2 ก.พ. 2022 เวลา 16:10 • ปรัชญา
เรื่องปัญญา เราต้องถามว่า ปัญญาที่เราเรียนรู้ว่า ตั้งแต่เกิดนั้นเป็นปัญญารู้เพื่อไปเสาะแสวงหา ปัจจัยมาหล่อเลี้ยงสังขาร มุ่งมั่น มุ่งหวัง เอามาหล่อเลี้ยงอะไรบ้าง เราใช้กายกิริยาไปเสาะแสวงหาสิ่งต่างๆนั้นมาหล่อเลี้ยงสังขาร มันเกิดจากอะไรบ้าง ที่สั่งให่จิตพากายไปหามา มันก็วนเวียนอยู่ในเรื่อง ทรัพย์สมบัติเงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ ยศฐานบรรดาศักดิ์ เมื่อไปเสาะแสวงหามีอะไรเกิดขึ้นขึ้นมาในกายที่ต้องใช้วิญญาณหูตาจมูกลิ้นกายใจไปสัมผัส สิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตในโลกใบนี้ ตลอดจนเรื่องราวต่างๆ
ตาเรามันเปิดขึ้นมา ลืมตาขึ้นมา มีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง ในกายนี้ ตั้งตื่นนอน ไปทำกิจกรรมดูแลกาย ไปเจอะเจออะไรขึ้นมา อารมณ์ก็เกิดขึ้นภายในกาย ตาไปเห็นรูป..ที่ชอบใจ ..ตาเรามันชอบ หรือว่า อารมณ์มันชอบ หรือ ว่าจิตมาชอบ เราก็ค่อยๆพิจารณาเรียบเรียงเหตุผล แต่ก็นั้นแหละ จิตที่ยังไม่ฝึก จะมีสติระลึกรู้จัก สัมผัสที่เกิดขึ้นด้วยวิญญาณทั้งหก นั้น มันเกิดมีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นมาบ้าง อารมณ์ที่ชอบใจไม่ชอบ ทิฐิความคิดเห็น อะไรต่างๆ มันเกิดขึ้นมา เราสามารถแยกแยะได้หรือไม่ ว่าสิ่งไหนคืออารมณ์ สิ่งไหนคือสติ สิ่งไหนคือจิต ทุกสิ่งพอกล่าวถึงมา ถามว่า เรารู้จักแล้วหรือยัง
เมื่อเรายังไม่รู้จัก เราก็ต้องฝึกหัดตัวเอง จับต้นค้นตน ที่กายวาจาใจของตน ฝึกหัดเพื่อจะอ่านอารมณ์ อ่านจิตของเราให้ออก อ่านไปเพื่ออะไร เพื่อที่จะยับยั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในกายนี้ เป็นอารมณ์ทิฐิความคิดเห็น ดีชั่วอย่างไรที่เกิดขึ้นภายในกายนี้ ยับยั้งอารมณ์ที่ปรุงแต่งให้กิริยาวาจาใจ ไปคล้องเวรกรรม ในลักษณะอาฆาตพยาบาท เป็นเจ้าเวรนายกรรมกัน แต่เราก็ควรใช้กายวาจาใจ ไปในทางเกื้อกูลกัน เห็นอกเห็นใจกัน เพื่อเกิดเป็นการส่งเสริม ..ส่งเสริมจิตของตัวเองนั่นแหละมีความสุข สละลดอารมณ์โลภโกรธหลงออกไป เราทำไปได้ จิตเรามาก็กว้างขึ้น ไม่คับแคบเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้
เราอยู่ร่วมกัน ตาเราเห็นว่า ใครทำไม่ดี มันก็นึกคิดติเตียนเค้าแล้ว หลงเห็นตัวเองดีแล้ว เรามีสติ รู้ทันอารมณ์ตัวติเตียนมันเกิด เราก็รีบสอนตัวเรา รู้ว่าติเตียนนั้นไม่ดี แล้วไปติเตียนเค้าทำไม เรื่องโกรธ ก็เหมือนกัน รู้ว่าโกรธไม่ดี แล้วไปโกรธเค้าทำไม เรื่องราวทำนองนี้มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ที่กายเคลื่อนที่ไปตามที่อารมณ์สั่งให้จิต สั่งกายเคลื่อนที่ไป วิญญาณทั้งหกก็เคลือนไปด้วยตามกาย สมมุติว่า ไปกินข้าว อาหารรสชาติจืด ไม่ได้ดังใจที่ปรารถนาของอารมณ์ มันบ่นมั้ยล่ะ หรือว่ามีอะไรก็กินๆไปพอประทังขาร หรือจะเลือกอาหารใหม่ ปรุงแต่งเติมอะไรๆลงไปอีก ให้สมใจอยาก แล้วถามว่า ปัญญามันอยู่ตรงไหนล่ะ ที่จะไปยั้งยั้งจิตของตัวเองไม่ให้มีกรรม หรือให้เบาบางจากกรรมได้
เค้าจึงต้องมีการฝึกหัด ให้สติของจิตนั้นเกิดขึ้น เพื่อให้จิตรู้จักเท่าทัน สลัดอารมณ์ที่เกิดขึ้นออกไป อารมณ์เหมือนโจรขึ้นมาปล้นบ้าน เรารู้จักอารมณ์เท่าทันอารมณ์ เราก็พอจับโจรได้นำพาออกจากบ้านได้ เมื่อเราไม่รู้จักโจรว่าเข้ามาในบ้าน มัวแต่นอนหลับ จิตหลับใหล ก็ต้องเป็นเหยื่อโจรไปเท่านั้นเอง
1
การเดินจงกรม เป็นวิธี ที่จะช่วยให้เรามีสติมากขึ้น สลัดอารมณ์ฟุ้งซ่านหงุดหงิด โดยเราอาจจะใช้เทปสีแดงหรือสีเหลือง ติดกับพื้น เวลาเดินเราก็บังคับสายตายให้ มองที่เส้นที่เดิน สมมุติเป็นเส้นสร้างบุญกุศลบารมี เดินอนู่ในรอยของพระ แล้วก็ภาวนาพุทโธขึ้น หากสายตาละอออกไปจากเส้นสีแดง ก็ใช้สติเตือนตัวเอง บังคับตามามองที่สีที่กำเดินอยู่ ฝึกหัดทำบ่อยๆ จะทำให้เรามีสติสัมปชัญญะ มากขึ้น เวลาปฏิบัติธรรมเดินจงกรม เมื่อสายตายละออกไปจากเส้นที่กำหนด ก็บอกตัวเองว่า จิตไปตามอารมณ์ เผลอสติไปตามอารมณ์แล้ว หมั่นทำขึ้นมา จิตเราก็เริ่มแข็งแรงขึ้น เข้มแข็งต่ออารมณ์มากขึ้น
โฆษณา