4 ก.พ. 2022 เวลา 07:11 • หุ้น & เศรษฐกิจ
อนาคตของการค้าขายกับภาษีเงินได้
เรื่องใกล้ตัวที่ไม่อาจมองข้ามได้ตลอดกาล
วันนี้ผมจะมาพูดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การลงทุนในตลาดหุ้น แต่เป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่น้อยของพฤติกรรมที่ประชาชนที่เปลี่ยนไปและส่งผลกระทบกับการค้าขายต่อการจ่ายภาษีครับ
อย่างที่ทราบกันว่า คนที่ค้าขายตามตลาดต่างๆ มีทั้งร้านค้าที่ยื่นภาษีเงินได้และไม่ยื่นภาษีเงินได้กัน ซึ่งในสมัยที่อินเตอร์เน็ตยังไม่ทันสมัยเหมือนทุกวันนี้ ก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร ถ้าจะเลี่ยงการจ่ายภาษี แต่ก็มีหลายร้านที่คำนวณภาษีเงินได้และจ่ายทุกปี (แต่ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ไม่อาจทราบได้)
แต่เมื่อโรคโควิดซึ่งเป็นโรคติดต่อระบาดขึ้นมา จึงเป็นตัวเร่งให้พฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนไป ตัวผมจากการที่จ่ายเงินสดเวลาซื้อของหรือชำระค่าบริการต่างๆ ทุกวันนี้ผมแทบไม่ต้องจับเงินสดเลย สาเหตุหนึ่งเพราะกลัวโควิดที่มาจากแบงค์ด้วยครับ
เมื่อโลกเกิดวิกฤติ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจึงเริ่มต้นขึ้น โดยโครงการ
ยอดฮิตที่ค่อนข้างดี ในเฉพาะช่วงวิกฤติเท่านั้นคือ โครงการคนละครึ่ง เพราะต้องชำระสินค้าผ่านแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ที่พึ่งแจกให้ประชาชนใช้รอบล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กุมภา ที่ผ่านมานี้เองครับ
สิ่งที่เป็นประโยชน์นั้นก็มี คือลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้ในช่วงวิกฤติ และทำให้ยอดขายของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมากขึ้น
แต่! มีคุณก็ต้องมีโทษ ปกติอุปสรรคที่สำคัญในการจัดเก็บภาษีเงินได้คือ การตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ยากลำบาก ร้านค้าที่เลี่ยงจ่ายภาษี ขายสินค้ารับเงินสดมือต่อมือกัน แต่เมื่อมีโครงการนี้ ภาครัฐสามารถรู้ตัวตนของพ่อค้าได้ สามารถตรวจสอบรายได้ที่เข้ามาผ่านแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ได้ ซึ่งต้นปี 2565 นี้ แม่ค้าหลายรายคงโดนเรียกเก็บภาษีเงินได้กันถ้วนหน้า
ซึ่งหลายร้านอาจจะแก้ไขด้วยวิธี เลิกเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งรอบล่าสุด และคิดว่าอย่างน้อยก็สามารถหลบการจ่ายภาษีได้ในระดับหนึ่ง
แต่ด้วยพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป การใช้จ่ายผ่าน Internet Banking และ Mobile Banking มีมากขึ้น รวมถึง อนาคตอาจมีเงินดิจิตอลบาท ให้เห็นกัน เพราะทั้งสะดวกและสรรพากรสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินของประชาชนได้ทั้งหมด รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ด้วยครับ
มาดูสถิติการใช้ Internet และ Mobile Banking ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามรูปภาพด้านล่างกันครับ
https://www.bot.or.th/App/BTWS_STAT/statistics/BOTWEBSTAT.aspx?reportID=949&language=TH
จากรูปภาพจะเห็นได้ว่า สถิติต่างๆของธุรกรรมผ่าน Mobile Banking โตขึ้นทั้งหมด
โลกหลังจากนี้ที่การใช้เงินสดที่น้อยลง สุดท้ายธุรกิจต่างๆก็ต้องปรับตัว และทางที่ดีธุรกิจที่อยู่นอกระบบ ควรจะเริ่มคำนวณภาษีเงินได้แล้วนะครับ อย่างน้อยคำนวณแค่กับธุรกรรมที่สรรพากรตรวจสอบได้ก็ยังดีครับ เพราะอย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้โดนเรียกเก็บย้อนหลังในปีที่ไม่ได้จ่าย แถมยังเสี่ยงค่าปรับ 1-2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระและอื่นๆอีกครับ
การจ่ายภาษีเงินได้ของทุกคน ทุกอาชีพก็เป็นสิ่งที่ต้องพึงกระทำครับ (ถึงแม้ว่ารัฐจะนำไปใช้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ก็ตาม T T) อย่างน้อยก็ยุติธรรมกับผู้ที่ทำงานประจำที่อยู่ในระบบอยู่แล้ว ที่เป็นลูกค้าของพวกคุณด้วย ที่ต้องจ่ายภาษีทุกปีครับ
และสำคัญที่สุดเลยคือ ถ้ารัฐสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้นแล้ว จะได้ไม่ต้องไปเบียดเบียนประขาชนในการรีดภาษีที่ไม่สมควรจะเก็บหรือเก็บครับ
หมายเหตุ หลายคนที่อ่านบทความนี้ อย่าเข้าใจผิดว่าผมไม่ชอบพ่อค้าแม่ค้านะครับ แต่แค่เตือนว่าอนาคตที่เปลี่ยนไป ยังไงทุกคนก็ต้องปรับเปลี่ยนตามเพื่ออยู่รอดบนโลกทุนนิยม ที่คนทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างเรา เป็นทาสของดอกเบี้ยและภาษีครับ
การบริหารการเงินที่ดีคือสิ่งที่ทั้งคนฐานะร่ำรวยและยากจน ควรจะทำครับ
ผมเข้าใจการค้าขายเพราะผมก็เคยค้าขายและเดินขายหาบเร่อย่างเหน็ดเหนื่อยมาก่อนเช่นกันครับ เงินหามาได้ต่อวันก็แทบจะไม่เหลือให้ใช้วันถัดไปแล้วครับ แล้วถ้ายังมาโดนสรรพากรปรับย้อนหลังอีก ประชาชนคนธรรมดาอย่างเราไม่ล้มทั้งยืนเลยหรอครับ
เพราะพวกเขาปรับเรา ตามกฏหมาย เราคงไม่สามารถขัดขืนได้ครับ
สุดท้ายนี้ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน รวมถึงตัวผมเองสามารถผ่านเรื่องราวต่างๆไปด้วยดีครับ
และกราบขอบพระคุณที่กดติดตามเพจ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมต่อไปครับ และขออภัยเป็นอย่างสูงถ้าบทความผม อ่านแล้วรู้สึกไม่ดีครับ แต่ผมเจตนาดีและเป็นห่วงเสมอมาครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา