26 ม.ค. 2022 เวลา 14:30 • การศึกษา

ไม่เชื่อพระเยซูได้ไหม?

คุณเคยได้ยินเรื่องพระเยซูคริสต์ไหมครับ?”...
“มาเชื่อพระเยซูคริสต์เถิดครับ!”...ผู้อ่านที่รัก...ท่านคงจะเคยได้ยินคำเชิญชวนด้วยประโยคเช่นนี้บ่อย ๆ บางทีท่านอาจจะมีความคิดอยู่ในใจว่า “ทำไมมีแต่คนมาชวนให้เชื่อพระเยซูนะ ถ้าฉันไม่เชื่อล่ะจะได้ไหม?...วันนี้ผมอยากบอกว่า มนุษย์เราไม่จำเป็นจะต้องเชื่อพระเยซูก็ได้ ถ้า “ไม่มี” เหตุผลทั้ง 6 ประการดังต่อไปนี้
1.ถ้าไม่มีพระเจ้าที่สร้างมนุษย์มนุษย์
เราสามารถที่จะไม่เชื่อพระเยซูก็ได้ ถ้าโลกนี้ไม่มีพระเจ้า แต่แท้จริงแล้วพระเจ้ามีอยู่จริงถึงแม้จะมีคนไม่ยอมเชื่อว่ามีพระเจ้า แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริง เหมือนกับถ้ามีเด็กคนหนึ่งไม่เชื่อว่าโลกนี้กำลังหมุนอยู่ ซึ่งการไม่เชื่อของเด็กเช่นนี้ แสดงว่าโลกมันไม่หมุนหรือ ไม่ใช่เช่นนั้นเลย โลกของเราก็ยังคงหมุนอยู่ดี
มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มที่เชื่อในพระเจ้า ซึ่งการที่พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงนั้น ไม่ใช่อยู่ที่ว่าเขาสามารถพิสุทธิ์ได้ว่าพระเจ้ามีอยู่จริง แต่เพราะนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้รู้ว่า...มนุษย์เราถูกสร้างขึ้นมาให้มีศักยภาพที่จะเข้าใจและรู้ถึงการมีอยู่จริงของพระเจ้า
เช่นเมื่อเราสังเกตดูธรรมชาติที่อยู่ในโลกและระบบต่าง ๆ ของจักรวาลแล้วเราก็จะพบว่ามันช่างสวยงามและมีระเบียบจริงๆ ซึ่งทำให้เราต้องยอมรับว่าจักรวาลและโลกของเรานี้ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นเองได้เลย
แท้จริงแล้วสรรพสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มาจากการทรงสร้างของพระเจ้าทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการทรงสร้างของพระเจ้าก็คือมนุษย์นี่เอง เห็นได้จากอวัยวะต่าง ๆ ของเรา ถ้าเราลองสังเกตจมูกของเราเราก็จะพบว่าจมูกเล็กๆ ที่อยู่บนใบหน้าของเรานี้ มันทำหน้าที่ตั้ง 8 อย่าง
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ถ้าจะสร้างเครื่องจักรที่สามารถจะทำงานได้เหมือนกับจมูกของมนุษย์เราแล้ว จะต้องใช้เครื่องจักรที่ทำด้วยเหล็กที่กว้างประมาณ 5*5 เมตร และต้องควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์อันสลับซับซ้อน มันจึงจะสามารถที่จะทำงานได้คล้ายกับจมูกของมนุษย์เราให้เรามาดูว่าจมูกของเราทำอะไรได้บ้าง?...
1) หายใจ-ทำให้เรามีชีวิตได้
2) ดมกลิ่น-เอาไว้ดมว่าคนข้าง ๆ เราอาบน้ำหรือยัง?
3) เอาไว้กักฝุ่นละออง-เมื่อมีฝุ่นละอองเข้ามาในร่างกาย จมูกก็จะดักมันไว้ และเมื่อมีฝุ่นละอองมากขึ้นเราก็จะรู้สึกรำคาญ และเริ่มแคะ!...
4) เป็นอวัยวะที่สำแดงความรัก-เวลาที่ภรรยาหอมสามี หรือลูกหอมแก้มพ่อแม่ ใช้อวัยวะส่วนไหน?...ไม่ใช่จมูกหรอกหรือ!...
5) ช่วยในการรับรส-ถ้าเราลองหลับตาแล้วบีบจมูกแรง ๆ ไม่ให้หายใจ แล้วกินลูกอมเม็ดหนึ่งเราก็จะรู้ว่าลูกอมไม่ค่อยอร่อยเลย แต่เมื่อเราปล่อยมือ เราก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าลูกอมอร่อยจริง ๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น นั่นก็เพราะว่าจมูกช่วยในการรับรสนั่นเอง...
6) ช่วยปรับอากาศหรืออุณหภูมิ-ในร่างกายมนุษย์เรานั้นมีอุณหภูมิ 37 องศา แต่ที่ทะเลทรายซาฮารามีอุณหภูมิสูงถึง 42 องศา ซึ่งอากาศร้อนอย่างนี้เข้าจมูกปอดก็ไม่ไหม้ เพราะจมูกจะปรับอุณหภูมิให้เป็น 37 องศา หรือที่ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ อุณหภูมิลบ 20 องศา เมื่อมนุษย์หายใจเข้าไป ปอดก็ไม่แข็งเพราะจมูกมันจะปรับอุณหภูมิให้เป็น 37 องศาเช่นกัน
7) ฆ่าเชื้อโรค-ทางการแพทย์บอกว่า จมูกมนุษย์เรานั้นสามารถที่จะฆ่าเชื้อโรคบางชนิดได้ด้วย
8) ใส่ท่ออาหาร-พยาบาลท่านหนึ่งได้กล่าวว่า จมูกของมนุษย์เรานี้ถูกออกแบบอย่างยอดเยี่ยมเพราะตอนที่มนุษย์เราป่วยไม่รู้สึกตัว หรือทานอาหารทางปากไม่ได้ก็สามารถที่จะใส่ท่ออาหารทางจมูกได้ เยี่ยมจริง ๆนี่แค่เพียงเรื่องจมูกเท่านั้น แต่ท่านทราบไหมว่าทุกส่วนในร่างกายของมนุษย์รวมทั้งทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมานั้นล้วนแต่น่าอัศจรรย์ทั้งสิ้น จึงทำให้เรารู้ว่าพระเจ้ามีจริง
2. ถ้ามนุษย์เราไม่ได้ทำบาป
ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะเป็นผู้สร้างมนุษย์ แต่ถ้ามนุษย์ไม่ได้ทำความผิดบาป มนุษย์เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อพระเยซูก็ได้ แต่ถ้าเราสัตย์ซื่อกับตัวเองแล้ว เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราทุกคนล้วนแต่ได้ทำความผิดบาปทั้งสิ้น...
ถ้าเราลองไปถามเด็ก ๆ ดูว่า
“โตขึ้นหนูจะสูบบุหรี่ไหม?”...
“โตขึ้นจะเล่นไพ่เล่นหวยไหม?..
จะอิจฉาริษยาไหม?..
จะหยิ่งจองหองไหม?...
จะทำให้พ่อแม่เสียใจไหม?...
จะทำผิดเรื่องเพศไหม?...
จะดูหนังโป๊ไหม?...
“ไม่ครับ” นี่เป็นคำตอบของเด็กทุกคน แต่พอโตขึ้นล่ะ?... สิ่งที่เขาเคยปฏิเสธว่าจะไม่ทำนั้น เขาก็ทำเกือบทุกอย่าง
ดังนั้นเราจะเห็นว่า มนุษย์เราล้วนแต่อยากทำดี แต่เราก็ทำไม่ค่อยได้ และถึงแม้เราไม่อยากทำในสิ่งที่ไม่ดีแต่เราก็ทำไม่ค่อยได้ และถึงแม้เราไม่อยากทำในสิ่งที่ไม่ดีแต่เราก็ยังทำอยู่ นั่นเป็นเพราะมนุษย์ไม่ดำเนินชีวิตตามกฏเกณฑ์ที่พระเจ้าทรงกำหนดให้ จึงทำให้มนุษย์เราต้องพ่ายแพ้ต่อบาป และไม่สามารถที่จะเอาชนะมันได้เลย
3. ถ้ามนุษย์ไม่มีความตาย
ถึงแม้มนุษย์เราจะทำบาป แต่ถ้าไม่มีความตาย มนุษย์เราก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อพระเยซู
แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะสามารถต่อรองกับความตายได้ทุกคนต่างก็ต้องตาย
ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือจนก็ต้องตาย...
ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีการศึกษาสูงหรือคนที่ไร้การศึกษาก็ต้องตาย...
ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีอำนาจ มีตำแหน่ง หรือเป็นคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงก็ต้องตาย...
ไม่ว่าจะเป็นคนจีน คนลาวคนฝรั่งหรือคนไทยก็ต้องตาย...และ
ไม่ว่าจะเป็นคนที่กลัวตายหรือไม่กลัวตาย ก็ต้องตายอยู่ดี
ซึ่งความตายนั้นเป็นผลมาจากการที่มนุษย์เราทำบาปนั่นเอง...
4. ถ้ามนุษย์เราไม่มีวิญญาณ
ถ้ามนุษย์เราได้ทำบาป และต้องตาย แต่ถ้ามนุษย์ไม่มีวิญญาณตายแล้วก็จบสิ้นทุกอย่าง ถ้าเป็นเช่นนั้น มนุษย์เราก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อพระเยซูคริสต์แต่ความจริงแล้วพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์เราให้มีจิตวิญญาณเพื่อเราจะสามารถมีสัมพันธภาพและรับพระคุณความรักจากพระองค์
ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่ชี้ให้เราเห็นชัดว่ามนุษย์เรามีจิตวิญญาณก็คือ การที่มนุษย์เราสามารถที่จะทำในสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกภายในได้ เช่นภายนอกยิ้ม แต่ภายในอาจจะเคียดแค้นก็ได้ และอีกอย่างหนึ่งก็คือมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งเดียวในโลกที่สามารถฆ่าตัวตายได้ ซึ่งเราจะไม่เห็นสิ่งมีชีวิตสิ่งไหนเลยที่มีการฆ่าตัวตาย
นอกจากมนุษย์ นักจิตวิทยาท่านหนึ่งได้อธิบายว่า การที่คนคนหนึ่งฆ่าตัวตายนั้น ก็เพราะว่าเกิดการเจ็บปวดฝ่ายจิตวิญญาณนั่นเอง ดังนั้นความตายของมนุษย์ไม่ใช่การจบสิ้นทุกอย่างเพราะว่าวิญญาณยังมีชีวิตและความรู้สึก เพียงแต่ออกจากร่างกายที่ต้องเสื่อมสลายไปเท่านั้นเอง...
5. ถ้าไม่มีการพิพากษา
ในเมื่อมนุษย์เราทำบาปและต้องตาย แต่ถ้ามนุษย์ไม่ต้องรับผิดชอบต่อบาปที่เขาทำ มนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อในพระเยซูคริสต์แต่ลึก ๆ ในใจของมนุษย์ล้วนทราบดีว่า บาปจะต้องมีการลงโทษ ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกว่า...
หลังจากที่มนุษย์ตายไปแล้ว วิญญาณของเขาก็จะต้องรับการพิพากษาโทษจากพระเจ้าตามการกระทำของแต่ละคน ซึ่งผู้พิพากษาในโลกนี้อาจจะพิพากษาตามความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งและมีหลักฐานที่ชัดเจนเท่านั้น
แต่การพิพากษาของพระเจ้านั้นยุติธรรม เพราะพระองค์จะพิพากษาตามความผิดทุกอย่างที่มนุษย์กระทำ ไม่ว่าการกระทำที่ทำในที่ลับหรือที่แจ้ง ซึ่งไม่มีใครที่จะหนีพ้นจากการพิพากษาอันเที่ยงธรรมของพระองค์ได้เลย
6. ถ้าไม่มีนรก
ถ้ามนุษย์ต้องพบกับการพิพากษา แต่ถ้าไม่มีนรกมนุษย์เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อพระเยซูก็ได้แต่นรกนั้นมีอยู่จริงซึ่งเป็นสถานที่ที่น่ากลัวและเต็มไปด้วยไฟ ที่นั่นกายฝ่ายวิญญาณของมนุษย์ที่มีความผิดบาปจะถูกทอดทิ้ง ไม่มีการปลอบโยน แต่จะเต็มไปด้วยการคร่ำครวญและความทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลยผู้อ่านที่รัก...
บัดนี้ท่านได้ทราบแล้วว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างมนุษย์ ซึ่งแท้จริงแล้วพระองค์ทรงปรารถนาให้มนุษย์เราอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข แต่เพราะมนุษย์ตัดสินใจเลือกที่จะทำความผิดบาป จึงทำให้ต้องเผชิญกับความตาย หลังจากนั้นวิญญาณจะต้องพบกับการพิพากษาและในที่สุดก็จะต้องรับโทษในนรก
ซึ่งพระเจ้าไม่ได้สร้างนรกไว้สำหรับมนุษย์ แต่ทรงสร้างไว้เพื่อการลงโทษบาปและพระองค์ไม่อยากให้สักคนหนึ่งต้องพินาศในนรกเลยเพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างเหมือนกับคุณพ่อที่รักลูก แต่พระองค์ก็ทรงความยุติธรรม พระองค์ต้องลงโทษบาปที่มนุษย์ได้กระทำ เพราะจะทรงถือว่าไม่มีโทษก็ไม่ได้
และพระองค์ก็ทรงทราบว่ามนุษย์ไม่สามารถที่จะช่วยตนเองให้พ้นบาปได้โดยวิธีใด ๆ เลย พระองค์จึงได้ทรงกำหนดวิธีการในการช่วยเหลือมนุษย์ไว้ตั้งแต่เริ่มแรกแล้วว่า ถ้ามนุษย์เราจะพ้นจากโทษบาปได้นั้น ก็ต้องมีผู้ที่มารับโทษบาปแทนเขา ซึ่งผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ไม่มีบาปแม้แต่น้อย แต่พระองค์ทรงรู้ว่าไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะสามารถรับโทษแทนกันได้เลยเพราะทุกคนล้วนแต่มีบาปและต้องรับโทษของตนเองอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้วพระองค์จึงได้ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์มารับสภาพเป็นมนุษย์โลกในขณะที่พระเยซูคริสต์อยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของความเป็นมนุษย์ทุกอย่างแต่พระองค์ไม่ได้ทำความผิดบาปเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นพระองค์ทรงเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถรับโทษบาปแทนมนุษย์ได้ แท้จริงแล้วพระองค์ไม่สมควรถูกตรึงบนไม้กางเขนเลย แต่การที่พระองค์ยอมเช่นนั้นก็เพื่อเป็นการไถ่บาปให้แก่มวลมนุษยชาติ
ดังนั้นทางเดียวที่มนุษย์จะรอดพ้นจากการพิพากษาได้ก็คือ ต้องเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เท่านั้น โดยการสารภาพความผิดบาปและทูลขอการอภัยโทษจากพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะพ้นโทษบาปทันที และเมื่อเขาจากโลกนี้ไปวันใด เขาก็จะได้อยู่สวรรค์กับพระเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์...
ผู้อ่านที่รัก... บัดนี้ได้โอกาสที่พระเจ้าจะให้ท่านรอดจากบาปอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว พระเจ้าจะไม่ทรงบังคับท่าน แต่การตัดสินใจเป็นของท่าน ถ้าท่านปรารถนาที่จะเชื่อในพระเยซูคริสต์ ขอให้ท่านอธิษฐานทูลขอต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า...ข้าพระองค์ยอมรับว่าข้าพระองค์มีความผิดบาปหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในชีวิตและข้าพระองค์ไม่อยากพบกับการพิพากษาเลย ขอพระองค์ทรงโปรดเมตตายกโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด... ขอขอบคุณพระองค์ที่ทรงให้พระเยซูคริสต์มารับโทษบาปแทนข้าพระองค์บนไม้กางเขน ข้าพระองค์ขอเชื่อพึ่งในพระองค์ด้วยใจจริง ขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า...อาเมน
”ถ้าท่านได้อธิษฐานตามข้างต้นนี้ด้วยความจริงใจก็ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า พระเจ้าทรงอภัยโทษความบาปให้แก่ท่านแล้วอย่างแน่นอน และพระองค์จะทรงนำชีวิตของท่านตลอดไป...
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
 
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา