31 ม.ค. 2022 เวลา 11:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทำความรู้จัก Holding Company และ กรณีศึกษา CGH กับการ Transform ครั้งใหม่สู่ Megatrend ด้านการเงินและธุรกิจท่องเที่ยว/โรงแรม
💡 ทำความรู้จัก Holding Company
โฮลดิ้ง คอมพานี คือ บริษัทที่มีการประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก และไม่มีการประกอบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจเป็นการลงทุนบริษัทในประเทศและ/หรือบริษัทต่างประเทศ โดยบริษัทที่โฮลดิ้ง คอมพานี ลงทุนต้องไม่มีลักษณะการประกอบธุรกิจเป็นการบริหารจัดการเงินลงทุน (Investment Company) และโฮลดิ้ง คอมพานี ต้องถือหุ้นในบริษัทหลักอย่างน้อย 1 บริษัท ซึ่งแสดงถึงการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการบริษัทหลักตามสัดส่วนการถือหุ้น ดังนี้
กรณีบริษัทหลักเป็นบริษัททั่วไป โฮลดิ้ง คอมพานี ต้องถือหุ้นในบริษัทหลักมากกว่า 50%
กรณีบริษัทหลักเป็นบริษัทที่มีเงื่อนไขในการร่วมลงทุนกับภาครัฐหรือมีข้อจำกัดตามกฎหมายอื่น โฮลดิ้ง คอมพานี ต้องถือหุ้นในบริษัทหลักมากกว่าหรือเท่ากับ 40%
ทั้งนี้ โฮลดิ้ง คอมพานี จะต้องถือหุ้นในบริษัทหลักตลอดเวลาที่เป็นบริษัทจดทะเบียน โดยอาจเปลี่ยนบริษัทหลักได้ เมื่อพ้นระยะเวลา 3 ปีนับตั้งแต่วันที่หุ้นสามัญเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับจุดประสงค์ของการเป็น โฮลดิ้ง คอมพานี เพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมบริษัทอื่นเท่านั้น โดยอาจเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เช่น อสังหาริมทรัพย์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า หุ้น และทรัพย์สินอื่น ๆ แล้วปล่อยเช่าให้กับบริษัทลูกอื่น ๆ ได้อีกด้วย
💡 ข้อดีของโฮลดิ้ง คอมพานี
- การคุ้มครองความรับผิดชอบในส่วนของหนี้สิน
การดำเนินงานหรือสินทรัพย์ที่แยกออกจากกัน ถือเป็นเกราะป้องกันความรับผิดชอบส่วนหนี้สินของบริษัทย่อยแต่ละแห่ง ทำให้เจ้าหนี้ของบริษัทย่อยไม่สามารถเข้าถึงทรัพย์สินของ โฮลดิ้ง คอมพานี หรือบริษัทย่อยอื่น ๆ ได้
- ลดต้นทุนในการจัดหาเงินกู้
โฮลดิ้ง คอมพานี ที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินมักจะได้รับเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าบริษัทย่อย ดังนั้น หากต้องการให้บริษัทย่อยขยายธุรกิจ ก็สามารถเป็นผู้หาแหล่งเงินกู้และนำไปให้บริษัทย่อยขยายธุรกิจได้ นั่นหมายความว่าจะมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าการที่บริษัทย่อยทำการกู้เงินด้วยตัวเอง
- ลดความเสี่ยง
เนื่องจากโฮลดิ้ง คอมพานี มีบริษัทย่อยหลายบริษัทและแยกดำเนินธุรกิจออกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้มีความเสี่ยงต่ำกว่าการดำเนินธุรกิจในรูปแบบบริษัทเดี่ยว เช่น บริษัท Google มีการปรับโครงสร้างและก่อตั้งบริษัท Alphabet ขึ้นมาเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี เนื่องจากผู้ถือหุ้นบริษัท Google กังวลเกี่ยวกับการลงทุนในด้านต่าง ๆ เช่น วิทยาการหุ่นยนต์ที่อาจจะล้มเหลวและส่งผลเสียหายต่อธุรกิจโดยรวม ดังนั้น การจัดตั้งโฮลดิ้ง คอมพานี จึงลดความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจได้อีกด้วย
- ไม่จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการบริษัทด้วยตัวเอง
โฮลดิ้ง คอมพานี สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้น ไม่สำคัญว่าเจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูงของโฮลดิ้ง คอมพานี จะมีความเชี่ยวชาญของธุรกิจย่อยทุกแห่งหรือไม่ เพราะบริษัทย่อยแต่ละแห่งจะมีการบริหารจัดการ มีผู้บริหารที่เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ๆ เพื่อดำเนินธุรกิจของตัวเอง
💡ข้อเสียของโฮลดิ้ง
ข้อเสียของโฮลดิ้ง คอมพานี
- การก่อตั้งและต้นทุน
การจดทะเบียนทั้งโฮลดิ้ง คอมพานี และบริษัทย่อยแต่ละแห่งจะต้องชำระค่าธรรมเนียมในการจัดตั้งและมีต้นทุนในการจัดทำ โดยเฉพาะเรื่องภาษีที่ค่อนข้างมีรายละเอียดและมีการเสียภาษีที่ซ้ำซ้อนอีกด้วย ทำให้ต้นทุนสูงกว่าการจัดตั้งในรูปแบบบริษัทเดี่ยว
- ความท้าทายในการจัดการ
เมื่อโฮลดิ้ง คอมพานี ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทย่อยแบบ 100% อาจจะเกิดความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันหรือขัดแย้งกับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อยได้ เช่น ควรนำผลกำไรไปขยายธุรกิจหรือจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารโฮลดิ้ง คอมพานี ด้วยเหมือนกัน
- ความซับซ้อน
เมื่อทั้งโฮลดิ้ง คอมพานี และบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจะมีความซับซ้อนในเชิงโครงสร้าง การบริหารจัดการ ดังนั้น ถ้าไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาวได้
นอกจากนั้น ถ้าบริษัทโฮลดิ้ง คอมพานี ก็ทำธุรกิจเองด้วย ไม่ได้เป็น Pure Holding ก็ต้องดูเสมือนหนึ่งว่าธุรกิจนั้นก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่บริษัทแม่ถือหุ้น 100% ซึ่งตัวเลขมูลค่าหุ้นทั้งหมดรวมกันนี้ ก็จะเป็นตัวบอกว่า Market Cap. ของหุ้นแม่นั้นควรจะเป็นเท่าไร ตามทฤษฎีในวงการหุ้นวิธีประเมินมูลค่าหุ้นแบบนี้เรียกว่า Sum Of The Parts (SOTP)
ทำให้จะมีส่วนที่เรียกว่า Holding Discount ซึ่งโดยปกติก็จะอยู่ที่ประมาณ 10 - 20 % ของบริษัทลูกทั้งหมด ทำให้ในส่วนนี้เราจะเห็นการที่หุ้นลูกขึ้นแบบแรง แต่ทำไมหุ้นแม่ไปน้อยกว่า หรือหุ้นแม่เทรดในสัดส่วนที่ถูกกว่าทั้งในแง P/E หรือ P/BV ก็จะมากจากเหตุผลตรงนี้
การประเมินมูลค่าหุ้นโฮลดิ้ง คอมพานี อีกวิธีหนึ่ง คือ การประเมินเสมือนหนึ่งว่าเป็นหุ้นธรรมดา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วใช้วิธีการดูค่า P/E Ratio และในยามที่ตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวยก็ดูอัตราส่วนเงินปันผลที่จะได้รับ โดยนักวิเคราะห์จะคำนวณว่าผลประกอบการรวมของบริษัทเป็นอย่างไร มีกำไรเท่าไรและค่า P/E Ratio ของบริษัทควรจะเป็นเท่าไรในปีนี้และปีหน้า
โดยที่ค่า P/E Ratio จะเป็นเท่าไรนั้น มักจะดูว่าบริษัทถูกจัดอยู่ในหมวดอุตสาหกรรมใด โดยไม่ได้สนใจว่าบริษัทลูกหรือหุ้นที่โฮลดิ้ง คอมพานี ถืออยู่นั้นอยู่ในธุรกิจใด ซึ่งวิธีการนี้กำไรจากบริษัทลูกและเงินปันผลที่โฮลดิ้ง คอมพานี ได้รับก็จะนำมารวมกันและรวมกับกิจการของบริษัทแม่ (ถ้ามี) โดยไม่ได้คำนึงถึงความแตกต่างว่ากำไรที่มาจากบริษัทเหล่านั้นอาจจะแตกต่างกันมาก
อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจเป็นจุดอ่อนสำคัญสำหรับการวิเคราะห์ เพราะกำไรจากบริษัทที่โตเร็วย่อมมีค่ามากกว่ากำไรจากบริษัทที่โตช้าหรือเป็นวัฏจักร การให้ Value หรือมูลค่าเท่ากันและเท่ากับกิจการของบริษัทแม่ทำให้การตีมูลค่าอาจผิดพลาดได้
ประเด็นสุดท้ายที่สำคัญในการพิจารณาลงทุนในหุ้นโฮลดิ้ง คอมพานี คือ เรื่อง CG หรือบรรษัทภิบาลของผู้บริหารหรือเจ้าของ ว่ามีความตั้งใจในการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นโดยรวมหรือไม่ หุ้นของบริษัทโฮลดิ้ง คอมพานี ที่มีราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริงนั้น บ่อยครั้งถ้าไม่ทำอะไรราคาหุ้นก็อาจจะถูกอยู่อย่างนั้น ถ้าผู้บริหารไม่ Unlock หรือปลดปล่อยมูลค่าเหล่านั้นออกมา เช่น บริษัทมีกำไรดีแต่ผู้บริหารกลับไม่จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นเท่าที่ควร วิธีการแก้ ก็คือ บริษัทอาจบอกเลยว่าจะจ่ายเป็นเงินปันผลทั้งหมดที่ได้รับจากบริษัทลูก เป็นต้น ดังนั้น ความตั้งใจในการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นโดยรวมของผู้บริหารหรือเจ้าของ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาเช่นกัน
1
💡กรณีศึกษา CGH
กลุ่มบริษัทในเครือของ CGH ประกอบด้วย
- หลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) ที่กำลังจะ Transform ตัวเองสู่โครางสร้างใหม่ สู่บริษัท PI ซึ่งจุดขายคือ PI Platform ที่ตั้งเป้าหมายเป็น Super Application รวมทุกสินทรัพย์ในที่เดียว ทั้ง หุ้นไทยและต่างประเทศ อนุพันธ์ คริปโต กองทุน ตอบโจทย์ Life Style คนรุ่นใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้า
-BEYOND (โรงแรม Capella และ Four Seasons Bangkok)
- บริษัทจัดการกองทุน MFC
-Cryptomind ทำธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่ การลงทุนในรูปแบบต่างๆ การทำ ICO
-CGD : บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
💡ผลประกอบการ
ปี 2562
รายได้ 846.39 ล้านบาท
กำไร 82.61 ล้านบาท
ปี 2563
รายได้ 1,313.75 ล้านบาท
กำไร 142.18 ล้านบาท
ปี 2564 (9เดือน)
รายได้ 1,298.48 ล้านบาท
กำไร 619.44 ล้านบาท (มีกำไรพิเศษ)
💡สรุปประเด็นที่น่าสนใจ
- ธุรกิจหลักทรัพย์เป็น Cash Cow สร้างกระแสเงินสดและกำไรสม่ำเสมอ มีระบบที่ Support นักลงทุนที่ดี + มีความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะทางด้าน Derivative ซึ่งกระแสเงินสดจากตรงนี้สามารถนำไปสร้างการเติบโตอื่นๆได้ในอนาคต
-PI platform ในการเทรดที่รวมทุกสินทรัพย์เข้ามาในแอปเดียว เป็น one wallet ความน่าสนใจคือการโยกเงินในแอป ซึ่งหากเรื่อง EXCHANGE Crypto เสร็จสิ้นซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงขอใบอนุญาต ก็มีโอกาสเป็นหนึ่งใน Super App ด้านการลงทุน โดยจุดเด่นคืออีกอันคือการ net settlement กันเองของ PI ลูกค้าแค่กดซื้อ และ ขาย แต่ละสินทรัพย์ แค่นั้นเองไม่ต้องโยกเงินไปๆ มาๆ ที่อาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ซึ่ง PI เองมีความได้เปรียบเพราะมีความพร้อมในด้านบุคลากร ระบบ และฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว
-MFC เป็นลูกที่น่ารัก ค่อนข้าง Cash Cow มีการเติบโตเล็กๆจากเรื่องของ Private wealth management ซึ่งตรงนี้ก็ค่อนข้าง Stable เช่นเดียวกัน
-"PDI" Turn To "BEYOND" ตรงนี้กำลังจะขายAsset ของ PDI เก่าเปลี่ยนเป็น cash ทั้งหมดเพื่อเอามาลงทุนต่อในธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม Capella กับ Four Seasons ซึ่งยังโดนผลกระทบจากโควิดต่ตอนนี้ occupancy เริ่มกลับมาแล้ว โดยที่ avg room rate อยู่ระดับที่สูง ประมาณ 17,000 บาทต่อคืน occupancy 25% และลูกค้าเป็นคนไทยเกือบหมดในตอนนี้ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ cash flow turn เป็นบวกเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีการเปิดเมืองน่าจะกล้บมาได้ดีกว่านี้มาก และ roon rate น่าจะขึ้นไปได้ถึง 23,000 ในภาวะปกติที่การท่องเที่ยวถูกปลดล็อก ดังน้้น beyond น่าจะเป็นตัวสร้างกระแสเงินสดที่ดี ตรงนี้เป็น hidden value + เปลี่ยนเป็น Growth ในอนาคต
- Cryptomind ตรงนี้ เป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านคริปโต ทั้งการออกเหรียญใหม่ , การออก nft , กิจกรรมอื่นๆใน blockchain เช่น stake แ และการเข้าไปแนะนำในการลงทุนเหรียญ เช่น กองทุนที่ลงทุนในเหรียญ ซึ่ง cryptomind จะได้รับส่วนแบ่งเป็นเหรียญที่ออกใหม่ หรือ profit sharing จากกำไรเหรียญ หรือ ค่าธรรมเนียมในการทำกิจกรรมเหรียญบน blockchain เป็นลูกอีก 1 ตัวที่มีศักยภาพในอนาคต และอยู่ใน Megatrend ในขณะนี้
ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Holding ที่น่าสนใจที่นักลงทุนจะลองไปทำการบ้านดูนะครับ
**ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแชร์ความรู้ และข้อมูลไม่ดีมีเจตนาแนะนำการลงทุน นักลงทุนต้องศึกษาเองก่อนการลงทุนด้วยน้า**
สวัสดีครับ
- - - - - -
ประชาสัมพันธ์
เพิ่มทักษะปั้นพอร์ทโตระเบิดรุ่นที่ 3
คอร์สออนไลน์ที่จะพาเปิดโลกการลงทุนแนว VI Hybrid Technical
นักเรียนเก่ามีเรทพิเศษนะครับ
ใครสนใจทักได้ทาง inbox ครับ
*รับจำนวนจำกัด
**ราคาพิเศษกำลังจะหมดเขตก่อนปีใหม่
สนใจสมัครด่วน
คลิ๊ก
โฆษณา