27 ม.ค. 2022 เวลา 04:19 • ประวัติศาสตร์
Jaeger-LeCoultre Reverso จากนาฬิกาสปอร์ต กลายเป็นนาฬิกาเดรสสุดหรู
ถ้าพูดถึงนาฬิกาทรงสีเหลี่ยม หลายคนอาจจะนึกภาพไม่ค่อยออกนัก เนื่องจากนาฬิกาข้อมือส่วนใหญ่ในปัจจุบัน จะเป็นรูปทรงกลมมากกว่า
มีนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมรุ่นหนึ่ง ที่ถือเป็น iconic ของนาฬิกาทรงนี้เลย และมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ รวมถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ที่ถึงแม้ในปัจจุบันก็ยังคงเอกลักษณ์อันนี้ไว้ และไม่มีนาฬิการุ่นอื่น หรือแบรนด์อื่นที่คิดจะทำเลียนแบบ
ย้อนอดีตไปเมื่อราวปี 1930 คุณ César de Trey นักธุรกิจและนักสะสมนาฬิกา ได้เดินทางทำธุรกิจที่ประเทศอินเดีย ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ กีฬาที่นิยมในหมู่ผู้มีฐานะดีคือ กีฬาโปโล และคุณ César de Trey และผู้เล่นโปโลในยุคนั้นประสบปัญหาประจำคือ การสวมใส่นาฬิกาข้อมือในระหว่างการเล่นทำให้กระจกหน้าปัดแตกเสียหายเป็นประจำ
คุณ César de Trey จึงได้ปรึกษาปัญหานี้กับคุณ Jacques-David LeCoultre ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานทำนาฬิกาแบรนด์ LeCoultre ในสวิตเซอร์แลนด์ คุณ LeCoultre ได้กลับมาว่าจ้างนักออกแบบชาวฝรั่งเศส คือคุณ René-Alfred Chauvot และได้คิดค้นนาฬิกาที่สามารถพลิกหน้าปัดเก็บได้เป็นครั้งแรก และได้จดสิทธิบัตรที่ปารีส ในวันที่ 4 มีนาคม 1931 โดยให้คำอธิบายว่า เป็น "wristwatch which can slide on its base and flip over on itself”
รูปจาก https://www.timeandwatches.com/p/jaeger-lecoultre-reverso-history.html
รูปจาก https://www.timeandwatches.com/p/jaeger-lecoultre-reverso-history.html
The Original Reverso มีขนาดยาว 38 mm, กว้าง 24 mm และหนาเพียง 6 mm ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Reverso Classique ทุกวันนี้
สังเกตว่า Reverso ดั้งเดิมนี้ ไม่มีชื่อแบรนด์ LeCoultre อยู่บนหน้าปัด ซึ่งจะเรียกว่า เป็นแบรนด์ Reverso ก็ว่าได้ในสมัยนั้น
ในปี 1937 Jaeger S.A. and LeCoultre ได้รวมกิจการกันอย่างเป็นทางการ และใช้ชื่อว่า Jaeger-LeCoultre จนถึงปัจจุบัน
ลักษณะการออกแบบ หน้าปัด รูปทรง เรียกว่าเป็นศิลปะแบบ Art Deco ซึ่งเป็นที่นิยมในช่วงยุคต้นศตวรรษที่ 20 มีหลายแบรนด์ดังออกแบบนาฬิการูปทรงสีเหลี่ยม มีหลักชั่วโมงเป็นขีด เป็นเลขโรมันหรือเลขอารบิค มีทั้ง Rolex, Audemars Piguet และที่ยังเป็นที่นิยมจนถึงทุกวันนี้คือ Cartier Tank แต่ไม่มีนาฬิการุ่นไหนเลยที่ทำหน้าปัดที่สามารถพับกลับหลังได้แบบนี้ Reverso นี้
ต่อมา LeCoultre ได้ออก Reverso รุ่นต่อมาที่เพิ่มเข็มวินาทีเล็กไว้ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา (small second dial) และเพิ่มแบรนด์ LeCoultre ลงบนหน้าปัด
รูปจาก https://www.timeandwatches.com/p/jaeger-lecoultre-reverso-history.html
แม้แต่ Patek Philippe ก็เคยมีนาฬิกา Reverso ด้วย รูปจาก https://www.timeandwatches.com/p/jaeger-lecoultre-reverso-history.html
เคยมีโฆษณาที่จะใช้ Reverso เป็นนาฬิกาที่ใช้ทางการทหารด้วย เนื่องจากการปกป้องหน้าปัดได้ดี รูปจาก https://www.timeandwatches.com/p/jaeger-lecoultre-reverso-history.html
ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นาฬิกาหน้าปัดทรงกลมได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้นาฬิกาทรง Art Deco เสื่อมความนิยมลง ต่อเนื่องมาจนถึงช่วง Quartz crisis ในช่วงปลายทศวรรษที่ 60-70 ทำให้ Reverso ไม่ได้ถูกพัฒนาและจำหน่ายต่อ
จนกระทั่งปี 1982 Reverso ได้ถูกชุบชีวิตกลับมาอีกครั้ง โดยพัฒนาและวางจำหน่ายโดยใช้กลไกควอตซ์เป็นส่วนใหญ่
Jaeger-LeCoultre ในคอลเล็กชั่น Reverso ได้ผ่านกาลเวลามาเกือบ 1 ศตวรรษ จากจุดเริ่มต้นที่เพื่อเป็นนาฬิกาสปอร์ต เพื่อกีฬาโปโล แต่ในปัจจุบันด้วยรูปร่างหน้าตาที่คลาสสิค ทำให้ดูเป็นนาฬิกาเดรสที่เรียบหรู มีสไตล์ ลุควินเทจย้อนยุค เหมาะกับการใส่ออกงาน หรือคู่กับชุดสูทสุภาพ
มีการพัฒนากลไก รูปแบบอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลไก GMT, Duoface, Moonphase จนถึงขั้นกลไกระดับสูงสุดอย่าง Tourbillon
แต่ทั้งหมดยังคงความเป็น Reverso ดั้งเดิมอยู่ คือหน้าปัดรูปทรงสี่เหลี่ยม และการหมุนหน้าปัดพับเก็บเข้าไปด้านหลังได้ คงความเป็น Iconic หนึ่งของแบรนด์ Jaeger leCoultre
โฆษณา