3 ก.พ. 2022 เวลา 12:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#สรุป "2022 หุ้นเด็ด 6 ธีม เมกะเทรนด์ (Mega trend)" - Money Chat | ดร. วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล [01-01-2022]
1
1 Supply disruption
>> ปี 65 มีทั้งโอกาสและวิกฤต เรื่อง supply disruption (ความต้องการสินค้าเยอะ แต่กำลังผลิตไม่พอ) เช่น พวกกลุ่มเรือ แต่สินค้าโภคภัณฑ์เริ่มดีขึ้น เลือก sector ที่ผลกำไรต่อเนื่อง
2 Digitalization
>> หลายบริษัทเน้นลงทุนใน Digital asset
>> ธีม Technology disruption เริ่ม outperform
3 Bond yield เพิ่มขึ้น
>> บริษัทประกันชีวิต ได้ประโยชน์จาก bond yield ที่สูงขึ้น สอดคล้องกับที่ผู้บริโภคสนใจสุขภาพมากขึ้น
>> แต่กลุ่มประกันภัย ได้ผลกระทบจากการเคลมค่าสินไหมโควิด ทำให้บางบริษัทเสียหาย
4 Health
>> โควิดยังอยู่ อาจมีสายพันธุ์ใหม่มาอีก
5 Green economy
>> บริษัทที่เกี่ยวข้องกับ EV จะ outperform มากๆ
>> ธีมอนาคต ได้รับ premium จากนักลงทุนเยอะ แต่สิ่งสำคัญคือต้องมี earning ตามด้วย เพื่อรับกับราคาที่เพิ่มขึ้น
6 Governance
>> บริษัทที่มี governance ดีๆ มักจะมีส่วนชดเชยความเสี่ยงลดลง ทำให้ discount rate ลดลง มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น
** ควร Asset allocation ทุกไตรมาส
** จากสถิติเกือบ 15 ปีที่ผ่านมา ช่วงไตรมาสแรกของปี กลุ่มปันผลสูงมักจะ outperform
** หลังจากไตรมาสแรก ค่อยมาดูหุ้น growth
** หลายบริษัทได้รับประโยชน์จากธีมทั้ง 6 โดยเฉพาะบริษัทที่มี platform ของตัวเอง มี Infrastructure และมีการ unlock value ต่อยอดธุรกิจ
** การเลือกและประเมินมูลค่าหุ้น **
>> Business model นักลงทุนต้องรู้ว่าบริษัทจะทำเงินอย่างไร
>> Valuation ประเมินมูลค่าการเติบโต ดูจาก
1 ถ้า PE ห่าง growth ไม่ควรเกิน 1 เท่า (ควรห่างสัก 30% ถือว่ามี margin of safety พอรับได้)
2 PBV เทียบกับ ROE ถ้า ROE สูง PBV ต่ำแสดงว่า undervalue
>> ประเมินมูลค่าหุ้น โดยศึกษา global trend
** เทรนธุรกิจที่ไม่ควรมีไว้ในพอร์ต **
>> ธุรกิจที่กำลังตกสมัย ผู้บริโภคเลิกใช้
>> แต่บางเทรนตกสมัย แต่สามารถมี valuation ที่ดี โอกาสถูก disrupt ยาก
>> หุ้นที่ราคาสะท้อนเชิงลบมากๆ มักจะมีราคาถูกและเป็น cash cow
** เลือกหุ้นในปี 65 **
>> ไตรมาสแรก หุ้นปันผลสูงมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก
>> หลังไตรมาสแรก เลือกหุ้น growth เช่นมีการ M&A โตจาก megatrnd ได้
>> ตรวจสอบพอร์ตทุกไตรมาสว่ายังอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่?
** January effect ? **
>> ดูยอดผู้ติดเชื้อ
>> หาโอกาสจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้นปันผล
1
** ปัจจัยเสี่ยงในปี 65 **
>> โควิดสายพันธุ์ใหม่ วัคซีน
>> การขึ้นดอกเบี้ยของ FED
>> การเลือกตั้ง (ยังไม่ price in)
>> เงินเฟ้อ stagflation (อาจเป็นปัญหาชั่วคราว)
** แนวโน้มปี 65 **
>> TRINITY คาดการณ์ GDP โตราว 3.3% SET 1500-1700 จุด
>> สภาพคล่องทั่วโลก (M2) ยังสูง เงินสดของบริษัทเยอะ นำไปสู่ M&A
>> ปี 65 ไม่ใช่ตลาดหมี แต่จะเป็นตลาดผันผวน sideway แกว่งตัวสูง
>> มีโอกาสที่ต่างชาติที่เป็น active fund จะกลับเข้ามาซื้อ แต่ไม่ใช่การลงทุนระยะยาว จะเป็นการเข้ามาเลือกซื้อแบบ Sector specific ไม่ใช่แบบ Across the board โดยจะเข้าซื้อตาม sector เป็นรายบริษัทที่ valuation ต่ำ เช่น กลุ่มธนาคาร
>> ค่าเงินบาทค่อนข้าง stable (ไม่แพง) มีโอกาสที่ fund flow จะไหลเข้าบางช่วง
1
** Cryptocurrency **
>> World Bank มองว่าเป็นโอกาส ทำให้ emerging market เติบโตก้าวกระโดด เพราะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน ลด Transaction cost ของสถาบันการเงิน ทำให้เข้าถึงแหล่งการเงินได้ง่ายขึ้น แต่ต้องมีการควบคุม มี governance ที่ดี
>> สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความปลอดภัย ในการเข้าลงทุน ตอนนี้ยังมีความเทาๆ อยู่
>> คริปโตมีลักษณะ Alpha สูง คือไม่เคลื่อนไหวตามตลาดทุน ในมุมมองนักลงทุน เหมาะสำหรับการ Diversification ควรมีประมาณ 1-5% ในพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยง
>> เม็ดเงินไหลออกจากกองทุนทองคำ เข้าคริปโตมากขึ้น
>> การลงทุนเองต้องมีความรู้พอสมควร ถ้ายังไม่เชี่ยวชาญ แนะนำให้ลงผ่านกองทุน หรือหุ้นที่มี exposure ต่อคริปโต ให้มืออาชีพบริหารแทน
>> ถ้าจะเลือกเหรียญลงทุน แนะนำเป็นเหรียญที่นิยม มี Liquidity มี Track record และ Technical ให้เห็น เช่น Bitcoin Ethereum ไม่ควรลงเหรียญแปลก
** วิกฤต **
>> ฟองสบู่ ให้ดูปริมาณเม็ดเงินที่เข้าไป ถ้าเป็นสินทรัพย์เปล่าๆ กลวงๆ แล้วเม็ดเงินเข้าไปเยอะก็มีโอกาสฟองสบู่แตกได้
>> ถ้าสินทรัพย์นั้นมี Utility มีเงินสด ต่างๆ back สินทรัพย์เหล่านั้นก็ยังคงยืนได้
ชมคลิปเต็มได้ที่ >>> https://youtu.be/7Nz3DRXZpjY
โฆษณา