโตขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับกำไร 7.5 ล้านดอลลาร์ในปีแรก
ส่วนสกุลเงินดิจิทัลที่ผู้ใช้ไบแนนซ์นิยมถือครองมากที่สุดคือ บิตคอยน์ ซึ่งมีผู้ใช้กว่า 65% ถืออยู่ ส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ถือบิตคอยน์ 1-20% ของพอร์ตลงทุน
โฆษณา