4 ก.พ. 2022 เวลา 01:58 • ปรัชญา
“ไม่มีตัวเรา ไม่มีของเรา”
“ … อย่างภาวนากันเป็นร้อยเป็นพัน
กว่าจะหลุดขึ้นมาเป็นผู้รู้สักคนหนึ่ง
จิตเป็นผู้รู้ทรงสมาธิที่ถูกต้อง
ร้อยคนพันคนจะมีสักคนหนึ่งหรือเปล่ายังไม่แน่เลย
แต่ถ้าเราเรียนสังเกตจิตไปเรื่อย ถือว่าเราเรียน จิตตสิกขา
ทำกรรมฐานอย่างหนึ่งแล้วรู้ทันจิตตัวเองไป
เราจะได้จิตที่มีสมาธิตั้งมั่นในเวลาอันสั้น
นี่บทเรียนของพระพุทธเจ้า ท่านวิเศษตรงนี้ล่ะ
เราต้องมีศีลสิกขา จิตตสิกขา แล้วมันถึงปัญญาสิกขา
พอเรามีจิตที่ตั้งมั่นแล้ว ก็เจริญปัญญา
การเจริญปัญญาในขั้นต้นก็คือ
การแยกรูปแยกนาม กายส่วนกาย เวทนาส่วนเวทนา
จิตส่วนจิต กุศลอกุศลส่วนกุศลอกุศลไป
เฝ้ารู้เฝ้าดูไป
ถัดจากนั้นก็เจริญวิปัสสนา
ตรงที่เราแยกขันธ์ได้เป็นการเจริญปัญญาขั้นต้น
แต่ยังไม่ถึงวิปัสสนา
ตรงที่เราเห็นขันธ์แต่ละขันธ์ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์
อันนั้นเราขึ้นวิปัสสนาแล้ว
วิปัสสนานั้นมีอานิสงส์มาก
ถ้าเราทำได้ 7 วัน 7 เดือน 7 ปีโอกาสเป็นพระอรหันต์
หรือพระอนาคามีนี่มี
แต่ถ้าเราเอาจิตซึ่งไม่มีคุณภาพ
บอกว่าเจริญวิปัสสนา เห็นท้องพองเห็นท้องยุบ เพ่งท้อง นั่นสมถะ
เห็นว่ารูปพองก็อันหนึ่ง รูปยุบก็อันหนึ่ง
อันนั้นไม่ใช่แยกรูปแยกนาม อันนั้นรูปกับรูป
แยกรูปแยกนามได้ นามคือคนรู้ รูปเคลื่อนไหว
นามเป็นคนรู้ แยกรูปแยกนาม
หรือเห็นเวทนาผุดขึ้นมา กายก็ส่วนหนึ่ง
เวทนาก็ส่วนหนึ่ง จิตก็ส่วนหนึ่ง
พอมีเวทนาแล้วสังขารมันก็ตามมาอีกแล้ว
มันเกิดยินดียินร้าย ชอบไม่ชอบขึ้นมาอีก
ตัวสังขารก็เป็นอีกอันหนึ่ง
มันจะค่อยๆ แยกๆๆ ขันธ์ออกไป
พอขันธ์มันแตกออก มันจะพบว่าตัวเราไม่มีหรอก
อย่างเราแยกได้ กายกับใจมันคนละอันกัน
ร่างกายเคลื่อนไหว ใจเป็นคนรู้ มันจะเห็นเลย
ร่างกายเหมือนหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง ไม่ใช่ตัวเราแล้ว
จิตยังสำคัญมั่นหมายว่าเป็นเราอยู่ แต่กายไม่ใช่เราแล้ว
ภาวนาสักแป๊บเดียวก็เห็นแล้ว
ถ้าแยกขันธ์ได้ แล้วเห็นเวทนาก็ไม่ใช่เรา
เห็นสังขารที่เป็นกุศล อกุศลก็ไม่ใช่เรา
เหลือแต่จิตเป็นเราอันเดียว
ค่อยภาวนาไปก็เห็น กระทั่งจิตก็ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์
เดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ เดี๋ยวก็เป็นผู้เพ่ง
เดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ เดี๋ยวก็เป็นผู้หลง
สุดท้ายมันก็เห็นจิตผู้รู้เองก็แสดงไตรลักษณ์
เห็นถึงตรงนี้ก็ไม่มีอะไรให้ดูต่อแล้ว
ขันธ์ทั้ง 5 นี้ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์
ไม่มีตัวเรา ไม่มีของเรา
ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา
เพราะฉะนั้นต้องฝึก พวกเราพยายามฝึกตัวเอง
ทำกรรมฐานไว้อย่างหนึ่งแล้วเผลอก็รู้ เพ่งอยู่ก็รู้
พยายามไปฟังซ้ำๆ มีรีรันใน YouTube
ในอะไรพวกนี้ มีให้ฟัง ฟังซ้ำๆๆ ที่สอนวันนี้
พอเราเข้าใจตรงนี้แล้ว การภาวนาจะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว
เรามีผู้รู้แล้ว ขันธ์มันแยกง่ายเลย
พอมีผู้รู้เมื่อไร มันก็มีสิ่งที่ถูกรู้ อะไรถูกรู้
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนั่นล่ะของถูกรู้
วิญญาณก็คือจิตที่เกิดดับทางอายตนะทั้ง 6
อะไรถูกรู้ อันนั้นล่ะมันฟ้องตัวเองอยู่แล้ว
มันไม่ใช่ตัวเราของเราหรอก
มันเป็นของถูกรู้ถูกดูอยู่เท่านั้นเอง
ฉะนั้นถ้าแยกขันธ์ได้ มันจะเห็นไตรลักษณ์
แยกขันธ์ไม่ได้ ไม่เห็นหรอก
จะแยกขันธ์ได้ จิตต้องมีคุณภาพ จิตต้องตั้งมั่นพอ
จิตจะตั้งมั่นพอ ฝึกจิตตสิกขา
ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่งแล้วรู้ทันจิตไป
จิตหลงไปก็รู้ จิตไปเพ่งอยู่ก็รู้ ฝึกอย่างนี้
สอนให้ดูเป็นลำดับ
ไล่จากข้างล่างขึ้นข้างบน ไล่จากข้างบนลงข้างล่าง
พูดกลับไปกลับมาหลายรอบ ไปจับประเด็นเอา
ถ้าทำได้ มรรคผลนิพพานไม่หนีเราไปไหนหรอก. …”
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
9 มกราคม 2564
ติดตามการถอดไฟล์ฉบับเต็มได้ที่ :
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา