5 ก.พ. 2022 เวลา 04:00 • การศึกษา
คนบางคนจนเรียนจบและไปทำงานยังหาความชอบหรือไม่ชอบไม่เจอเลย..ให้ทำก็ทำได้อาจดีพอ แต่ไม่ถึงดีมาก ..ไม่ต้องกังวลถ้าเราไม่คิดว่าฉันค้องคว้าเกียรตินิยมตอนจบ หรือตอนสอบเข้ามหา'ลัย ต้องติดอันดับหนึ่งในสามด้วยคะแนนสูงลิบลิ่ว เมืองไทยมีคนเรียนเพื่อตั้งเป้าแบบนั้นจริง ๆ เพื่อให้ โรงเรียนเอาชื่อตนเองขึ้นบอร์ดหราหน้าโรงเรียน คุณน้องยังไม่เจอเป้าหมายในการเรียน การยังไม่มีจุดมุ่งหมายในการตั้งเป้านั้น อยู่ที่การใช้ชีวิตและการเลี้ยงดูเป็นหลัก ถ้าพ่อแม่ไม่ได้ปลูกฝังอะไรไว้พิเศษๆก็ยากที่เด็กจะมีจุดเป้าหมาย ถามว่าดีไหมก็ดีที่ไม่กดดันเด็ก คนสมัยนี้เลี้ยงลูกตั้งเป้าไว้มากก็มีเยอะ กดดันเพราะเหตุที่อ้างอยากให้ได้ดี แต่ลึกๆในจิตใจจริงๆน่าจะเป็นการโชว์ออฟที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าแข่งขันกันอยู่โดยเฉพาะการใช้ลูกเป็นอาวุธ แต่
อย่าสนใจอะไรเลย
คุณน้องแค่เอาตัวเองเป็นหลัก
วางแผนคร่าวๆไว้ไหมว่าอยากทำงานแบบไหน และเมนการเรียนอยากเรียนอะไร ถ้าหาไม่เจอลองหาแบบทดสอบความถนัดมาทำ สัก 10 ครั้ง พอได้คำตอบที่เกินครึ่งอย่าง 6-7 ครั้ง นั่นจะพอบอกได้ว่าคุณน้องถนัดในด้านใด และลองมองดูคะแนนการเรียนที่ผ่านมาว่า เข้าข่ายไหม มันอาจไม่ได้คะแนนสูงลิบลิ่ว แต่ว่าถือว่าทำได้ดีกว่าวิชาอื่น และเวลาที่คุณทำงานเกี่ยวกับสิ่งนั้น จะมีความชอบมากกว่าที่จะทำเพื่อให้เสร็จไปเพื่อเอาคะแนน..ลองดูอย่างในตอนนี้บางที่ยังเรียนออนไลน์ยังมีเวลาเหลือที่จะใช้หามัน อย่าไปหวังพึ่งการแนะแนวจากวิชาแนะแนว หรือการเรียนในวิชาแต่ละวิชาเพื่อชี้ชัดว่าเราชอบไหม เพราะการันตีได้ 1000% ว่าการเรียนการศึกษาในเมืองไทยล้มเหลวมาก ส่วนมาก 98% แรกยัดสมองเด็กทั้งโรงเรียนผู้ปกครองและสังคมรอบข้างว่าต้องเป็นแพทย์ เป็นทหาร เป็นวิศวะ ฯ แม้แต่คนที่เข้าไปเรียนจนจบออกมาทำงานมา
บางคนเป็นแพทย์แต่ยังแอบมาเป็นคนขายประกัน เป็นดารา/นักร้อง บางคนมานั่งปรุงอาหารเสริมขาย (อาจบอกได้ว่าใกล้เคียงอาชีพหลัก แต่เอาเข้าจริงไม่ใช่หมอที่ดีไม่เน้นให้คนกินยาในรูปอาหารเสริมเพราะหมอจะรู้ดีถึงมีจฝจ้อดี แต่มีข้อเสียอย่างมหันต์เช่นกัน นอกจากหมอคิดแค่กูอยากรวย)
ถ้าคุณยังหาความถนัดหรือไม่มีแนวทางใดว่าคุณชอบอ่ะไร ลองศึกษาดูว่าแต่ละอาชีพนั้น ทำอะไรกัน คุณชอบไหม ถ้าคุณทำจะรู้สึกอย่างไร ถ้ายังหาไม่เจอก็ เรียนไปแล้วเวลาสอบเข้ามหาวัทยาลัย ก็ใช้วิธีการ..
1.ยื่นport ไปในคณะที่เรามีโอกาสและคะแนนถึง ระหว่างรอหารายละเอียดของคณะที่ยื่นและดูว่าจบแล้วทำอะไร ชอบไหม ถ้าชอบพอได้ก็เอาไปถ้าผลพอร์ทไดติด
2.ถ้าจะสอบจงเลือกสอบในคณะที่เราคิดว่ารับไหว ไม่ต้องดูหนังสือหรือติวหามรุ่งหามค่ำเพิ่มความเครียดเปล่าๆ เลือกสอบแบบชิวไปที่มั่นใจว่าตนเองติดแน่จากคะแนนที่รวบรวมมา แล้วค่อยเรียนไปสัก 1-2 ขึ้นปี3อาจขอย้ายคณะไปได้ถ้าคะแนนคุณไม่ขี้เหร่กว่าคณะที่อยากย้ายไปเรียน หรือ
ถ้าคุณน้องมีเงินมีครอบครัวที่มีฐานะดี บอกเลยไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองนอก ไม่ใช่นิยมของนอก แต่การเรียนที่นั่นดีกว่า
เขาสอนให้เด็กเรียนระดับมหาวิทยาลัยโตขึ้น ดำรงตนเองได้ เขาไม่เรียนหามวันหามคืน อย่างเยอรมัน เข้าเรียนแควันละ 2-3 ช.ม ที่เหลือเธอต้องไปทำงานหารายได้พิเศษ เลี้ยงตนเอง ที่นั่นการทำงานพิเศษตะเริ่มให้เรามองเห็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ และสำคัญมากคือที่นั่นค่าเรียนถูกกว่าระดับมหาวิทยาลัยบ้านเรา แต่ค่าครองชีพสูงและปีแรกน้องต้องเรียนปรับพื้นฐานและภาษาจึงไม่อนุญาติให้ทำงานในปีแรก แต่ปีต่อไปได้ และข้อสำคัญน้องไม่ต้องสอบนอกจากยื่นผลการเรียนและสอบระดับภาษาเท่านั้น...
แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกเรียนอะไร ที่ไหน ที่สำคัญที่สุดจงจำไว้การเรียนรู้ และสิ่งที่เรียนรู้ที่ดี คือการปรับเปลี่ยนและนำม่ต่อยอดขยายผลที่ดี สร้างงานและอาชีพตนเองได้ เชื้อเถอะนั่นแหละดีที่สุด และทำได้กันทุกคน แค่เมืองไทยนักวิชาการมันกบในกะลาครอบ ไม่ยอมให้คนื่นมาใหญ่กว่าตนเองในโลกสมมุติที่ตนสร้าง
1
โฆษณา