คนใจดีไม่ใช่คนโง่ เขารู้ตัวว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับการถูกเอาเปรียบ และถูกกระทำจากสังคมเสมอ เรามาดูดีกว่าว่านักจิตวิทยาแนะนำ และวิเคราะห์ปรากฏการณ์ของคนใจดีไว้ว่าไงบ้าง
1) คำว่า "ใจดีเกินไป” หมายถึงคนที่พยายามทำทุกอย่างตามที่คนอื่นร้องขอ แม้ว่าคำขอร้องพวกนั้นจะไม่มีเหตุผล แต่จริงๆ ในด้านจิตวิทยา นี่เป็นปัญหาที่ต้องทบทวนไตร่ตรองอย่างหนัก ทำไมเราต้องทำผิดต่อตนเอง ไม่เคารพหัวใจตัวเอง เพื่อตอบสนองให้ผู้อื่นพึงพอใจด้วยล่ะ?
2) ปัญหาของคนใจดีเกินไปมาจากอะไร? ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา "Les Babanell" เคยเสนอทฤษฎีหนึ่งไว้ว่า คนที่ใจดีกับคนอื่นเกินไป เป็นคนที่มักจะ 'รู้สึกขาดในชีวิต' อาจผ่านโดนดูถูก ถูกด้อยคุณค่าไม่เห็นค่าจากคนรอบข้าง หรือมีความกังวลมากกว่าคนอื่น
แล้วสาเหตุจากการที่ตนเองกังวลกลัวสังคมปฏิเสธ กลัวไม่ถูกรัก ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม จึงเลือกที่จะประนีประนอม คนกลุ่มนี้ หากมีสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจน ตนจะไม่สามารถยึดมั่นในมุมมองของตัวเองได้ มักจะโดนความคิดเห็นคนอื่นครอบงำได้ง่าย
3) ผลลัพธ์ของความเป็นคนใจดีเกินไป เป็นห่วงคนอื่นเกินไป คือ การที่ไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องคนอื่นได้ เพราะกลัวว่าถ้าปฏิเสธไปแล้วอีกหน่อยจะไม่มีใครคบ แม้ว่าคำขอร้องของคนพวกนี้ ที่อาจจะมาเอาเปรียบ โคตรไม่มีเหตุผลในความรู้สึกของคนใจดีก็ตาม
4) จริงๆแล้วคนใจดีมากๆ ไม่ได้สบายใจ เขาถูกล้ำเส้นอยู่เสมอ ให้ต้องเป็นคนใจดี โดยที่ไม่ได้เป็นสุขจากข้างใน มันย้อนแย้ง แต่มักโดนสังคมกดดัน ทำให้สูญเสียความสามารถในการตัดสินใจ ทำให้ say yes ในเรื่องที่ไม่สมควร เช่น คนดีมักไม่อยากถูกเกลียด จึงไม่กล้าปฏิเสธ แม้ถูกขอร้องให้ทำงานแบบไม่คุ้มค่าจ้างก็ยังยอมทำ ก็ยอมตาม ไม่รักษาสิทธิ์ตัวเอง ไม่เรียกร้องอะไรเลย แม้โดนเอาเปรียบ
5) คนใจดีเกินไป หรือเป็นห่วงคนอื่นเกินไป มักอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้เขาเชื่อในค่านิยมเบี้ยวๆว่า “หากฉันเป็นคนดี ทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ สอดคล้องกับค่านิยมทางสังคม ตามที่ทุกคนรอบข้างต้องการ ฉันก็จะมีชีวิตที่ดี เพราะฉันเป็นคนดี” เพราะมีคนรอบข้างยกย่องในความใจดีนั้น เมื่อคนใจดีกำลังโดนเอาเปรียบ ภายใต้การได้รับคำยกย่องเยินยอ ก็ทำให้พวกเขายังคงยืนยันที่จะเสียสละตัวเองต่อไป เป็นแม่พระพ่อพระที่ถูกเอาเปรียบไปเรื่อยๆได้
6) ในความจริง สิ่งที่คนใจดีเกินไป ทำให้คนรอบข้าง มันให้คุณค่าเกินกว่าคนชื่นชม หรือคำเยินยอไปไกลมาก แต่เขาไม่สนใจเลย ความกลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบ เพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากคนอื่นจึงยอมไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายอยู่ในจุดที่แย่ที่สุด ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้ ทำให้ตัวเองตกเป็นทาสของความใจดี และการเป็นคนดีของเขา กำลังทำร้ายตัวเองทุกวัน
7) นักจิตวิทยาสังคมชี้ให้เห็นว่า คนใจดีเกินไป มีบุคลิกเช่นนี้จริง เพราะในสังคมมักเต็มไปด้วยคนที่ยึดติดในศีลธรรม ศาสนา และความรู้สึกของการอยู่ร่วมในกลุ่ม ทำให้ผู้คนมากมายเริ่มละเลยความต้องการของตัวเอง ไม่รักษาสิทธิ์ของตน (Assertiveness) จนถูกละเมิดความถูกต้อง และความต้องการจริงๆของตัวเองลึกๆ ไม่ใช่ความใจดี แต่เป็นการอดทน และขัดแย้งอยู่ในใจเสมอมา จนอาจมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้า เพราะถูกละเมิดคุณค่า ถูกเอาเปรียบอย่างต่อเนื่อง จนมีปัญหาสุขภาพจิตในที่สุด
มันไม่ใช่แค่เราถูกทำร้ายเชิงผลลัพธ์หลังการถูกเอาเปรียบ แต่สภาพจิตใจก็พังทลายไม่แพ้กัน
'อย่าคิดว่า ใจดี เดี๋ยวคนอื่นเกรงใจ โลกไม่น่ารักกับเราขนาดนั้นหรอกจ้ะ'
ถ้าใครกำลังตกอยู่ในกับดักชีวิตของความใจดีเกินไป ลองทบทวนชีวิตคุณดูนะ ว่าชีวิตของความเป็นคนใจดี แต่มีคนทำร้ายเราตลอดเวลา มันคือตัวตนของคุณเองในแบบที่คุณต้องการจริงๆหรือไม่?
"ถ้ามันไม่ใช่ตัวตนของคุณ ในแบบที่คุณชอบ กรุณาเลิกใจดี ก่อนเป็นบ้า"
กลับมาดูแลหัวใจตัวเอง และเป็นคนในแบบที่เราอยากเป็นเถอะนะ อย่าใจดี เพราะสังคมเลวร้ายแบบนี้ ใจดีเกิน อยู่ไม่รอดจริงๆ
#ThinkTalkLoud
#ตุ๊ดส์review
- 51
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
