10 มี.ค. 2022 เวลา 00:00 • ธุรกิจ
ลด แลก แจก แถม ยังไงให้ลูกค้าติดใจ และติดตรึม✨
🔍อีกหนึ่งวิธีดันยอดขายก็คือการจัดโปรโมชันเอาใจลูกค้าที่ไม่ว่าจะใช้เมื่อไหร่ ยุคไหน ก็มักจะโดนใจลูกค้าอยู่เสมอ
ลดแลกแจกแถาม โปรเด็ดมัดใจเพิ่มยอดขาดได้ทุกยุค
แต่ไม่ใช่ทุกโปรโมชันที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เสมอไป ต้องมีการศึกษาพฤติกรรมร้านค้าของร้านเราประกอบไปด้วย เพื่อให้การจัดโปรโมชันให้ได้กำไร ไม่ขาดทุน แถมยังเป็นการสร้างกิมมิคเล็กๆให้กับร้านค้าของเราอีกด้วย
💡วันนี้ K SME ได้เอาวิธีการจัดโปรฯ ลด แลก แจก แถม พร้อม Tips ดีๆ ให้ไปปรับใช้กัน
พร้อมทั้งสูตรคำนวณ และตัวอย่างมาให้ร้านค้าดูว่า วิธีไหนบ้างที่เหมาะสมกับตัวเราเอง ซึ่งนอกจากจะโดนใจลูกค้าแล้ว บางทริคยังเป็นการสร้างภาพจำ สร้างการพูดถึงเกี่ยวกับแบรนด์ด้วย
"ลด" เพื่อโกยยอดช่วงคนน้อย
การลดราคาสินค้านั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบ และตอบสนองวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่แตกต่างกัน
เช่น การแนะนำสินค้าใหม่ การเพิ่มยอดขายให้กับบางเมนูที่ลูกค้าไม่เคยสนใจมาก่อน หรือลดเพื่อให้สั่งเมนูอื่น ๆ ในร้านมากขึ้นก็ตาม
ข้อสังเกตก็คือ ร้านค้าที่สามารถจับพฤติกรรมของลูกค้าของตัวเองได้ ก็จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าได้ดี
เช่น ร้านอาหารร้านหนึ่งตั้งอยู่ในย่านสำนักงานออฟฟิศ ทำให้ร้านสามารถมี peak time แค่ช่วงเวลากลางวัน แต่ขายไม่ได้เลยในช่วงเวลา Off Peak ร้านจะสังเกตได้ว่า ช่วงเวลาบ่ายพนักงานออฟฟิศจะสั่งของทานเล่นกันมาก จึงเลือกนำเมนูทานเล่นพร้อมเซตเครื่องดื่มมาจัดโปรโมชัน
การกำหนดกลยุทธ์จะกระตุ้นการซื้อด้วยอารมณ์ ร้านค้าอาจนำมาประยุกต์ใช้กับการสื่อสารการตลาดให้ดี เช่น การกำหนดให้การลดราคาให้ลูกค้าต้องตั้งตารอ ซึ่งต้องอาศัยการโปรโมทการตลาดแบบออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากที่สุด
"แลก" ทำให้ลูกค้าใหม่กลายเป็นลูกค้าประจำ
การจัดโปรโมชันแลกซื้อ ร้านค้าอาจลองเริ่มจาก ซื้อครบ 500 บาท รับสินค้าฟรี หรือ แลกซื้อสินค้าในราคา 99 บาท เมื่อมียอดซื้อ 500 บาทขึ้นไป เป็นต้น
ส่วนเคล็ดลับในการจัดโปรโมชันนี้ให้ประสบความสำเร็จก็คือ ต้องเลือกสินค้าแลกซื้อให้น่าสนใจและตั้งราคาแลกซื้อที่น่าดึงดูดด้วย เช่น ร้านขายรองเท้าหนังจัดโปร ซื้อสินค้าครบ 3,500 บาท แลกซื้อรองเท้าคู่ที่ 2 ในราคา 50% เป็นต้น
ซึ่งโปรนี้ จะเป็นการบีบให้ลุกค้าตัดสินใจภายในเสี้ยววินาที เหมาะสำหรับใช้ในการระบายสินค้าให้ขายออกไปจากสต๊อก อย่างรวดเร็วหรือเป้าประสงค์เพื่อการทำยอดขายสินค้าในปริมาณมากๆ แต่ในขณะเดียวกันสินค้าแลกซื้อก็ต้องมีความพิเศษ มีความน่าสนใจในตัวเองด้วยเช่นกัน
"แจก" ดึงดูดความสนใจลูกค้า
คำว่า ‘ฟรี’ เรียกความสนใจของลูกค้าได้เสมอ
ร้านอาจจะลองเปลี่ยนจากการให้ฟรีโดยไม่มีความหมาย มาเป็นการสร้างคุณค่าให้กับสินค้าแทน เช่น การทำเมนูพิเศษ มอบให้ในช่วงเวลาจำกัด
ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารมีเมนูปลาทูเป็นเมนูดัง ซึ่งมักจะเหลือส่วนคางไว้ ร้านอาจจัดเมนูพิเศษที่ทำจากเมนูคางปลาทู ซึ่งหากินยากแต่แทนที่จะขาย ร้านใช้วิธีมอบให้ฟรีจำกัดเฉพาะลูกค้า 50 ท่านต่อวัน นอกจากจะได้ลูกค้าที่อยากลองชิมแล้ว ยังเป็นการทดลองตลาดสำหรับเมนูใหม่ที่ลดการสิ้นเปลืองได้อีกด้วย
"แถม" กระตุ้นยอดขายสร้างคุณค่าในใจลูกค้า
การแถมจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเอาชนะร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกคุ้มค่ากว่า ประหยัดกว่า หลากหลายกว่า แต่ในการแถม เราก็อาจจะใช้จังหวะนี้แนะนำสินค้าใหม่ไปในตัวได้
กรณีแจกสินค้าที่มีไว้เพื่อจำหน่าย ให้ลูกค้าทดลองใช้สินค้าเข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1(😎 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ต้องนำมูลค่าของสินค้าดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษี “เพื่อเสียภาษี” มูลค่าเพิ่มมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร
จากตัวอย่างการคำนวณหากำไรสำหรับสินค้าแถมของร้านชานมไข่มุก
กรณีที่ไม่มีการจัดโปรโมชันของแถม ทางร้านจะได้กำไรอยู่ที่ 30 บ./แก้ว
เมื่อจัดโปรโมชันทางร้านจะได้กำไรอยู่ที่ 25 บ./แก้ว
จะเห็นได้ว่ากำไรที่ได้จะ ‘ลดลง’ แต่เมื่อมีการจัดโปรโมชันจะสามารถเพิ่ม ‘ยอดขาย’ ในแต่ละวันได้ ก็อาจจะส่งผลทำให้กำไรที่ได้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย
📌อยากรู้วิธีการคำนวณต้นทุนสินค้าไม่ให้ขาดทุนสะสมดูที่โพสต์นี้เลย 👉🏻 https://kbank.co/3gkZ1YX
ที่มา: amarinacademy
#KSME #KBankLive
โฆษณา