11 ก.พ. 2022 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
NAV กองทุนรวมคืออะไร เข้าใจในโพสต์เดียว
NAV เป็นคำแรก ๆ ที่เราจะได้ยิน เมื่อคิดอยากจะลงทุนในกองทุนรวม
คำนี้คืออะไร ทำไมเราต้องรู้ ไปดูกัน 💬
NAV มีชื่อภาษาไทย “มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ” (Net Asset Value) คือ มูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม ที่รวมผลประโยชน์ทุกอย่างแล้ว หักออกด้วยค่าใช้จ่ายและหนี้สินของกองทุนรวม
มีสมการแบบง่าย ๆ คือ
NAV = มูลค่าทรัพย์สินตามราคาตลาด + ผลตอบแทนสะสม + เงินสด - ค่าใช้จ่าย - หนี้สิน
จากสมการข้างบน จะเห็นได้ว่ามูลค่า NAV ของกองทุนรวมจะเพิ่มขึ้น ก็ต่อเมื่อราคาทรัพย์สินที่กองทุนรวมลงทุนอยู่ปรับตัวขึ้น ผลตอบแทนที่ได้ก็จะสูงขึ้นตาม
ยิ่งนานวันเข้า ผลตอบแทนที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ก็จะกลายเป็นผลตอบแทนสะสม ทำให้ NAV เพิ่มสูงขึ้นอีกทาง แต่ NAV ของกองทุนรวมก็ลดลงได้เหมือนกัน ถ้าราคาทรัพย์สินที่กองทุนรวมถืออยู่ปรับตัวลง
เรื่องการขึ้นลงของราคาทรัพย์สิน เราควบคุมไม่ได้ เพราะมันเป็นไปตามกลไกของตลาด
แต่สิ่งที่เราเลือกได้ คือ “ค่าใช้จ่าย” ของกองทุนรวม ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ “ค่าธรรมเนียม”
เพราะกองทุนรวมที่คิดค่าธรรมเนียมสูง มูลค่า NAV ของกองทุนก็จะลดลงมากกว่า กองทุนรวมที่คิดค่าธรรมเนียมต่ำ (ในกรณีที่สร้างผลตอบแทนได้เท่ากัน)
อ่านเรื่องค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมได้ที่ www.blockdit.com/posts/61e6563029f2fd456d0145a0
ทีนี้ หลายคนมักจะสงสัยว่า NAV สูง ๆ แปลว่าราคาแพงแล้วรึเปล่า ? 🤔
ลองมองในมุมการซื้อสินค้าก่อน โดยทั่วไปเราจะเปรียบเทียบความถูกแพงจาก “ราคา” เช่น เสื้อยืดสีส้ม ร้านแรกขาย 200 บาท ร้านที่สองขาย 150 บาท เราก็เลือกร้านที่สองแน่นอน เพราะราคาถูกกว่า
แต่ความถูกแพงของกองทุนรวม ไม่ได้วัดจาก มูลค่า NAV ตรง ๆ แบบราคาสินค้า เพราะอย่างที่บอกไป ส่วนประกอบของ NAV มีส่วนที่เป็น “ผลตอบแทนสะสม” รวมอยู่ด้วย
ตีความได้ว่า NAV ก็คือ มูลค่าสะสมของกองทุนรวม นั่นเอง ยิ่งสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้นานหลายปี กำไรสะสมก็จะเยอะ มูลค่า NAV ก็จะยิ่งสูงตาม
ในทางกลับกัน ถ้ากองทุนรวมสร้างผลตอบแทนเป็นลบหลายปี ขาดทุนสะสมเยอะ มูลค่า NAV ก็จะลดต่ำลง
📣 ดังนั้นการดูความถูกแพงของกองทุนรวม จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคา NAV หรือก็คือ กองทุนรวมที่ราคา NAV สูง ๆ ไม่ได้แปลว่าราคาแพงเสมอไป
แต่ถ้าเราอยากดูความถูกแพงของกองทุนรวมแบบละเอียด ๆ ลึก ๆ
ควรเริ่มจากการหาข้อมูล ความสามารถในการทำกำไร การสร้างกระแสเงินสด และราคาของทรัพย์สินรายตัว ที่กองทุนรวมถือครองอยู่ เพื่อนำมาประเมินความถูกแพงของทรัพย์สินแต่ละตัวอีกที
เช่น กองทุนรวมหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่ลงทุนหุ้นกว่า 50 ตัว เราก็ต้องไปหาข้อมูลหุ้นเหล่านี้ทุกตัว เพื่อนำมาประเมินความถูกแพง และเอาไปเปรียบเทียบกับกองทุนรวมอื่น ๆ ในประเภทเดียวกัน
ส่วนในความเป็นจริง ผู้จัดการกองทุนยังต้องประเมินอีกหลายปัจจัย เช่น สภาพคล่อง กฎหมาย และภาษี เป็นต้น ซึ่งการจะทำแบบนี้ได้ จำเป็นต้องใช้เวลาและความพยายามค่อนข้างมาก
📌 ดังนั้น สิ่งที่ควรเปรียบเทียบกันและทำได้ง่ายกว่า คือ “ผลการดำเนินงาน” “การเติบโต” “นโยบายการลงทุน” ของกองทุนรวมแต่ละกอง
ข้อมูลพวกนี้มีอยู่ในหนังสือชี้ชวน (Fund Fact Sheet) ทั้งหมดเลย ลองอ่านกันดูนะครับ
เรื่องน่ารู้
1. ราคา NAV จะสรุปทุกสิ้นวัน ต่างจากราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน (Real Time) ดังนั้นตอนที่เราซื้อ-ขายกองทุนรวม กว่าจะรู้ต้นทุนหรือกำไร ต้องรอจนถึงสิ้นวันก่อน
2. กองทุนรวมในประเทศไทยจะมีราคา NAV ต่อหน่วย เริ่มต้นที่ 10 บาท เสมอ
3. บางครั้ง ราคา NAV อาจจะไม่ขยับไปไหนเลย ถ้าเป็นกองทุนรวมที่เน้นจ่ายปันผลสูง ๆ (เนื่องจากเงินปันผลที่จ่ายออกมา เอามาจากกำไรสะสมของกองทุนรวม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ NAV)
อ้างอิง
Invesco Mutual Fund
"เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน"
พวกเรากลุ่มคนที่รักเรื่องราวของการเงินการลงทุนเป็นชีวิตจิตใจ จึงก่อตั้งเพจ Dime! (ไดม์!) ขึ้น
Dime! แปลว่าเหรียญ 10 เซ็นต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุนเป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ เข้าใจง่าย และนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้จริง เหมือนกับเงิน 1 ไดม์ ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้
หากทุกคนมีความรู้ทางการเงินที่แข็งแรง
สังคมของเราก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
โฆษณา