20 ม.ค. 2022 เวลา 13:49 • การศึกษา

คุณค่าของมนุษย์อยู่ที่ไหน?

ใครผู้ที่กำหนดคุณค่าให้กับชีวิตของมนุษย์ ?
คุณค่าของคนอยู่ที่ผลงาน
อยู่ที่ได้รับความยกย่อง
อยู่ที่การมีทรัพย์สมบัติหรืออยู่ที่รูปโฉม
หรืออยู่ที่มีความสามารถจริงหรือ ?
เมื่อเราพิจารณาดูระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เราก็จะเห็นว่า มนุษย์เรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งเดียวในโลกที่รู้จักคำว่า “คุณค่า”... ถ้าเราจะให้คำจำกัดความของคำว่า “คุณค่า”... แบบง่าย ๆ ก็หมายถึง“การกำหนดความมีค่าให้กับบางสิ่งบางอย่าง” ซึ่งการกำหนดความมีค่าของสิ่งนั้น ๆ มาจากสองทางก็คือ
การกำหนดจากภายนอกและ
การกำหนดจากเนื้อแท้ภายในของสิ่งนั้น ๆ...
1.การกำหนดคุณค่าจากภายนอก
ก็คือการที่สิ่งนั้น ๆ ไม่มีคุณค่าอะไร แต่ถูกคนเรายกสถานะของมันจึงทำให้มันมีค่าขึ้นมา เช่น เพชร พลอย ทอง เงิน ธนบัตร... ซึ่งแท้จริงแล้วสิ่งต่าง ๆเหล่านี้ มันก็เป็นเพียงวัตถุหรือแร่ธาตุธรรมดาที่อยู่ตามธรรมชาติ แต่เพราะเหตุที่มันหายาก มันจึงถูกมนุษย์ให้คุณค่าจนกลายเป็นสิ่งที่มีค่าขึ้นมาทันที...
แต่ถ้ามันมีเกลื่อนทั่วไปเหมือนก้อนหินธรรมดาหรือเมื่อมนุษย์ไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว มันก็จะไม่มีคุณค่าอะไรอีกเลย...
2 การกำหนดคุณค่าจากภายใน
เป็นสิ่งที่แตกต่างจากการกำหนดภายนอกอย่างสิ้นเชิง การกำหนดคุณค่าจากภายในนี้ไม่ใช่มนุษย์เป็นผู้กำหนด แต่การมีคุณค่าของสิ่งนั้น ๆ มาจากเนื้อแท้ของสิ่งนั้นที่เป็นอยู่ซึ่งจิตใจส่วนลึกของมนุษย์เราไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้แต่ต้องให้คุณค่าแก่สิ่งนั้นโดยอัตโนมัติ...
เมื่อเราเห็นรถเบ็นซ์คันใหม่เอี่ยม เราก็รู้สึกว่ามันมีค่ามาก และอาจคิดในใจว่าถ้าเราได้สักคันก็คงจะดี... แต่เมื่อมันถูกชนเสียจนยับเยินในความคิดของเราก็ไม่อยากได้มันแล้ว นั่นเป็นเพราะมันถกูกำหนดคุณค่าจากภายนอก...
แต่เมื่อเราเห็นคนจนคนพิการแขนขาด้วน คนเป็นโรคเรื้อนคนติดยาเสพติด คนที่มีเชื้อชาติสกุลที่ต่ำต้อย คนเป็นโรคเอดส์ คนขอทาน คนที่สังคมรังเกียจ ฯลฯ กลุ่มคนต่าง ๆ เหล่านี้ถึงแม้มนุษย์เราจะไม่ค่อยให้คุณค่าแก่พวกเขา แต่พวกเขาก็มีคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นคนซึ่งเราไม่สามารถที่จะดูถูกเขาได้เลย นั่นเป็นเพราะเนื้อแท้ของชีวิตของเขานั้นมีคุณค่านั่นเอง...
ผู้ที่กำหนดคุณค่าให้กับชีวิตของมนุษย์
ในเมื่อการกำหนดคุณค่าจากภายในนั้นไม่ได้มาจากการกำหนดของมนุษย์เรา ถ้าเช่นนั้น “ผู้ใดกันเล่า” ที่เป็นผู้กำหนดคุณค่าให้แก่มนุษย์ ซึ่งทำให้มนุษย์เราไม่สามารถที่จะปฏิเสธถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ได้เลย...
คำตอบก็คือ “พระเจ้า” ผู้ทรงสร้างมนุษย์นั่นเอง พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บอกอย่างชัดเจนว่า
พระเจ้าทรงสร้างจิตวิญญาณของมนุษย์เราให้เหมือนกับพระองค์
และประทานศักดิ์ศรีคุณค่าให้แก่พวกเขา
ปฐมกาล 1:26-27, สดุดี 8:4-6
หลายคนมีความสงสัยในใจว่า “วิญญาณมีจริงไหม? ถ้าวิญญาณมีจริง เราจะทราบได้อย่างไร?”...
คำตอบของคำนี้ไม่ยากเกินไป เมื่อผมเจอคำถามนี้ผมมักจะตอบว่า “คุณเคยเห็นลมไหม?...แน่นอนไม่มีใครเคยเห็นลม แต่ทำไมเราจึงรู้สึกว่ามีลม นั่นเป็นเพราะเรามองเห็นปฏิกิริยาที่ลมกระทบต่อวัตถุ
เช่น เรามองเห็นใบไม้ที่กำลังมีลมกระทบต่อวัตถุเช่น เรามองเห็นใบไม้ที่กำลังมีการเคลื่อนไหวนั้นก็เพราะมีลมพัดมากระทบมัน... วิญญาณของมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน เรามองไม่เห็น แต่เราก็สามารถที่จะสังเกตปรากฏการณ์ของวิญญาณมนุษย์ได้ถ้าจะถามว่าจะสังเกตจากอะไร...
ผมจะยกตัวอย่างให้เห็น...ถ้าบ้านของคุณเลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่ง วันหนึ่งเมื่อคุณกำลังเดินเข้าบ้าน แล้วมันกระดิกหางวิ่งเข้ามาหาคุณ แต่คุณไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เตะไปที่ลำตัวของมันทันที มันก็จะร้องแล้ววิ่งหนี...หลังจากนั้นคุณก็เอาไก่ย่างชิ้นหนึ่งเรียกมันมากิน รับรองว่ามันต้องวิ่งมากินแน ่ ๆ ...
เอาล่ะ! ตอนนี้สมมุติว่าคุณกำลังเดินเข้าบ้าน แล้วน้องของคุณวิ่งออกมาต้อนรับ คุณไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นเดียวกัน แล้วก็เตะเปรี้ยงไปที่ก้นเขาเขาก็จะโกรธหรืออาจร้องไห้และเดินหนี... หลังจากนั้นคุณก็บอกเขาว่า “พี่พาไปร้าน KFC”...
คุณคิดว่าน้องคุณจะไปไหม?... ไม่มีทางไปเด็ดขาด! เพราะน้องคุณไม่เพียงแต่เจ็บกายเท่านั้น แต่เขายังเจ็บใจอีกด้วย...
คุณเคยฟังเรื่อง BROKEN HEART DOG ไหม?...มีสุนัขตัวผู้ตัวหนึ่งไปหาสุนัขตัวเมียแต่สุนัขตัวเมียไม่เล่นด้วย มันจึงเดินคอตกด้วยอาการอกหักแล้วเดินไปที่ทางรถไฟ... ขณะนั้นมีรถไฟขบวนหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูง...
ขอถามหน่อยเถิดว่า “คุณคิดว่าสุนัขตัวผู้ตัวนั้นจะกระโดดให้รถไฟทับตายไหม?... ไม่มีทางอย่างแน่นอน! รับรองมันต้องกระโดดหนี... แต่ถ้ามนุษย์เราอกหักล่ะ! บางคนอาจกระโดดให้รถไฟทับตายก็ได้... เราจะไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดใดคิดฆ่าตัวตายเลย นอกจากมนุษย์
ซึ่งปรากฏการณ์ฆ่าตัวตายของมนุษย์เรานั้นกำลังเป็นตัวบ่งชี้ว่า ภายในจิตใจของมนุษย์นั้นมีจิตวิญญาณและเมื่อจิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก จึงมีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย...
จากตัวอย่างข้างต้นนี้ ทำให้เราเข้าใจได้ว่ามนุษย์เรานั้นมีจิตวิญญาณที่ถูกสร้างโดยพระเจ้า นั่นจึงทำให้มนุษย์เรามีคุณค่ามากที่สุดในโลก และคุณค่าของมนุษย์เราก็ไม่ได้ถูกกำหนดจากมนุษย์ด้วยกันแต่ถูกกำหนดจากพระเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์เรานั่นเอง...
พระคริสตธรรมคัมภีร์ยังได้บอกอย่างชัดเจนอีกว่าเพราะมนุษย์มีจิตวิญญาณนั่นเอง จึงทำให้มนุษย์มีคุณค่าและเป็นคุณค่าที่แท้จริง แม้กระทั่งเอาทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นในโลก ก็ไม่สามารถซื้อหรือเอามาแลกกับจิตวิญญาณของมนุษย์เพียงคนเดียวเลย
เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตนผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไรหรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา
มัทธิว 16:26
ซึ่งถ้าหากมนุษย์เราไม่มีจิตวิญญาณแล้ว ร่างกายมนุษย์ก็มีค่าเพียงไม่กี่บาทเท่านั้น เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์เราให้มีร่างกายที่มีส่วนผสมต่าง ๆ ของวัตถุ พืช กายวิภาค (ที่เหมือนกายวิภาคของสัตว์ แต่แตกต่างที่รูปแบบ)และทรงสร้างให้มนุษย์มีจิตวิญญาณ...
ถ้าจะถามว่าส่วนไหนของมนุษย์เป็นวัตถุบ้าง?... ก็พวกหินปูนกระดูกที่เป็นแคลเซี่ยม ขี้หู ขี้ตา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุทั้งสิ้น...
ส่วนที่เป็นพืชก็คือ เส้นผม เล็บ ซึ่งเวลาที่เราตัดมัน ก็ไม่รู้สึกเจ็บและมันก็งอกขึ้นใหม่ได้... ส่วนที่เป็นกายวิภาคที่เหมือนสัตว์ก็คือ ร่างกายที่รู้สึกเจ็บ หนาว ร้อน ฯลฯ...
แต่ส่วนที่ทำให้มนุษย์เราแตกต่างจากสรรพสิ่งทั้งปวงในธรรมชาติก็คือ เรามีจิตวิญญาณที่ทำให้เรามีค่าเหนือกว่าสรรพสิ่งในโลก
ซึ่งถ้ามนุษย์เราไม่มีจิตวิญญาณแล้ว ราคาของชีวิตมนุษย์ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับราคาของวัวตัวหนึ่งเลย...
ผู้อ่านที่รัก...ในเมื่อชีวิตมนุษย์มีคุณค่ามากเช่นนี้แต่เหตุใดมนุษย์เราจึงไม่เห็นคุณค่าของตัวเองหรือมองคุณค่าของตนเองอย่างผิด ๆ
นั่นก็เพราะว่ามนุษย์ไม่รู้จักพระเจ้าผู้ทรงสร้างชีวิตของเขา แท้จริงแล้วเมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้น พระองค์ปรารถนาจะให้มีมนุษย์เชื่อฟังพระองค์ และดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ที่พระองค์ทรงกำหนดให้
เพื่อมนุษย์จะอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุขแต่พระองค์ก็ทรงให้มนุษย์มีอิสระในการตัดสินใจได้เองแต่น่าเศร้าที่มนุษย์กลับปฏิเสธพระเจ้า และได้ใช้อิสระที่มีอยู่ในทางที่ผิด อีกทั้งยังฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของพระองค์จึงทำให้มนุษย์ต้องพบกับความทุกข์และตกอยู่ในความผิดบาปเรื่อยมา
มนุษย์จึงเข้าใจคุณค่าแบบผิด ๆ และไม่รู้จักคุณค่าที่แท้จริงของตนเองอีกต่อไป...เราจะเห็นว่ามนุษย์เราได้เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางในการกำหนดคุณค่าให้กับสิ่งต่าง ๆ ในโลก รวมทั้งมนุษย์ด้วยกันเอง และการกำหนดคุณค่าของมนุษย์นั้นเขาก็ใช้มุมมองวิธีการ และมาตรฐานจากความคิดของตัวเองมาเป็นตัวกำหนด
นั่นก็คือถ้าคนไหนมีประโยชน์ก็มีคุณค่า ถ้าคนไทยสวย หล่อ หรือเก่ง ก็มีคุณค่า...ถ้าคนไหนมีเงิน มีชื่อเสียง มีอำนาจ มีความรู้ มีอาชีพที่ดีมีคนยกย่อง มีความบริสุทธิ์ในชีวิต มีความสามารถมากคนเหล่านั้นก็มีคุณค่า...
เมื่อเป็นเช่นนี้ มนุษย์เราทั่วโลกจึงเอามาตรฐานเหล่านี้เป็นเป้าหมายของชีวิตในการแสวงหา และเพื่อจะได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้บางคนถึงกับยอมทำทุกอย่างที่ไม่ถูกต้อง โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมที่ดีงาม หรือเสียงเรียกร้องของมโนธรรมในจิตใจ ซึ่งถ้าหากเขาสามารถมี หรือเป็น หรือไปถึงสถานะเหล่านี้ได้ เขาก็จะรู้สึกว่าตนเองนั้นมีค่า...
แต่ถ้าหากเขาไม่สามารถที่จะเป็น หรือมี หรือไปไม่ถึงสถานะมาตรฐานเหล่านั้นแล้ว เขาก็จะรู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นไม่มีคุณค่าหรือบางครั้งก็รู้สึกมีปมด้อยขึ้นมาทันทนีั่นจึงทำให้เราไปแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุไรคนที่ทำผิดในชีวิต
คนที่เรียนไม่เก่ง คนที่มีการศึกษาน้อย คนที่เป็นโรคเอดส์ คนที่ติดเหล้าติดยาเสพติด คนที่คิดว่าตนเองนั้นไม่เหมือนคนอื่น หน้าตาหรือรูปร่างไม่สวยไม่หล่อ หรือมีความสามารถที่สู้คนอื่นไม่ได้ พวกเขาเหล่านี้จึงรู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นไร้ค่าอย่างมากในสังคม และบางคนถึงกับประชดชีวิตไปเลย...
ขณะที่มนุษย์เรากำลังอยู่ในสภาพเช่นนี้เอง พระเจ้า ก็ได้ทรงมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับมนุษย์เราทุกคนซึ่งก็คือ พระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ให้มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกเมื่อประมาณ 2,000 ปี แล้ว
ถ้าจะถามว่า เพราะเหตุไรพระเจ้าจึงต้องส่งพระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกนี้ด้วย?...นั่นก็คือเพราะว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง และพระองค์ทรงทราบดีว่ามนุษย์เราทุกคนได้หลงไปจากคุณค่าที่แท้จริงของตน
มนุษย์ไม่สนใจในจิตวิญญาณของตนไม่สนใจในศีลธรรมที่ดีงามและที่สำคัญก็คือมนุษย์ไม่เกรงกลัวต่อบาปซึ่งความบาปนี่เองที่ทำให้มนุษย์ต้องตายฝ่ายร่างกายมิหนำซ้ำจิตวิญญาณของเขาก็จะต้องรับการพิพากษาโทษจากพระเจ้าอีกด้วย
ดังนั้นพระองค์ทรงเห็นว่าถ้าหากมนุษย์ไม่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว จิตวิญญาณของเขาก็จะต้องพินาศไปเป็นแน่ เพราะเหตุนี้เองพระเจ้าจึงได้ทรงให้พระเยซูคริสต์มาเป็นผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดจากบาป
พระเยซูคริสต์ทรงยอมถูกตรึงจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนก็เพื่อให้ร่างกายของพระองค์นั้นรับโทษความผิดบาปแทนมนุษย์
ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็จะทรงรับโทษความผิดบาปแทน เขาจึงไม่ต้องรับการพิพากษาโทษจากพระเจ้าอีก แต่เขาจะได้อยู่ในสวรรค์กับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์
ผู้อ่านที่รัก... ไม่ว่าท่านจะเป็นใครหรือเป็นอย่างไรขอให้ท่านทราบว่าพระเจ้าทรงรักท่าน และทรงเห็นว่าชีวิตของท่านมีคุณค่า... ซึ่งแท้จริงแล้วพระองค์ทรงเห็นว่าจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกดวงที่พระองค์ทรงสร้างนั้นล้วนมีคุณค่าทัดเทียมกันทั้งสิ้น
จึงได้ทรงประทานพระเยซูคริสต์มาเพื่อมนุษย์ทุกคน แต่พระองค์จะทรงประทานพระคุณให้แก่ผู้ที่ทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์เท่านั้น...
บัดนี้พระองค์พร้อมที่จะช่วยเหลือท่านให้รอดพ้นจากความผิดบาปเพื่อท่านจะได้อยู่ในสวรรค์กับพระองค์ตลอดไปถ้าท่านปรารถนาที่จะรับการอภัยโทษบาปจากพระองค์ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า... บัดนี้ข้าพระองค์ได้เข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของมนุษย์แล้ว ที่ผ่านมาข้าพระองค์ได้ใช้ชีวิตอย่างไม่ถูกต้อง ทั้งยังได้ทำผิดทำบาปมากมาย ข้าพระองค์ขอยอมรับผิด และขอหันกลับมาหาพระองค์...
ในวันนี้ขอพระเยซูคริสต์ทรงโปรดยกโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจและขอทรงช่วยเหลือข้าพระองค์ให้ใช้ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ในโลกให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของพระองค์ด้วย... ขออธิษฐานกราบทูลในนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”...
ถ้าท่านได้อธิษฐานตามข้างต้นด้วยความจริงใจก็ขอให้มั่นใจเถิดว่า ความผิดบาปของท่านได้รับการอภัยแล้วอย่างสิ้นเชิง และพระองค์จะทรงดูแลชีวิตของท่านตลอดไป
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
 
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา