Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
จีนจีน
•
ติดตาม
23 ม.ค. 2022 เวลา 11:39 • ไลฟ์สไตล์
8 เทคนิคเรียนภาษาจีน "ด้วยตัวเอง"
เราในฐานะคนที่เคยเริ่มเรียนภาษาจีนจาก 0 มาก่อน
และด้วยมุมมองของคนที่พอจะเข้าใจลักษณะของภาษาจีนในระดับหนึ่ง
เลยอยากจะบอกแนวทางการเรียนรู้ในแบบของเราสำหรับทุกคนที่สนใจเรียนภาษาจีนค่ะ
ขอให้เรียนรู้ด้วยความสนุกนะคะ ❤
มาเริ่มกันเลย
1. ตั้งเป้าหมายก่อนเลย 📍
ตั้งโจทย์กับตัวเองก่อน ว่าอยากให้ภาษาจีนของเราอยู่ในระดับไหน หรือเป้าหมายของการเรียนครั้งนี้คืออะไร
พอสรุปกับตัวเองได้แล้วเนี่ย ก็ปักหมุดแล้วเดินไปให้ถึงที่หมายค่ะ
จะถึงที่หมายเร็วหรือจะช้า ระหว่างทางก็ขอให้เดินไปอย่างสม่ำเสมอและมั่นคงในทุก ๆ ก้าวนะ
2. เรียนรู้ผ่านสิ่งที่เราสนใจ 💓
ภาษาเป็นสิ่งที่ใช้ในการสื่อสาร ไม่ว่าจะผ่านการฟัง พูด อ่านหรือเขียนก็ตาม
เพราะฉะนั้น ภาษาจึงเป็นเรื่องที่อยู่รอบตัวเราเสมอ
สิ่งที่เราสนใจและชื่นชอบก็สามารถส่งผ่านภาษาจีนได้เช่นกันค่ะ
ลองมองหาสิ่งที่ตัวเองสนใจผ่านภาษาจีนก่อน แล้วเริ่มได้เลย
3. ฝึกอ่านอินพิน (拼音) 📖
ด้วยความที่ตัวอักษรจีนมากมาย เสียงในการอ่านก็มากตามไปด้วย
ดังนั้นจึงมีตัวช่วยในการอ่านตัวอักษรจีน ที่เรียกว่า 拼音 (พินอิน)
ระบบพินอินคือการอ่านอักษรภาษาจีนด้วยการสะกดพินอิน เพื่ออ่านอักษรจีนตัวใดตัวหนึ่ง
ซึ่งประกอบด้วยพยัญชนะ สระและเสียงวรรณยุกต์ค่ะ
ด้วยความที่ภาษาไทยก็เป็นการอ่านคำศัพท์จากการสะกดทีละคำ ๆ เหมือนกัน
ดังนั้นความเข้าใจในการสะกดคำจึงพอจะไปในทิศทางที่คล้ายคลึงกับภาษาไทย
ยกตัวอย่างเช่น คำว่า 茶 ประกอบจากพินอินว่า chá
- ch เทียบได้เท่ากับ พยัญชนะพินอิน
- a เทียบได้เท่ากับ สระพินอิน
- ส่วนสัญลักษณ์เหนือตัว a ก็คือวรรณยุกต์เสียงที่ 2 ของพินอิน
โดยคำนี้ 茶 chá อ่านเทียบเสียงภาษาไทยเท่าว่า 'ฉา' ซึ่งมีความหมายว่า ชา/น้ำชา
ถ้าหากเราทำความรู้จักกับพินอินดีแล้ว
ก็เท่ากับว่าเราสามารถอ่านตัวอักษรจีนต่าง ๆ ผ่านการอ่านพินอินได้แล้วค่ะ
เพราะนอกจากเราจะออกเสียงได้แล้ว
ยังจะพิมพ์ภาษาจีนผ่านพินอินได้อีกด้วย
แต่อยากจะบอกว่าพินอินเป็นตัวช่วยในการอ่านนะ
สุดท้ายแล้วในชีวิตประจำวัน จะไม่มีคำอ่านพินอินให้เราเห็น
จึงหมายความว่าหัวใจหลักในการอ่านยังต้องตามตัวอักษรจีนเป็นหลักนะ
4. คลำรูปแบบของภาษาจีน 🧐
หนึ่งสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ ก็คือหลักของภาษาหรือไวยากรณ์โชคดีเหลือเกินที่ไวยากรณ์จีนกับไวยากรณ์ภาษาไทยคล้ายคลึงกันมาก ๆ
ขอยกตัวอย่างภาษาไทย ภาษาอังกฤษขึ้นมาเปรียบเทียบ จะได้เห็นภาพชัด ๆ นะ
พูดถึงคำกริยาของภาษาไทยเรา เช่น กิน
ในอักษรจีนที่มีความหมายว่า กิน
จะมีหน้าตาแบบนี้ 吃 chī (ชือ)
ในสถานการณ์ที่ว่า การกินนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน
ภาษาไทยเรา ->
จะเติมแค่คำว่า 'กำลัง' และตามด้วย 'กิน' = กำลังกิน
ในภาษาจีน ก็เหมือนกันค่ะ ->
เติมคำว่า 在 zài (ไจ้) แล้วตามด้วย 吃 chī (ชือ) = 在吃 ซึ่งมีความหมายว่า 'กำลังกิน' ค่ะ
หรือถ้าอยากจะพูดว่า 'กินแล้ว' เป็นภาษาจีน
ก็ใช้คำว่า 吃 chī (ชือ) ตามด้วย 了 le (เหลอะ) ซึ่งหมายความว่า 'แล้ว'
กินแล้ว = 吃了 chī le (ชือเหลอะ)
พอเห็นภาพไหมคะ หรือจะสรุปสั้น ๆ ก็คือ
คำกริยาในภาษาไทยและภาษาจีน จะไม่มีการผันคำกริยาตามช่วงเวลาและลักษณะของเหตุการณ์อย่างในภาษาอังกฤษค่ะ
อีกสักหนึ่งตัวอย่าง ในจุดนี้ไวยากรณ์ภาษาจีนจะไม่เหมือนภาษาไทย แต่จะเหมือนภาษาอังกฤษแทน
ยกตัวอย่างเช่น
บ้านใหญ่
บ้าน -> เป็นคำนาม
ใหญ่ -> เป็นคำคุณศัพท์ (ทำหน้าที่ขยายคำนาม)
大房子
大 dà (ต้า) = ใหญ่ -> เป็นคำคุณศัพท์
房子 fángzi (ฝางจึ) = บ้าน -> เป็นคำนาม
big house
big = ใหญ่ -> เป็นคำคุณศัพท์
house = บ้าน -> เป็นคำนาม
ดังนั้น ลักษณะของการขยายคำนามในภาษาจีนจะเทียบเคียงเหมือนกันกับภาษาอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม โดยความรู้สึกส่วนตัวและมุมมองที่เห็น ในมุมของไวยากรณ์ของภาษาจีนและภาษาไทยจะคล้ายคลึงกันมาก ๆ
แม้กระทั่งบางสำนวน บางสุภาษิตยังแปลความหมายออกมาได้เป๊ะ ๆ เหมือนกับแฝดคนละฝาเลย
เมื่อเราเข้าใจหลักในการวางรูปประโยคแล้ว ก็จะใช้ภาษาจีนได้ไหลลื่นยิ่งขึ้นค่ะ
5. จำคำศัพท์ 📚
ถ้าจะบอกให้จำหนึ่งร้อยตัวอักษรจีนในหนึ่งคืนคงจะเป็นไปได้ยากมาก
แต่ถ้าบอกให้จำวันละ 1 ตัวอักษรจีนไปทีละคืน
ฟังดูรื่นหู ดูคุยกันรู้เรื่องมากกว่าเยอะเลยใช่ไหมคะ
พอวันหนึ่งที่คล่องขึ้นแล้ว ลองตั้งจำนวนที่จะจำคำศัพท์เพิ่มขึ้นไปทีละนิด ๆ ก็ได้นะ
และรู้ไหมคะว่า วิธีฝึกท่องจำให้ง่ายขึ้นควรทำยังไง
อธิบายแบบนี้นะคะ
ว่าคำศัพท์จีนจะแบ่งระดับความยากง่าย ด้วยการถูกจัดลำดับตัวอักษรจีนออกมาแบ่งเป็นพวก ๆ
โดยจัดลำดับผ่านอัตราการพบเจอคำศัพท์จีนนั้น ๆ ในชีวิตประจำวันจากมากไปน้อย
พูดง่าย ๆ ก็คือ ตัวอักษรจีนตัวไหนถูกใช้บ่อย
จะถูกจัดลำดับว่าเป็นความยากระดับต้น (ก็คือง่ายสุดนั่นแหละ)
ส่วนคำศัพท์ไหนที่ไม่ค่อยได้เจอในชีวิตประจำวันมากเท่าไร
หรือเจอ แต่เจอได้น้อยกว่าประเภทแรกที่บอกไป
ก็จะถูกจัดว่าเป็นระดับที่ยากกว่านั่นเองค่ะ
ดังนั้น อาจจะหยิบคำศัพท์ HSK (汉语水平考试) หรือคำศัพท์จากการสอบวัดระดับภาษาจีนมาศึกษาดูก็ได้ค่ะ
ถ้าเราเริ่มจำอักษรจีนจากระดับง่ายได้แล้ว ก็เท่ากับว่าเราเริ่มเปิดคลังคำศัพท์ภาษาจีนแล้วละค่ะ
6. พาตัวเองไปฝึกฝน 🌏
หลังจากเราเริ่มเรียนรู้ เราก็เริ่มฝึกตามได้เลยค่ะ
อย่างเช่น การพูดตาม โดยไม่จำเป็นจะต้องเรียนผ่านแบบเรียนเสมอไปนะ
พูดตามสิ่งที่เราได้ยิน จากหนังหรือจากซีรีส์ก็ได้
ในจุดนี้จะได้ความชัดของการออกเสียง และสำเนียงแบบเจ้าของภาษาออกมาได้แบบอัตโนมัติเลย
ทีนี้มาถึงการพูดในการสนทนา
สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ ที่การทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ๆ แบบออฟไลน์ได้น้อยลง
เราแนะนำให้หาคู่สนทนาใหม่ ๆ จากแอพสำหรับแลกเปลี่ยนภาษาดูค่ะ
โลกออนไลน์มีคนที่พร้อมจะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนภาษาไปพร้อม ๆ กับเราเยอะเหมือนกันนะ
นอกจากจะได้ฝึกพูดและฟังแล้วเนี่ย
ยังได้ฝึกเขียนออนไลน์ผ่านการแชทด้วยนะคะ
หลังจากฝึกเขียนออนไลน์ผ่านการพิมพ์ไปแล้ว
อย่าลืมฝึกคัดอักษรจีนด้วยนะ
เท่าที่เราดู ๆ มาจนถึงตอนนี้ ก็เจอแอพสอนคัดภาษาจีนเยอะแยะเลยค่ะ
ในแอพหรือในบางโปรแกรมจะโชว์ให้เห็นเลยว่าต้องเริ่มจะขีดไหนก่อน
ลองหาและฝึกเขียนตามดูนะคะ แล้วทักษะการเขียนของเราจะพุ่งพรวด ๆ เลย
7. คอยเรียนรู้เสมอ 🤓
ขึ้นชื่อว่าความรู้ หรือเรื่องน่ารู้แล้วเนี่ย มันเป็นอะไรที่เกิดใหม่ได้ตลอดเวลาเลยนะคะ
ภาษามันแลดูจะมีชีวิตและการพัฒนาของตัวมันเองตลอดเวลา
เพราะคนเราก็คอยสรรค์สร้างสิ่งใหม่ ๆ จากภาษาอยู่ตลอด ๆ
ยกตัวอย่างเช่น คำว่า ต๊าช ในภาษาไทย
เกิดขึ้นมาใหม่แล้ว ก็ถูกหยิบใช้กันทั่วเลย
ในรูปแบบการเกิดใหม่ของศัพท์ใหม่ที่คล้ายคลึงกันแบบนี้
สำหรับภาษาจีนก็มีเหมือนกันค่ะ
ภาษาจีนมักจะมีคำศัพท์ใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น
เพราะฉะนั้น จึงมักจะมีอะไรใหม่ ๆ ให้เราเรียนรู้อยู่บ่อย ๆแถมยังมาพร้อมกับที่มาและความหมายที่น่าสนใจอีกด้วย
แน่นอนค่ะ ว่าศัพท์ใหม่พวกนี้มันจะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ตราบใดที่เรายังไม่หยุดเรียนรู้ ก็ไม่ยากเกินความพยายามของเรานะ
8. เห็นค่าความสามารถของตัวเอง 💎
เรียน ๆ ไปอาจจะเหนื่อยบ้าง
ขี้เกียจบ้างก็คงจะเป็นเรื่องปกติ
ในวันที่เหนื่อย ขอให้นึกถึงข้อ 1 ซึ่งก็คือเป้าหมายของตัวเองไว้นะคะ
แล้วอย่าลืมชมตัวเอง เห็นค่าความสามารถของตัวเอง ที่ได้ทำมาจนขั้นที่ตัวเองรู้สึกเหนื่อย
และขอบคุณแรงใจ แรงกายและแรงพยายามของตัวเองด้วยนะ
ถ้าเป้าหมายที่ตั้งต้นไว้ยังคงเหมือนเดิมหรือมั่นคงยิ่งขึ้น
ก็ขอให้แน่วแน่และเดินหน้าต่อไป
กำลังใจจากตัวเองนี่แหละ ที่จะขับเคลื่อนตัวเองไปได้ไกล ๆ
ส่วนใครที่ยังไม่เคยเริ่มเรียน หรือยังไม่เคยย่างกรายเข้าไปหาภาษาจีนมาก่อน แต่ได้มาอ่านบทความนี้
ก็นับว่าเป็นก้าวน้อย ๆ ที่กำลังเริ่มต้นแล้วนะคะ
สุดท้ายนี้ อยากจะให้ขอบคุณตัวเองที่ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้และได้เปิดโลกแห่งภาษาจีนที่ตัวเองสนใจนะคะ
หวังว่าบทความนี้จะเกิดประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน
pondefulme 🍀
ภาษาจีนกลาง
ภาษาจีน
การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
บันทึก
5
3
1
5
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย