7 ก.พ. 2022 เวลา 14:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กระทรวงพลังงาน จ่อปรับ LPG ขึ้นแบบขั้นบันได เตรียมหารือคลัง-สภาพัฒน์ หาแหล่งเงินอุดหนุนผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรคนจนเพิ่มอีก 55 บาท
กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมแนวทางอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) อีก 55 บาทต่อถังขนาด 5 กิโลกรัมต่อ 3 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เช่น หาบเร่แผงลอย รองรับการปรับขึ้นราคา LPG ขนาดถัง 15 กิโลกรัม ในลักษณะทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันไดขึ้นไปอยู่ที่ 333 บาท และ 363 บาทในระยะต่อไป จากปัจจุบันที่ภาครัฐมีมาตรการตรึงราคา LPG แบบถังขนาด 15 กิโลกรัม อยู่ที่ 318 บาท ที่จะสิ้นสุดลง 31 มีนาคมนี้ ซึ่งหากไม่มีการอุดหนุนจากภาครัฐเลยราคาจริงจะอยู่ที่ 432 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
“กระทรวงการคลังยังคงอุดหนุน LPG ภาคครัวเรือนอยู่ 45 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมต่อ 3 เดือน แต่ในส่วนที่กระทรวงพลังงานจะอุดหนุนเพิ่มเติมอีก 55 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมต่อ 3 เดือน รวมเป็นรัฐอุดหนุน 100 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมต่อ 3 เดือน กระทรวงพลังงานต้องจัดหาเงินมาดำเนินการเอง คาดว่าจะมีความชัดเจนช่วงกลางถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้” กุลิศกล่าว
โดยขณะนี้กระทรวงพลังงานเตรียมหารือสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ในการหาแหล่งเงินเข้ามาเสริมสภาพคล่องในการดูแล LPG ที่จะปรับขึ้นแบบขั้นบันได แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่ากระทรวงพลังงานจะหาเงินมาจากแหล่งใด เบื้องต้นน่าจะมาจากแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินและเงินงบประมาณเพิ่มเติมจากเงินกู้ 2 หมื่นล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกู้อยู่ในกรอบ 3 หมื่นล้านบาท แต่คาดว่าแค่ใช้สำหรับดูแลราคาน้ำมันก็หมดแล้ว
ปลัดกระทรวงพลังงานยังกล่าวเพิ่มเติมถึงข้อเรียกร้องของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ต้องการให้ภาครัฐปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงเหลือ 25 บาทต่อลิตร ว่ารัฐคงไม่สามารถหาแหล่งเงินมาอุดหนุนราคาดีเซลให้ปรับลดลงได้ตามข้อเรียกร้อง เพราะปัจจุบันรัฐก็อุดหนุนดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ไปแล้ว 3.79 บาทต่อลิตร คิดเป็นเงินกว่า 7 พันล้านบาท หากรัฐไม่มีมาตรการอุดหนุนราคาดีเซลจริงจะขึ้นไป 34 บาทต่อลิตร
“ถ้ารัฐต้องเข้าไปอุดหนุนราคาดีเซลให้อยู่ที่ 25 บาทต่อลิตร กองทุนต้องใช้เงินอุดหนุนถึงเดือนละ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อเดือน แต่ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 ติดลบ 16,052 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 9,166 ล้านบาท บัญชี LPG ติดลบ 25,218 ล้านบาท”
ส่วนการขอปรับลดภาษีสรรพสามิตเป็นเรื่องของกระทรวงการคลัง ทางกระทรวงพลังงานยืนยันจะทำในส่วนที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ โดย สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรการรองรับผลกระทบราคาพลังงานตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงกลางเดือนหรือปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จึงขอให้ประชาชนวางใจว่ารัฐบาลจะมีมาตรการดูแลผลกระทบจากปัญหาพลังงานอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะอยู่ที่ประมาณ 88-93 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากกลุ่ม OPEC+ ยังคงกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว หลังจากการแพร่ระบาดของโควิดมีสัญญาณคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ปัญหารัสเซีย-ยูเครน ค่าเงินบาทอ่อนค่า
โดยเฉพาะกรณีการเปลี่ยนผ่านการผลิตแหล่งก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณช่วงเดือนเมษายน 2565 ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าก๊าซธรรมชาติอาจหายไปจากแผนการผลิต 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และกรณีสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปประกาศจะคว่ำบาตรเมียนมาอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งยาดานาอาจชะงักลง 1.8 ล้านตัน ซึ่งได้สั่งการให้ ปตท. และ กฟผ. เตรียมแผนสำรอง โดยให้ผู้รับสัมปทานเตรียมพร้อมรับมือ ห้ามหยุดซ่อมบำรุงโดยไม่จำเป็น พร้อมหาแหล่งอื่นๆ มาทดแทน รวมทั้งให้เลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะออกไปอีก 1 ปี พร้อมรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) และโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็กมาก (VSPP)
เรื่อง: THE STANDARD WEALTH
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
โฆษณา