1 ก.พ. 2022 เวลา 16:13 • ประวัติศาสตร์
ธรรมเนียมการนุ่มห่มของสาวชาววัง
การนุ่มห่มสีตามวันของสาวชาววังมีมาตั้งแต่ช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา รัตนโกสินทร์เรื่อยมาจนถึงช่วงปลายรัชสมัย ราชการที่ 6 การนุ่งห่มสีตามวันเรียกว่า “สวัสดิรักษา”
โดยการใช้สีประจำตัวของเทพยดาพระเคราะห์ประจำวันนั้นๆเป็นหลัก เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่ ดังคำกลอนที่ว่า
“อนึ่งภูษาผ้าทรงณรงค์รบ               
ให้มีครบเครื่องเสร็จทั้งเจ็ดสี
วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี               
เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล
เครื่องวันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว         
จะยืนยาวชันษาสถาผล
อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน           
เป็นมงคลขัตติยาเข้าราวี
เครื่องวันพุธสุดดีด้วยสีแสด             
กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี
วันพฤหัสจัดเครื่องเขียวเหลืองดี         
วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม
วันเสาร์ทรงดำจึงล้ำเลิศ                 
แสนประเสริฐเสี้ยนศึกจะนึกขาม
หนึ่งพาชีขี่ขับประดับงาม                 
ให้ต้องตามสีสันจึงกันภัย”
โดยเป็นการนุ่งโจงกระเบนสีหนึ่งและห่มสไบอีกสีหนึ่ง ในนวนิยายเรื่อง สี่แผ่นดิน ก็มีกล่าวถึงการแต่งกายตามสีประจำวัน
นุ่งเหลืองอ่อนห่มน้ําเงินอ่อน
“สําหรับวันจันทร์ นุ่งเหลืองอ่อนห่มน้ําเงินอ่อน หรือจะห่มบานเย็นก็ได้ แต่ถ้าวันจันทร์จะนุ่งสีน้ำเงิน นกพิราบต้องห่มจําปาแดง แล้วแม่ก็หยิบผ้าห่มสีดอกจําปาแก่ๆ ออกวางทับบนผ้าลายสีน้ําเงินเหลือบที่วางไว้ แม่อธิบายต่อ
นุ่งสีปูนหรือม่วงเม็ดมะปรางแล้วห่มโศก
วันอังคาร นุ่งสีปูนหรือม่วงเม็ดมะปรางแล้วห่มโศก หรือถ้านุ่งโศกหรือเขียวอ่อน ต้องห่ม ม่วงอ่อน
นุ่งสีถั่ว สีเหล็กก็ได้แล้วห่มจําปา
วันพุธ นุ่งสีถั่วก็ได้ สีเหล็กก็ได้แล้วห่มจําปา
นุ่งเขียวใบไม้ ห่มแดงเลือดนก หรือนุ่งแสดห่ม เขียวอ่อน
วันพฤหัสนุ่งเขียวใบไม้ ห่มแดงเลือดนก หรือนุ่งแสดห่ม เขียวอ่อน
นุ่งน้ําเงินแก่ห่มเหลือง
วันศุกร์ นุ่งน้ําเงินแก่ห่มเหลือง
นุ่งเม็ดมะปรางห่มโศก
วันเสาร์ นุ่งเม็ดมะปรางห่มโศก หรือนุ่งผ้าลายพื้นม่วงก็ห่มโศก เหมือนกัน นี่ผืนนี้แหละผ้าลายพื้นม่วงหายากจะตายไป กุลีหนึ่งก็มีผืนเดียวเวลาไว้ทุกข์ก็นุ่งผ้าลายพื้นม่วงนี่ เหมือนกัน แต่ต้องห่มสีนวล
นุ่งเขียว ห่มแดง
วันอาทิตย์ จะแต่งเหมือนวันพฤหัสก็ได้ คือ นุ่งเขียว ห่มแดง หรือไม่ยังงั้นก็นุ่ง ผ้าลายพื้นสีลิ้นจี่หรือสีเลือดหมู แล้วห่มโศก จําไว้นะพลอย อย่าไปแต่งตัวเร่อร่าเป็นคนบ้านนอก เดี๋ยวเขาจะ หาว่าแม่เป็นชาววังแล้วไม่สอน”
จากหนังสือ "สี่แผ่นดิน" ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
โดยจะเน้นที่ผ้านุ่งจะมีสีเข้มกว่า ส่วนสไบจะเป็นสีอ่อน การเปรียบเทียบชื่อสี มักจะเทียบจากสีธรรมชาติ เช่น สีแสด สีเหล็ก สีเขียวตองอ่อน สีเม็ดมะปราง สีโศก โดยการสังเกตจากสีธรรมชาติ แล้วเอามาเทียบ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน
ต่อมาอิทธิพลการแต่งกายแบบชาวยุโรปที่เข้ามามากขึ้น ทำให้สตรีชาววังเปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัว และสีสรร ให้สีมีความกลมกลืนไม่เป็นสีตัดกันเช่นแต่ก่อน จะนิยมเสื้อเป็นผ้าลูกไม้สีขาวหรือสีนวล นุ่งโจงกระเบนสีอ่อน สวมถุงเท้ายาว
จนสิบกว่าปีที่ผ่านมา สีประจำวันกลับมานิยมอีกครั้ง ขนาดที่ว่า ถ้าคุณลืมว่าวันนี้วันอะไร คุณสามารถเงยหน้ามองคนข้างหรือคนรอบๆตัว คุณก็จะได้คำตอบในทันที
ด้วยสภาพเศรษฐกิจ ความเชื่อที่สั่งสมมานาน คนเริ่มที่จะใส่เสื้อสีๆ เพื่อเสริมดวง เสริมโชคลาภ และหลีกเลี่ยงสีที่ไม่เป็นมงคลของวันนั้นๆ มีการใช้สีมงคล สีที่ถูกโฉลก เพื่อการพาณิชย์มากมาย มีทั้งกระเป๋าถือ กระเป๋าเงิน เครื่องประดับต่างๆ แล้วแต่กลวิธีของแต่ละคน
คุณละวันนี้ใส่เสื้อสีเป็นมงคลหรือเปล่า?
แหล่งที่มาข้อมูล
แหล่งที่มารูปภาพ
โฆษณา