23 ม.ค. 2022 เวลา 13:00 • ความคิดเห็น
การคิดถึงวาระสุดท้าย หมายถึงเรื่องการตาย นั้นมันไม่มีความแน่นอน ไม่รู้ว่ามัจจุราช จะมาตอนไหน มาก่อนครบอายุขัย หรือว่ากรรมตัดรอน บั่นทอนชีวิตไปเสียก่อน ที่จริงก็ได้สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน คิดถึงพระคุณพ่อแม่ที่ให้สังขารนี้มาใช้ ให้มาครบอาการสามสิบสอง ก็พยายามใช้กายนี้แบบไม่ประมาท ก็พยายามานำกายที่พ่อแม่ให้มา แบ่งปันเวลามาสร้างบุญกุศล จะได้ทดแทนคุณพ่อแม่ไปด้วยในตัว ไม่ได้ใช้อาศัยกายที่พ่อแม่ให้มา ไปสุรุ่ยสุร่าย กับมายาอารมณ์ ไปเสาะแสวงหาหากินอย่างเดียว ให้กายมันแก่ไปทุกวัน
ทุกวันกาลเวลาไม่เคยหยุด เป็นหนุ่มเป็นสาวก็ตายได้ กายนี้เจ็บป่วยก็ต้องดูแลรักษา รักษาไม่ไหวหรือรักษาเรื้อรังยาวนานก็ทุกข์ยาวนาน กว่าจะสิ้นลม เพราะกายนั้นมีแต่กรรมสะสมมายาวนานไม่รู้ตัว ว่าสะสมกรรมมาอย่างไร ถึงเวลามันแก่เฒ่า ก็หมดเรี่ยวแรง ทำอะไรไม่ไหว มันมีเรื่องหนึ่ง ทำอย่างไร ให้กายนี้ เป็นกายของบุญ ทำกายให้มีบุญ ก็ต้องนำกาย นี้มาสร้างบุญกุศลบารมีให้เกิดขึ้น ให้กายนี้มีบุญ กายมีบุญ ก็บรรเทาทุกข์ไปได้ ยามจะจากโลก ไปก็มีบุญติดตามจิตเราไป วัตถุสิ่งของอะไรที่ยึดมา บ้านช่อง ลูกเมีย สามีภรรยา ญาติโยม ก็ไม่มีใครติดตามไป ไปตัวคนเดียว ต้องเตรียมสะสมบุญกุศลบารมีให้แก่จิตตน
เคยสวดมนต์ไหว้พระ สวดๆไป ก็มีคนชุดแดง มานั่งอยู่ข้าง ๆ ทำเอาขนลุกไปหมด แต่ก็พยายามสวดมนต์ไปจนจบ ไปถามพระว่า คนชุดแดงนั่นเป็นใคร ท่านบอกว่า ยมทูต ข้างบ้านเราจะมีคนตาย เค้ามาตรวจดูบัญชีกรรม ยมทูตมาตรวจดูได้ พอครบสามวัน คนข้างบ้านก็จากไป ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น เรื่องราวพวกนี้ ศึกษาไว้ก็ดี วันหนึ่ง ต้องถึงวันนั่น ยมทูตเค้าก็มีหลากหลายชุด ชุดให้เหมาะสมกับผู้ที่มีกรรม ชุดมีหัวเป็นสัตว์ก็มี ชุดแดง ชุดเขียว เราไม่เอายมทูต ถึงเวลานั้นก็ขอให้จิตมีพระเป็นที่พึ่ง ออกจากสังขารไปกับพระดีกว่า
โฆษณา