22 ก.พ. 2022 เวลา 03:38 • ประวัติศาสตร์
*** ยูโจ และ คาเงมะ นางโลมนายโลมญี่ปุ่น***
หากจะกล่าวถึงการขายบริการทางเพศแบบโบราณในประเทศญี่ปุ่น หลายท่านคงจะนึกถึง “เกอิชา” ขึ้นมาเป็นความคิดแรก …แต่แท้จริงแล้วเกอิชานั้นเป็นเพียงประเภทหนึ่งของวัฒนธรรม sex worker อันยิ่งใหญ่และซับซ้อนของญี่ปุ่น
โสเภณีจริงๆ ของญี่ปุ่น มีคำเรียกเฉพาะตัวว่า “ยูโจ” แล้วทราบไหมครับว่า การขายบริการทางเพศของญี่ปุ่นโบราณยังมี “นายโลม” หรือ “คาเงมะ” อีกด้วย?
2
บทความนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านไปเปิดมุ้ง มุดใต้เตียง ทำความรู้จักกับ ทั้งนางโลม และ นายโลมในประเทศญี่ปุ่น ว่าพวกเขามีที่มาที่ไปอย่างไร การทำอาชีพนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง รวมถึงจะแนะนำย่านโคมแดงชื่อดัง เผื่อใครอยากลองไปเยี่ยมเยือนถึงถิ่นกันนะครับ…
ภาพแนบ: ภาพนี้คือโสเภณีชายแต่งหญิง
*** จุดเริ่มต้นของนางโลม ***
เริ่มแรกเรามารู้จักกับ “ยูโจ” (遊女) กันก่อน คำนี้แปลตรงตัวได้ว่า “หญิงสาวผู้มอบความสุข” ซึ่งเป็นคำกว้างๆ umbrella term ใช้อธิบายกลุ่มผู้หญิงหรือนางโลมที่ให้บริการทางเพศแก่ผู้คน
ยูโจ ปรากฏครั้งแรกในสมัยเฮอัน (平安時代 ค.ศ. 794 - 1185) มีต้นกำเนิดมาจากคำว่า “มิโกะ” หญิงสาวผู้ประกอบพิธีกรรมบวงสรวงเทพเจ้า …ใช่ครับ มิโกะชุดขาวกางเกงแดงที่เรารู้จักกันดีนี่แหละ
…คือยุคนั้นศาลเจ้าชินโตมีความเชื่อว่า “การมีสัมพันธ์กับมิโกะเป็นพิธีกรรมสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง” เลยมีการค้าประเวณีโดยมิโกะ
ปรากฏว่าผู้คนนิยม “พิธีศักดิ์สิทธิ์” ประเภทนี้มาก จนมันเกิดเป็นธุรกิจ มีมิโกะที่แยกมาขายบริการเป็นหลัก ตั้งสำนักอยู่ในบริเวณที่มีคนพลุ่กพล่าน เช่น บริเวณท่าเรือ เพื่อดึงดูดลูกค้านักเดินทาง
เวลาผ่านไปธุรกิจค้าประเวณีก็รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นตัวดึงดูดธุรกิจอื่นๆ เช่นร้านอาหาร หรือ ที่พัก ให้มาพึ่งบารมี
ภาพแนบ: ยูคาคุ
ต่อมาในยุคเซนโกคุ (南北朝時代 ค.ศ. 1467 - 1615) ทางรัฐบาลซึ่งเคร่งศาสนาพุทธมีนโยบายควบคุมจริยธรรม-ศีลธรรมของประชาชน เพื่อรักษาความปลอดภัย และควบคุมโรค จึงสั่งให้จำกัดการสร้างย่านโคมแดงเป็นหลักแหล่ง ให้ขึ้นทะเบียนเรียกซ่องว่าว่า “ยูคาคุ” (遊廓) ให้ยูโจอยู่รวมกันดำเนินกิจการอย่างเป็นระเบียบ
อนึ่งหากนางโลมคนไหนไม่ได้ทำงานในยูคาคุ หรือขายบริการไม่ถูกกฎหมาย จะถูกเรียกว่า ไบโจ (売女) ถือเป็นแค่นางโลมชั้นต่ำต้อย ไม่มีศักดิ์มีสิทธิ์อะไร ถูกรังแกได้ง่าย ตรงนี้การเข้าระบบจึงให้ผลประโยชน์แก่ทั้งตัวนางโลมเองและลูกค้าไปพร้อมกัน
1
ภาพแนบ: โยชิวาระในอนิเมะดาบพิฆาตอสูร
*** โยชิวาระ ***
เมื่อพูดถึงย่านหอโคมแดง ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะเคยผ่านหูผ่านตา “ย่านโยชิวาระ” (吉原) มาบ้าง เพราะมันเป็นย่านอโคจรที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในเอโดะ (กรุงโตเกียวในปัจจุบัน) ย่านนี้ถูกริเริ่มก่อสร้างในปี 1617 โดยบาคุฟุ หรือรัฐบาลทหารของโชกุน ซึ่งมีกฎปฏิบัติทั้งหมด 5 ข้อ ดังนี้…
1) ไม่อนุญาตให้สถานเริงรมย์ประกอบกิจการและ ไม่อนุญาตให้ นางโลมออกไปทำงานนอกเขตกำแพงของโยชิวาระ นอกจากได้รับอนุญาตแล้ว
1
2) ไม่อนุญาตให้แขกที่เข้ามาใช้บริการอยู่นานเกินกว่า 24 ชม.
3) ไม่อนุญาตให้นางโลมสวมชุดหรูหราที่ถักทอด้วยเงินและทอง ควรสวมเสื้อผ้าที่เย็บปักด้วยลวดลายธรรมดา
2
4) การสิ่งก่อสร้างในเขตพื้นที่นี้ไม่ควรหรูหรามากเกินไป ควรสร้างให้สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมโดยรวมของเอโดะ
5) หากพบบุคคลน่าสงสัยหรือมีพฤติกรรมแปลก ๆเดินเที่ยวอยู่ในย่านเขตนี้ สามารถแจ้งเขตที่อยู่ของบุคคลนั้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นซามูไร หรือพ่อค้าก็ตาม หากยังมีข้อสงสัยให้รีบแจ้งตำรวจที่ดูแลเขตนี้ทันที
1
ภาพแนบ: แผนผังของโยชิวาระ
โยชิวาระมีกำแพงกั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านหนึ่งติดกับแม่น้ำ ด้านที่เหลือถูกล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ภายในกำแพงโยชิวาระแห่งนี้มีถนนคู่ขนานกันจำนวน 3 สาย และตรอกเชื่อมถนนสายกลางทั้งหมด 5 เส้นทาง (ดูภาพประกอบเพื่อเพิ่มความเข้าใจ)
เส้นทางที่ 1 : เอโดะโจ 1
เส้นทางที่ 2 : เอโดะโจ 2
เส้นทางที่ 3 : โคมาจิ 1
เส้นทางที่ 4 : โคมาจิ 2 (สร้างขึ้นในปี 1620)
เส้นทางที่ 5 : สุมิโจ (สร้างขึ้นในปี 1626)
ภาพแนบ: อาเงยะ
ภายในย่านนี้มีสถานบริการทางเพศ ร้านอาหาร ฯลฯ เรียงรายอยู่ทั้งสองข้างทางของถนนทั้ง 5 เส้น และยังมีจุดนึงที่น่าสนใจนั่นก็คือ โรงน้ำชาที่พักรับรองสำหรับแขกที่ต้องการจะพบกับนางโลมชั้นสูง เรียกว่า “อาเงยะ” (揚屋) เนื่องจากนางโลมชั้นสูงระดับ exclusive มากๆ นั้นจะไม่อนุญาตให้แขกใหม่ไปหายังสถานที่พักของพวกเธอโดยตรงในทีแรก แต่สามารถนัดพบในที่อื่นๆ เช่นโรงน้ำชาอาเงยะ และเมื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระดับหนึ่ง จึงถือเป็นแขกประจำแล้วให้เข้าซ่องได้
2
ภาพแนบ: แผนที่โยชิวาระปี 1846
ต่อมาเมื่อเมืองเอโดะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1657 โยชิวาระก็เสียหายไปด้วย ทางรัฐบาลเลยตัดสินใจสั่งย้ายที่ไปก่อสร้างโยชิวาระใหม่ยังเขตอาซากุสะทางชานเมือง ดังนั้นพื้นที่ดั้งเดิมตรงนั้นจึงถูกเรียกว่า โมโตะ โยชิวาระ (元吉原) หรือ โยชิวาระเก่า ปัจจุบันคือย่านนิฮงบาฉิไม่ใช่โคมแดงอีกแล้ว ส่วนที่ใหม่เรียกว่า ชิน โยชิวาระ (新吉原) หรือ โยชิวาระใหม่ (แต่สุดท้ายเรียกแค่ “โยชิวาระ” ก็เป็นที่รู้กัน)
1
โยชิวาระแห่งใหม่นี้ มีพื้นที่ 94,430 ตารางเมตร (ประมาณ 59 ไร่) ล้อมรอบด้วยคูเมือง มีถนนหลักสายกลางชื่อว่า “นากาโนะโจ” เรียงรายไปด้วยต้นซากุระ มีโรงน้ำชาเป็นสื่อกลางในการติดต่อซื้อบริการกับเหล่านางโลม
ด้วยความงามอันเลื่องชื่อของเหล่าสาวๆ ทำให้ย่านโยชิวาระแห่งใหม่นี้เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมไปถึงเป็นศูนย์รวมแฟชั่นชั้นแนวหน้าของสาว ๆ ยุคเอโดะ
…เนื่องจากนางโลมชั้นสูงนั้นต้องฝึกฝนศิลปะต่างๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับแขกที่เข้ามาใช้บริการ ทำให้มีการแข่งขันการฝึกฝนศิลปะเช่น การแสดง การขับร้องเล่นดนตรี การจัดดอกไม้ บทกวีเคียวกะ บทกวีไฮคุ พิธีชงชา ฯลฯ ส่งผลให้โยชิวาระกลายเป็นแหล่งที่ศิลปะหลากหลายแขนงเจริญมาก ซึ่งศิลปินเด่นๆ ก็คือตัวยูโจนั่นเอง
*** การแบ่งลำดับชนชั้นนางโลม ***
อาชีพยูโจมีระบบชนชั้นที่เข้มงวด ยิ่งเป็นนางโลมชั้นสูงราคาก็จะพุ่งขึ้นตามด้วยเช่นกัน เหล่านางโลมจึงมีการแข่งขันกันเพื่ออัพเกรดตัวเอง
จะขอกล่าวถึงสมัยที่รัฐบาลยังไม่ได้จัดระเบียบยูคาคุก่อน ในตอนนั้นลำดับชั้นของนางโลมมีอยู่ 2 ลำดับ คือ “ทะยู” (太夫) และ “ฮาชิโจโร” (端女郎)
ตำแหน่งทะยู จะต้องเป็นหญิงสาวที่มีความงามเลิศ เชี่ยวชาญทั้งศิลปะดนตรีและกวี มีความรอบรู้ สามารถต่อกลอนกับบัณฑิตชายได้ เปรียบเสมือนเป็นลำดับชั้นสูงสุดของนางโลมในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ทะยูยังถือเป็นเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นของสาวๆ อีกด้วย
3
สำหรับตำแหน่งฮาชิโจโรนั้นจะตรงกันข้ามกับทะยู คือมีความหมายว่า “ผู้หญิงปลายแถว” ซึ่งเป็นความหมายตามตัวอักษร เพราะนางโลมในตำแหน่งนี้จะนั่งอยู่ปลายแถว เปรียบเสมือนเป็นนางโลมลำดับต่ำ เน้นขายบริการทางเพศเป็นหลัก
ภาพแนบ: ทรงคัตสึยามะ
จะขอยกตัวอย่างทะยูที่มีชื่อเสียงนามว่า “คัตสึยามะ” นั้นเป็นผู้คิดทรงผมใหม่ ให้ทำมวยผมเป็นก้อนอยู่ตรงกลาง ก่อนทำปีกผมออกทั้งด้านซ้ายและขวา ส่วนด้านล่างของผมทำให้มีความโค้งมน ตรงมวยผมตรงกลางจะมีการประดับด้วยที่ผูกผมสีแดงหรือสีชมพู
ยุคหนึ่งทรงผมนี้ “ฮิป” มาก …ส่งผลให้สาวๆ ในเอโดะพากันทำผมทรงนี้อย่างแพร่หลาย จึงมีการเรียกชื่อทรงผมนี้ว่า “คัตสึยามะ”
ภาพแนบ: นางโลมโยชิวาระ
จากนั้น เมื่อเข้าสู่ยุคโยชิวาระ ได้มีการเพิ่มลำดับชั้นนางโลมเพิ่มขึ้นมาอีกหลายลำดับ มีการเรียงที่ซับซ้อน ในที่นี้จะขอแยกให้เข้าใจง่ายเป็นสามเกรด
1. เกรดสูง เกรดนี้จะมีคำเรียกทับซ้อนกันระหว่างคำว่าทะยู กับโอยรัน
2. เกรดกลาง เกรดนี้มีคำเรียกหลากหลาย และแบ่งย่อยๆ ไปอีกหลายชั้น เช่นโคชิโจโร ซันชาโจโร ไบชาโจโร
3. เกรดล่าง เกรดนี้มีคำเรียกว่าคิริมิเสะโจโร ซึ่งอาจจะทับซ้อนกับฮาชิโจโร
1
…ซึ่งทุกเกรดจะมีลำดับและความซับซ้อนของตัวเองอีกมาก ในที่นี้จะขออธิบายจากเกรดล่างก่อน
ตำแหน่งคิริมิเสะโจโระ ถือว่าศักดิ์ต่ำที่สุด แต่มีจุดขายคือราคาถูก จึงดึงดูดแขกให้เข้ามาใช้บริการมากมาย อย่างไรก็ตาม นางโลมระดับนี้จำนวนหนึ่งมักเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก เพราะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
…จนบางทีมีการเปรียบเทียบกับนางโลมในระดับนี้ว่า “เทบโปโจโร” (鉄砲女郎) แปลว่า “สาวมือปืน” นั่นหมายความว่าถ้าแขกได้มีความสัมพันธ์หรือได้แตะต้องพวกเธอ ชีวิตของแขกคนนั้นก็อาจสั้นลงด้วย…
สำหรับโสเภณีเกรดกลางนั้นก็เป็นที่นิยมมาก เพราะไม่เสี่ยงภัยเท่าเกรดล่าง และไม่เล่นตัวเหมือนเกรดสูง
ยกตัวอย่างโสเภณีเกรดกลางที่ได้รับความนิยมในโยชิวาระคือตำแหน่งที่เรียกว่าซันฉะโจโร โดยคำว่า ซันฉะ (散茶) ในอดีตเป็นคำเรียกของ “ผงชา”
…ที่พวกเธอถูกเรียกแบบนี้ เพราะซันฉะเป็นชาสำเร็จรูปที่ใส่น้ำร้อนดื่มได้เลย ไม่ต้องนำชาใส่ถุงแล้วค่อยๆ ชงในน้ำร้อนแบบใบชา โดยคำว่าชง, คนหรือเขย่าในภาษาญี่ปุ่นคือ “ฟุรุ” (振る) เมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับนางโลมที่เป็นชาสำเร็จรูป ก็หมายถึง “การไม่ปฏิเสธลูกค้า”
ภาพแนบ: โยบิดาชิ
สำหรับนางโลมลำดับชั้นสูงสุดนั้น มีคำเรียกที่เรารู้จักกันดีว่าอีกคำว่า “โอยรัน” (花魁) ที่สามารถแปลตรงตัวได้ว่า “ดอกไม้แรกแย้ม” โดยตำแหน่งโอยรันกับทะยูนี้ค่อนข้างทับซ้อนกัน
โอยรันตัวท๊อปเรียกว่า “โยบิดาชิ” (呼び出し) แปลตรงตัวว่า “นัดหมายเพื่อออก”
แขกที่ต้องการพบตัวท๊อปจะไม่สามารถเข้ามาพบพวกเธอได้โดยตรง ต้องมีการติดต่อขอพบผ่านอาเงยะก่อนตามที่กล่าวไป ซึ่งการเป็นโยบิดาชิได้นอกจากต้องสวยเฉียบแล้ว ยังต้องเพียบพร้อมไปด้วยสติปัญญา เป็นเลิศในงานศิลปะต่างๆ และมีการศึกษาดี สามารถพูดคุยประวัติศาสตร์ การเมือง กวีนิพนธ์กับไดเมียวหรือซามูไรชั้นสูงรู้เรื่อง
โยบิดาชิยังต้องมีการแต่งกายที่สง่างาม เธอจะสวมชุดผ้าไหมคลุมยาวปักลวดลายหรูหรา ศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผมทำจากกระดองเต่าชั้นดี ถึงขั้นมีผู้เปรียบเปรยว่ารอบศีรษะของเธอเสมือนมีรัศมีเปล่งออกมาราวกับเทพธิดา
ทั้งนี้นางโลมญี่ปุ่นนั้นยิ่งอยู่ชั้นสูงจะยิ่งไม่ได้ขาย sex อย่างเดียวแล้ว แต่ขายความฟินในการให้คนเล่น roleplay ตามจีบ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้หญิงสวยๆ
ซ่องนึงจะมีพวกนางโลมเกรดสูงไม่กี่คนเอาไว้เป็นหน้าเป็นตา ในยุคที่ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย โยบิดาชิของแต่ละซ่องนั้นมีสถานะไม่ต่างจากดาราในยุคนี้นัก
หากเจ๋งพอ นางจะมีสิทธิเลือกลูกค้าได้ด้วย ถือว่า “เงินซื้อไม่ได้” จะให้บริการทางเพศกับลูกค้าหรือไม่ก็แล้วแต่อารมณ์
เรียกว่าลูกค้าบางคนเพียรพยายามให้ของขวัญนางโลมที่ชอบหลายปี แต่อาจจะไม่ได้หลับนอนกันเลยด้วยซ้ำ ได้แต่เข้าอาเงยะรับบัตรจับมือพอฟินๆ ไปวันๆ
*** พื้นที่โฆษณา ***
เปิดให้จองแล้ววันนี้ Box Set ซีรีส์ “The Wild Chronicles” ครบชุด 7 เล่ม เปิดให้จองแล้ววันนี้!
หลังจากหนังสือชุด The Wilds Chronicles ที่พิมพ์ครั้งก่อนทุกเล่มขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว ผมจึงมีแผนจะพิมพ์ใหม่ทั้งหมด โดยปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มเติมให้ดียิ่งขึ้น เป็นปัจจุบันมากขึ้น
และนอกจากนั้นแล้ว เพื่อเป็นการขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามกันมานาน ผมได้จัดทำ Box Set ขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อรวมหนังสือทั้งเก่าใหม่ไว้ด้วยกัน
หนังสือในเซ็ต มีดังต่อไปนี้นะครับ:
1. พยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ: เรื่องกบฏพยัคฆ์ทมิฬในศรีลังกาเหนือ ต้นกำเนิดของการก่อการร้ายยุคใหม่
2. เชือดเช็ดเชเชน: เรื่องกบฏชาวเชเชนในรัสเซียใต้ ที่ต้องเผชิญการปราบปรามอย่างโหดสัสรัสเซีย
3. อสุราอาหม: เรื่องประวัติศาสตร์ชาวไทอาหมในอินเดียเหนือ บรรพบุรุษสุดโหดของชาวไทยในปัจจุบัน
4. โลหิตอิสราเอล: เรื่องประวัติศาสตร์การดิ้นรนของชาวยิว และดินแดนอิสราเอล แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่นองเลือดมานานกว่าพันปี
5. ประวัติย่อก่อการร้าย: ที่มาที่ไปของการก่อการร้ายตั้งแต่อดีตกาล และสงครามก่อการร้ายที่ยังส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน
6. สุริยันพันธุ์เคิร์ด: เรื่องของชนกลุ่มน้อยเคิร์ดอิรักที่ลุกขึ้นสู้กับมหาอำนาจตะวันออกกลางเพื่อความฝันในการตั้งประเทศของตัวเอง
7. ดาวแดงแห่งเคิร์ด: เรื่องของชนกลุ่มน้อยเคิร์ดซีเรียที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของสตรี
ทั้งหมดนี้รวมค่าส่งในราคา 3,150 บาทเท่านั้น! (เฉพาะในประเทศนะครับ ส่วนต่างประเทศคิดราคาตามจริง)
ท่านไหนที่สนใจ สามารถชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย (ระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปด้วยแต่ช้าหน่อยนะครับ)
*** สินค้าพร้อมส่งมอบในช่วงเมษายนครับ ***
อนึ่งท่านที่ซื้อหนังสือหรือสั่งจองบางเล่มแยกไปแล้วอยากเปลี่ยนเป็นเซ็ตนี้ สามารถติดต่อทาง Line OA https://lin.ee/fNEO1jr หรือ Inbox ของเพจเพื่ออัพเกรดได้นะครับ โดยจะคิดราคาตามจริงลดหลั่นไปตามเล่ม ส่วนราคากล่องอย่างเดียว 375 บาท (จะส่งไปแบบพับ ลดปัญหากล่องมุมยับ)
ภาพแนบ: โอยรันกับเด็กๆ
*** กว่าจะมาเป็นโอยรัน ***
นางโลมญี่ปุ่นมีที่มาหลากหลาย บ้างมาด้วยความสมัครใจของตัวเอง บ้างเป็นลูกคนจนที่ถูกขายมาเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ หรือใช้ในการอื่นๆ
หากคนที่ถูกนำมาขายเป็นเด็กหญิงอายุประมาณ 5 ขวบ จะถูกเรียกว่า คามุโร หมายถึง เด็กที่ยังไม่มีขน (เพชร) ขึ้น ถือเป็นเด็กรับใช้ของโอยรัน ทำหน้าที่ดูแลโอยรัน เช่น คอยจัดเครื่องแต่งกาย ทำความสะอาด และคอยส่งสารให้ ทั้งนี้ถ้าโอยรันคนไหนมีคามุโรส่วนตัวนั่นหมายความว่าเป็นโอยรันที่มีเกรดดี
1
เมื่อคามุโรเติบโตขึ้นได้ประมาณ 10 ขวบ จะถูกเลื่อนขั้นเป็นยูโจฝึกหัด พวกเธอจะคอยทำงานบ้านให้กับทั้งโอยรันและยูโจระดับรองมา โดยเรียนรู้ธรรมเนียมและกฎที่ยูคาคุ
หากเธอมีแววว่าจะเป็นเกรดสูงได้ เธอจะถูกทางซ่อง “ลงทุนอัพเกรด” ให้ฝึกเป็นโอยรัน โดยจับเรียนโคลงกลอน บทกวี พิธีการชงชา การคัดตัวอักษร การจัดดอกไม้ และการเล่นเครื่องดนตรี เช่น โคโตะ (พิณญี่ปุ่น หน้าตาคล้ายๆ จะเข้บ้านเรา) และชามิเซ็น (ซอญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นพื้นฐานในการบริการลูกค้า
การจะขึ้นมาเป็นโอยรันได้ก็ต่อเมื่อเด็กสาวมีรอบเดือน อันเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งต้องผ่านการคัดเลือกจากแม่เล้าอีก ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ฝึกเสร็จแล้วมาจะเป็นได้ ไม่งั้นมาตรฐานจะตก… (คนไหนไม่ผ่านเป็นโอยรันก็จะถูกให้เป็นเกรดกลางเกรดล่าง ทำงานชดเชยค่าลงทุนไป)
เมื่อคามุโรผ่านการคัดเลือกเป็นโอยรัน แม่เล้าจะมีการจัดงานประมูลพรหมจรรย์ของโอยรันคนใหม่ ผู้ชายคนไหนที่สามารถให้ราคาได้สูงที่สุดก็จะได้พรหมจรรย์ของเธอไป การจัดงานนี้เรียกว่า “พิธีมิสุอาเงะ” (水揚げ) ซึ่งแปลตรงตัวว่า “สะเด็ดน้ำ” เป็นพิธีการเปลี่ยนตัวจากเด็กสาวกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว ทำให้เธอกลายเป็นโอยรันโดยสมบูรณ์
ถึงแม้ว่าโอยรันจะเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว แต่ราคาของเธอไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เนื่องจากราคาของโอยรันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ หากขึ้นอยู่กับความงามและความรู้ความสามารถของแต่ละคนที่จะเป็นเสน่ห์มัดใจให้แขกกลับมาหาเธออีกครั้ง
ภาพแนบ: การจำลองขบวนโอยรัน
*** ขั้นตอนการซื้อบริการ ***
ขั้นตอนการซื้อบริการสำหรับนางโลมทั่วไปนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก จ่ายครบจบแน่ตามที่บอกไป
อย่างไรก็ตามการเรียกระดับโอยรันมามีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน คือแขกจะไม่สามารถพบกับโอยรันได้โดยตรงแต่แรก และต่อให้นัดได้ แขกก็จะต้องทำการฝากเงินไว้กับร้านอาเงยะคนกลางก้อนหนึ่ง เป็นการทำให้โอยรันเห็นว่าแขกนั้นมีปัญญาจ่ายเงินให้เธอมากพอ
2
เมื่อถึงวันนัดหมายจะมีการจัดขบวนแห่โอยรันเพื่อมารับแขกไปยังโรงน้ำชาอาเงยะ โดยโอยรันจะแต่งกายด้วยชุดที่งดงามและดีที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้หญิงชั้นสูง (ความยิ่งใหญ่ของขบวนแห่ขึ้นอยู่กับฐานะของแขก, เกรดของโอยรัน, และเงินที่ฝากไว้กับโรงน้ำชาในครั้งแรก)
แขกที่ต้องการใช้บริการโอยรันคนใดๆ ก็ตาม ต้องนัดหมายพบกันอย่างน้อย 3 ครั้งก่อน จึงค่อยสามารถพาขึ้นห้องเพื่อไปมีอะไรกันได้ (อันนี้คือเร็วสุดแล้ว) โดยครั้งแรกแขกจะถูกเชิญไป “แสดงความป๋า” ให้โอยรันประทับใจ โดยจ่ายเงินแพงๆ ไปนั่งกินอาหารและมองโอยรันที่นั่งอยู่บนเวที ในขั้นนี้ทั้งสองห้ามคุยกัน โอยรันจะนั่งโชว์ความสวยเฉยๆ ไม่พูด ไม่รับประทานอาหาร และแขกก็ห้ามทักเธอด้วย
ครั้งที่สองโอยรันจะมานั่งข้างล่างกับแขกด้วย ครั้งนี้เหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่าโอยรันพอจะโอเคกับเขาบ้างแล้ว จึงมานั่งคุยด้วย และยอมกินอาหารในฐานะ “เพื่อน” (สวยเลือกได้ครับ)
พอครั้งที่สามแขกจะถูกเรียกว่า “นาจิมิ” หมายถึง ลูกค้าที่มีความคุ้นเคย โดยโอยรันจะมีการมอบชุดอาหาร เครื่องชาม และตะเกียบ ที่สลักชื่อของตัวโอยรันให้กับลูกค้า เสร็จแล้วแขกจะต้องนำเงินใส่ซองสำหรับค่าบริการของโอยรัน เมื่อขั้นตอนทั้งหมดนี้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วแขกจึงจะสามารถเข้าหลับนอนกับโอยรันได้
และเมื่อแขกมีอะไรกับโอยรันคนใดคนหนึ่งแล้ว จะไม่สามารถยุ่งกับโอยรันคนอื่นในซ่องเดียวกัน เพราะว่าหลังจากได้เสียกัน โอยรันกับผู้ใช้บริการก็มีสถานะเปรียบเสมือนเป็นผัวเมียสมมุติ หากแขกไปยุ่งกับโอยรันคนอื่นแล้วถูกจับได้จะต้องเสียเงินค่าทำขวัญให้กับโอยรันคนแรก เรียกว่าเป็นการ roleplay แฟนอย่างสมบูรณ์แบบ
ตามที่บอกว่า “สามครั้ง” นี้คือเคสที่ดีที่สุด แขกบางคนหมดเงินไปมากมาย ก็ได้แต่นั่งมองโอยรันไปเรื่อยๆ ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวด้วยซ้ำ ซึ่งโอยรันก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ เพราะยังมีคนพร้อมแข่งกันมาจ่ายเงินให้เธออีกมาก ถ้าแขกนั้นหมดเงินทนไม่ไหว “อ่อนแอก็แพ้ไปเอง”
ในลักษณะนี้โอยรันจึงถือเป็นคลาสพิเศษ ได้รับเงินมากมายจากชนชั้นสูง อย่างไรก็ตามพวกเธอก็มีค่าใช้จ่ายมาก ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อชุดกิโมโนที่สวยงาม จ่ายเงินให้กับคนรับใช้ รวมไปถึงเด็กสาวที่ดูแลเธอ
…แม้ว่าโอยรันจะเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงในอุดมคติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะมีอิสระ ต้องทำงานชดเชยคืนเงินลงทุนให้ซ่อง จนกว่าแม่เล้าจะเห็นว่าคุ้ม
สำหรับ “เกอิชา” นั้น แท้จริงเริ่มมาจากคนที่คอยเล่นดนตรี และทำการแสดง ที่โอยรันจ้างเพื่อสร้างความบันเทิง (โอยรันมักรับประทานอาหารมื้อใหญ่ พร้อมดูการแสดงร่วมกับแขก ก่อนจะมีอะไรกัน) อย่างไรก็ตามต่อมาเกอิชาบางส่วนหันมาขายตัวด้วย เพราะรายได้ดีกว่า และมีโอยรันบางส่วนที่หันมาร้องมาเต้นได้เอง จนในที่สุดความแตกต่างระหว่างโอยรันกับเกอิชานั้นก็เริ่มเบลอๆ
อนึ่งระบบโสเภณีชั้นสูงที่ว่ามาทั้งหมดนี้เป็นวัฒนธรรมที่ญี่ปุ่นรับมาจากจีน เวลาดูหนังจีนบางทีนางเอกลำบากต้องไปทำงานในซ่องแต่ขอ "ขายเสียงไม่ขายตัว" คือเล่นดนตรีให้แขกฟังอย่างเดียวอันนี้ก็ทำได้
นอกจากนี้จีนเรียกนางโลมตัวท๊อปว่าอี้จี เวลาดูหนังจีนบางทีมีฉากเข้าซ่อง แล้วมีโสเภณีคนนึงในซ่องที่สวยกว่าคนอื่น จะอยู่ในห้องชั้นบนๆ ของซ่อง มีเศรษฐีแข่งกันเอาของขวัญมาให้ และบางทีก็มีฐานะพิเศษเป็นลูกเลี้ยงของแม่เล้าด้วย ...อันนั้นแหละคืออี้จี
ในวรรณกรรมจีนจะมีธีมที่ถูกใช้ประจำ คือมีอี้จีตัวท๊อปที่มีเศรษฐีมาติดพันมากมาย แต่เธอไม่ชอบ กลับไปรักบัณฑิตหนุ่มยากจน เพราะนิยมในสติปัญญาของเขา ถึงกับเอาเงินไปสนับสนุนบัณฑิตให้สอบจอหงวน (ซึ่งเมื่อบัณฑิตสอบจอหงวนได้แล้วจะกลับมารับนางเป็นภรรยาหรือจะทรยศไปรักกับลูกสาวขุนนางผู้ใหญ่ อันนี้แล้วแต่เรื่อง)
1
*** แขกของนางโลม ***
คนชนชั้นสูง ซามูไร พ่อค้า จนถึงชาวเมืองธรรมดา สามารถเข้ามาเที่ยวยูคาคุได้โดยไม่มีการจำกัดชนชั้น แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ต้องมีเงินมากพอที่จะจ่ายบริการต่างๆ ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่องการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น
จริงๆ แล้วยูคาคุเป็นหนทางหนึ่งที่บุรุษสามารถใช้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง โดยใช้เป็นที่แสดงความมั่งคั่งร่ำรวยได้ คือใครเปย์ให้โอยรันตัวท๊อปมากๆ ก็จะเป็นที่อิจฉา และเป็นที่นับหน้าถือตา
ด้วยความที่ผู้ชายนั้นมักมีนิสัยเสียคือ “หน้าใหญ่เกินตัว” ในยูคาคุจึงมักเกิดเหตุที่ชายหนุ่มมีเงินไม่พอแต่มาตีเนียนเหมือนรวยบ่อยๆ กลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีวิธีจัดการที่ต่างกันไป เช่นบางแห่งนั้นมีการให้นักเลงจับคนที่ไม่มีเงินไปขังในโลงศพ แต่ไม่ได้ฝัง
…ระหว่างชายหนุ่มถูกขังก็ไม่ใช่ให้อยู่เฉยๆ แต่โดนบังคับให้เขียนจดหมายหาครอบครัวเพื่อขอเงินมาไถ่หนี้ แน่นอนว่า หากครอบครัวไม่จ่าย ก็ต้องอยู่ในโลงจนอาจกลายเป็นศพไปจริงๆ หรืออาจถูกปล่อยไป พร้อมขาย “หนี้” แบบลดราคา ให้นักเลงกลุ่มอื่นไปบังคับตามทวงมาเอง
*** ชีวิตนอกมุ้ง ***
ทั้งนี้ มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยมาเที่ยวซ่องแล้วพัฒนาความสัมพันธ์กับยูโจอย่างลึกซึ้ง จนอยากแต่งงานด้วย ซึ่งยูคาคุก็เปิดโอกาสให้พวกเขาไถ่ตัวนางโลมเป็นคนรัก, ภรรยาน้อย, หรือภรรยาหลวง
ราคาค่าไถ่นั้นต่างกันออกไป ค่าไถ่นางโลมเกรดกลางเทียบเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณสี่ถึงห้าแสนบาท ในส่วนของโอยรันนั้นมีค่าไถ่ตัวสูงกว่ามาก อยู่ที่ประมาณสิบล้านบาท และอาจพุ่งไปได้อีกไม่จำกัด ...ขอให้ตระหนักว่าโอยรันเจ๋งๆ นั้นมีสถานะคล้ายดารา ราคาที่พุ่งสูงจึงเป็นราคาของการ “แต่งเมียดารา” ด้วย
การหลุดจากซ่องคือชะตาชีวิตที่ดีที่สุดที่นางโลมจะมีได้ เพราะต่อให้เป็นโอยรันตัวท๊อป แต่ถ้าเล่นตัวไปเรื่อยๆ จนแก่ ไม่มีแขกมาติดพันอีก ในที่สุดก็จะถูกลดเกรดลงจนไปถึงชั้นล่างสุด และอาจต้องพบจุดจบที่โหดร้ายตามประสาคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในด้านดาร์คไซส์ของสังคม
ภาพแนบ: โยชิวาระ
นางโลมที่หลุดจากซ่องจะถูกเรียกว่า “มิอูเกะ” (身請け) หรือ “เป็นนายตัวเอง” อย่างไรก็ตามพวกเธอจำนวนไม่น้อยมักมีปัญหากับการใช้ชีวิตในโลกภายนอก โดยมักจะถูกนินทาว่าเคยเป็นโสเภณีมาก่อน
อนึ่งในโยชิวาระนั้นมี “สำเนียง” ของตนเอง เป็นภาษาที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างไพเราะ สำหรับเป็นกิมมิคให้แขกรู้สึกฟิน เหมือนว่าไม่ได้กำลังหลับนอนกับสาวบ้านนอก สำเนียงนี้ตอนอยู่ในซ่องก็พอใช้หากินได้ แต่ออกมาโลกภายนอกแล้ว หากยังพูดติดปากก็จะทำให้โดนนินทา
ภาพแนบ: นักแสดงคาบูกิชายในบทผู้หญิง
*** เรื่องของนายโลม ***
บทความนี้ผมไม่ได้มีเพียงแค่นำเสนอนางโลมอย่างเดียว แต่ยังมี “โสเภณีชาย” หรือ “นายโลม” อีกด้วย
นายโลมปรากฏขึ้นให้เห็นเป็นครั้งแรกในยุคเอโดะเช่นกัน เรียกว่า “คาเงมะ” (陰間) ซึ่งมักแต่งตัวเป็นเหมือนหญิงคอยรับแขก
คำว่า “คาเงมะ” มีที่มาจากเด็กฝึกหัดการแสดงคาบูกิที่แสดงเป็นผู้หญิง (คาบูกิจำกัดให้แค่ผู้ชายเล่นเท่านั้น พอบทผู้หญิงก็ต้องให้ผู้ชายแต่งหญิงเอา) หากนักแสดงชายคนไหนสามารถเล่นบทบาทเป็นผู้หญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบจะถูกเรียกว่า “อนนะงาตะ” (女形 แปลตรงตัวคือ รูปลักษณ์เป็นหญิง)
เด็กฝึกหัดการแสดงคาบูกิอายุประมาณ 13 – 17 ปี ที่รับบทบาทผู้หญิง จะต้องมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชาย ถือเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกฝน
ทีนี้พอคนดูละครแล้วรู้สึกชอบตัวนางเอกก็มักขอจ่ายเงินนอนด้วย จนพวกคาเงมะขายตัวกันเป็นล่ำเป็นสัน กลายเป็นการสร้างภาพจำให้กับผู้คนว่าคาเงมะทั้งหมดคือนายโลม และในที่สุดก็เกิดธุรกิจใหม่ มีคาเงมะที่ไม่เล่นละครแล้ว ขายตัวฟูลไทม์นี่แหละรายได้ดีกว่า ทำนองเดียวกับที่มีมิโกะกลายเป็นยูโจฟูลไทม์ตามที่กล่าวในตอนต้น
นายโลมเหล่านี้อาศัยและทำงานในสถานที่ที่เรียกว่า “คาเงมะชายะ” (陰間茶屋) ซึ่งคำว่า “ชายะ” แปลว่า “โรงน้ำชา” โดยมักจะมีขนาดเล็กและเศร้าหมองกว่ายูคาคุ เมื่อแขกมาที่ชายะจึงมักออฟคาเงมะไปใช้บริการที่อื่น เว้นแต่ชายะที่มีขนาดใหญ่จะมีห้องสำหรับการให้บริการอยู่ด้วย
คาเงมะมักเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ในช่วงวัย 12 – 20 ปี เพราะหากอายุมากกว่านี้ร่างกายจะเป็นชายมากขึ้น และความที่สมชายมากเกินไป อาจทำให้การแต่งเป็นผู้หญิงดูไม่อ่อนช้อยงดงามเหมือนเดิม เรียกแขกไม่ค่อยได้ คาเงมะบางคนเมื่ออายุมากขึ้นแต่ยังอยากทำอาชีพนี้ต่อจึงเปลี่ยนเป็นให้บริการกับแขกผู้หญิงแทนก็มี
ภาพแนบ: นัตโตะ
*** การเตรียมตัวของนายโลม ***
เหล่าเด็กหนุ่มจำต้องมีการเตรียมตัวดูแลตัวเอง เพื่อเป็นการเสริมสร้างเสน่ห์ก่อนจะสามารถเป็น คาเงมะ เช่น ต้องขัดผิวด้วยผงพิเศษทำจากผิวของทับทิม เพื่อให้ผิวสวยกระจ่างใส หรือนำนัตโตะมาถูผิวให้ขาว และแปรงฟันด้วยขี้เถ้าไม้ไผ่
1
นอกจากนี้คาเงมะยังต้องเตรียมตัวฝึกฝนทวารหนัก เนื่องจากเป็นอวัยวะส่วนสำคัญในการให้บริการแขก พวกเขามีการฝึกฝนรูทวารตั้งแต่อายุ 11 – 12 ปี ให้มีความยืดหยุ่น สามารถทนความเจ็บปวดได้ ไม่เกิดความหวาดกลัว
1
การเตรียมช่องทวารหนักของคาเงมะเพื่อให้ง่ายต่อการบริการให้กับลูกค้า มีอยู่ 3 วิธีหลักๆ ได้แก่:
1) การใช้นิ้วฝึกฝน เป็นการฝึกโดยใช้นิ้วสอดเข้าทางช่องทวารหนักทีละนิ้ว เพื่อให้เกิดความชินก่อนฝึกใช้ของจริง (ก่อนฝึกจะต้องตัดเล็บเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ)
2) ฝึกโดยใช้ยาแท่ง “โบยาคุ” (棒薬) เริ่มฝึกโดยการนั่งแช่น้ำเพื่อคลายกลามเนื้อหูรูด ต่อมานำยาแท่งสอดเข้าทางทวารหนักปล่อยแช่ทิ้งไว้ระหว่างนอนหลับ เพื่อให้ชินกับความรู้สึกเวลามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาทางทวาร
ภาพแนบ: อิชิบุโนริ
3) ฝึกกับของผู้ชายจริงๆ นับเป็นการซ้อมใหญ่ ซึ่งก่อนฝึกจะต้องทำการหล่อลื่นก่อน โดยใช้สารหล่อลื่นที่เรียกว่า “อิชิบุโนริ” (いちぶのり) ซึ่งมาจากนำสาหร่ายพันธุ์หนึ่งไปต้มกับไข่ขาว เมื่อแห้งจึงตัดแบ่งเป็นแผ่น
เมื่อจะใช้ ผู้ที่ทำการฝึกสอน จะทำการละลายอิชิบุโนริโดยอมไว้ในปาก จากนั้นเอาอิชิบุโนริที่ลื่นเป็นเจลแล้วไปป้ายที่ทวารหนักของเด็กหนุ่ม และป้ายที่จู๋ของตนก่อนทำการสอดใส่
…การสอดใส่ในแต่ละครั้งไม่ใช่การสอดเข้าไปรวดเดียว แต่จะค่อย ๆ สอดเข้าไปทีละนิด ไม่ให้ผู้ถูกกระทำบาดเจ็บเกินไป
นอกจากรูทวารแล้ว อวัยวะสำคัญอีกอย่างของคาเงมะคือ “บั้นท้าย” ซึ่งจะต้องมีความอวบอิ่มได้มาตรฐาน สำหรับบั้นท้ายที่ไม่สวย มักมีมาจากการที่กระดูกบั้นท้ายไม่ดีไม่สวย ผิวหนา ช่องทวารหนักแข็งไม่มีความยืดหยุ่น
คาเงมะ ต้องมีข้อควรพึงระวังในการบริการแขกดังนี้…
1) ต้องแปรงฟันและรักษาฟันให้สะอาด เนื่องจากการบริการแขกบางครั้งมีการจูบปาก
2) ล้างรักแร้และจุดซ่อนเร้นให้สะอาดเพื่อป้องกันกลิ่นตัว
3) ห้ามเข้าห้องน้ำในที่สาธารณะที่มีคนเห็น …จะต้องแอบเข้า
4) ห้ามกินอาหารที่อาจส่งเสียงดังต่อหน้าลูกค้า เช่น นัตโตะ มันโทโรโระ โซบะ
ทั้งหมดนี้คาเงมะไม่มีชนชั้นเหมือนยูโจ และต่อให้คาเงมะจะพยายามแค่ไหนก็ยากที่จะมีสถานะดีเท่ายูโจ เพราะสังคมไม่ได้สนับสนุนพวกเขาขนาดนั้น
ภาพแนบ: พระมีความสัมพันธ์ทางกายกับคาเงมะ
*** แขกของนายโลม ***
แขกของนายโลมส่วนใหญ่เป็นพระภิกษุจากในวัด เนื่องจากพุทธศาสนาบางนิกายในญี่ปุ่นนั้น ห้ามพระมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิง แต่เลี่ยงบาลีให้สามารถมีความสัมพันธ์กับเหล่าเด็กหนุ่มแทนได้
แขกของนายโลมอีกพวกหนึ่งคือหญิงสาวที่ทำงานใน “โอโอคุ” (大奥) ซึ่งหมายถึง “ฝ่ายใน” ของราชสำนัก อันเป็นที่พักของเหล่าสนมกำนัล รวมไปถึงมารดาของโชกุน
โอคุนี้ถือเป็นเป็นสถานที่ต้องห้ามของบุรุษในยุคเอโดะ แต่พวกหญิงสาวในโอคุมักจะออกมาดูการแสดงละครคาบูกิ ดังนั้นคาเงมะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีให้พวกเธอได้ผ่อนคลายความเหงา นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คาเงมะชายะมักตั้งอยู่ใกล้กับวัดและโรงละครคาบูกิ
ในยุคสมัยนั้นการแต่งงานเพศเดียวกันไม่ได้เป็นที่อนุญาต ดังนั้นจึงไม่มีกติกาการไถ่ตัวคาเงมะไปใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยาเหมือนกับยูโจได้ ชีวิตของคาเงมะนั้นจึงมีโอกาสที่จะมีจุดจบแย่กว่ายูโจได้มาก
ภาพแนบ: โยชิวาระในปัจจุบัน ยังมีสถานที่อโคจรแฝงอยู่
*** จุดสิ้นสุด ***
ญี่ปุ่นมีการพัฒนาตัวเองเป็นแบบตะวันตกในการปฏิรูปเมจิ (明治維新) ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ช่วงนั้นอะไรที่เป็นของฝรั่งก็มักจะได้รับความนิยม อะไรที่เป็นของญี่ปุ่นดั้งเดิมหากไม่ได้ลงรอยไปกับวัฒนธรรมฝรั่ง ก็เสี่ยงที่จะถูกมองเหยียด
ยูคาคุ และยูโจ รวมไปถึงคาเงมะ ต่างถูกมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย จึงค่อย ๆ ถูกยกเลิกไป และต่อมาในปี 1958 ทางรัฐบาลก็ได้ประกาศว่าการค้าประเวณีอย่างโจ่งแจ้งนั้นผิดกฎหมาย ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังผิดอยู่ แต่มีการเลี่ยงไปแฝงการค้าประเวณีในกิจกรรมแบบอื่นๆ คล้ายอาบอบนวดในเมืองไทย
อย่างไรก็ตามวัฒนธรรมยูโจยังไม่ได้สูญหายไปอย่างสิ้นเชิง หลายพื้นที่ที่เคยเป็นยูคาคุได้เปลี่ยนมาทำธุรกิจเอนเตอร์เทนแขก จึงทำให้เห็นวัฒนธรรมอันมีรากฐานอันลึกซึ้งยาวนานนี้ยังคงแฝงอยู่ในสังคมญี่ปุ่นอยู่เสมอ
*** สรุป ***
ทั้งนางโลมและนายโลมในยุคเอโดะ แม้มีคนคอยปรนนิบัติ ใช้ชีวิตเหมือนเป็นเซเลบนำกระแส แต่กว่าจะก้าวมาสู่จุดนี้ พวกเขาต้องผ่านความลำบากมากมาย โดยมีจุดประสงค์คือบริการแขกให้มีความสุขแบบครบครันมากที่สุด เพื่อสมน้ำสมเนื้อกับค่าตัว
เมื่อมองดูดีๆแล้ว นางโลมและนายโลมไม่ได้มีหน้าที่แค่สนองความต้องการทางเพศ แต่รวมไปถึงความอยากได้อยากมีอย่างอื่น นางโลมถูกใช้ให้เป็นเครื่องมือแสดงความร่ำรวยและบารมี ส่วนนายโลมสนองตัวตนที่ถูกจำกัดไว้ด้วยกฎเกณฑ์หรือศีลธรรมของบางอาชีพ ในบางมุมคนเหล่านี้ถือว่าน่าสงสาร และในบางมุมการมีอยู่ของพวกเขาก็สะท้อนแง่มุมที่ “เป็นธรรมชาติมาก”
แม้สุดท้าย นางโลมนายโลมจะค่อยๆ โดนอิทธิพลตะวันตก ทำให้กลายเป็นของล้าสมัย แต่ “อารยธรรม” ที่เกิดขึ้นในโยชิวาระกลับบันทึกทางประวัติศาสตร์ ที่รวบรวมรากฐานวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง
…แล้วพวกคุณล่ะ อ่านเรื่องนี้จบแล้วคิดอย่างไร?
อีกครั้งนะครับ Box Set ซีรีส์ “The Wild Chronicles” ครบชุด 7 เล่ม เปิดให้จองแล้ววันนี้!
หลังจากหนังสือชุด The Wilds Chronicles ที่พิมพ์ครั้งก่อนทุกเล่มขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว ผมจึงมีแผนจะพิมพ์ใหม่ทั้งหมด โดยปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มเติมให้ดียิ่งขึ้น เป็นปัจจุบันมากขึ้น
และนอกจากนั้นแล้ว เพื่อเป็นการขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามกันมานาน ผมได้จัดทำ Box Set ขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อรวมหนังสือทั้งเก่าใหม่ไว้ด้วยกัน
หนังสือในเซ็ต มีดังต่อไปนี้นะครับ:
1. พยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ: เรื่องกบฏพยัคฆ์ทมิฬในศรีลังกาเหนือ ต้นกำเนิดของการก่อการร้ายยุคใหม่
2. เชือดเช็ดเชเชน: เรื่องกบฏชาวเชเชนในรัสเซียใต้ ที่ต้องเผชิญการปราบปรามอย่างโหดสัสรัสเซีย
3. อสุราอาหม: เรื่องประวัติศาสตร์ชาวไทอาหมในอินเดียเหนือ บรรพบุรุษสุดโหดของชาวไทยในปัจจุบัน
4. โลหิตอิสราเอล: เรื่องประวัติศาสตร์การดิ้นรนของชาวยิว และดินแดนอิสราเอล แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่นองเลือดมานานกว่าพันปี
5. ประวัติย่อก่อการร้าย: ที่มาที่ไปของการก่อการร้ายตั้งแต่อดีตกาล และสงครามก่อการร้ายที่ยังส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน
6. สุริยันพันธุ์เคิร์ด: เรื่องของชนกลุ่มน้อยเคิร์ดอิรักที่ลุกขึ้นสู้กับมหาอำนาจตะวันออกกลางเพื่อความฝันในการตั้งประเทศของตัวเอง
7. ดาวแดงแห่งเคิร์ด: เรื่องของชนกลุ่มน้อยเคิร์ดซีเรียที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของสตรี
ทั้งหมดนี้รวมค่าส่งในราคา 3,150 บาทเท่านั้น! (เฉพาะในประเทศนะครับ ส่วนต่างประเทศคิดราคาตามจริง)
ท่านไหนที่สนใจ สามารถชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย (ระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปด้วยแต่ช้าหน่อยนะครับ)
*** สินค้าพร้อมส่งมอบในช่วงเมษายนนี้ครับ ***
อนึ่งท่านที่ซื้อหนังสือหรือสั่งจองบางเล่มแยกไปแล้วอยากเปลี่ยนเป็นเซ็ตนี้ สามารถติดต่อทาง Line OA https://lin.ee/fNEO1jr หรือ Inbox ของเพจเพื่ออัพเกรดได้นะครับ โดยจะคิดราคาตามจริงลดหลั่นไปตามเล่ม ส่วนราคากล่องอย่างเดียว 375 บาท (จะส่งไปแบบพับ ลดปัญหากล่องมุมยับ)
ท่านที่สนใจอ่านเรื่องราวแปลกๆ จากรอบโลกสามารถสมัครเข้ากลุ่ม illumicorgi
อนึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่ม exclusive ผมจะใช้ลงบทความพิเศษ ซึ่งมีเนื้อหาเจาะลึกกว่าที่ลงในเพจ The Wild Chronicles และบทความส่วนใหญ่ในกลุ่มจะเกี่ยวกับธีมของหนังสือที่ผมกำลังเขียน
*** พิเศษ! โปรเนื่องในเทศกาลแห่งความรัก ต่ออายุสมาชิก illumicorgi ตั้งแต่วันนี้ถึ้งสิ้น ก.พ. รับเลยของแถมและส่วนลดพิเศษ! ***
ทางเพจ The Wild Chronicles ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อตอบแทนสมาชิกนะครับ หากท่านสมัครสมาชิกตั้งแต่วันนี้ถึง 28 ก.พ. 2565 จะมีโปรดังนี้:
สมัครสมาชิกใหม่กลุ่ม illumicorgi ทุกระดับเป็นเวลาครึ่งปี ลดราคา 5%
สมัครสมาชิกใหม่กลุ่ม illumicorgi ทุกระดับตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ลดราคา 10%
หากท่านที่เป็นสมาชิกระดับ Corgi Master หรือ illuminated Corgi มาแล้ว 1 ปี หากต่ออีก 1 ปีขึ้นไป จะลดเพิ่มหนังสือให้ 1 เล่ม (ปกติจะได้สองเล่ม จะได้เป็นสามเล่ม)
อนึ่งกลุ่ม illumicorgi (illumicorgi) ซึ่งเป็นกลุ่มสำหรับลง content พิเศษของเรา สมาชิกจะได้บทความพิเศษอ่านอาทิตย์และอย่างน้อยหนึ่งบทความ และบทความย่อยๆ ลงเรื่อยๆ ตลอดจนได้สิทธิพิเศษอื่นๆ
ผู้ที่ต้องการต่ออายุสมาชิก สามารถติดต่อทาง Line OA https://lin.ee/fNEO1jr หรือ Inbox เพจ m.me/pongsorn.bhumiwat เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ
::: รายละเอียดสมาชิก :::
สมาชิกจะมีสามระดับได้แก่ Corgi Mason, Corgi Master และ Illuminated Corgi ซึ่งแต่ละระดับจะมีค่าสมาชิก และสิทธิประโยชน์แตกต่างกันไป
>> สมาชิกประเภทที่ 1 “Corgi Mason" (คอร์กี้เมสัน)
คุณคือ “นายช่าง” ที่ช่วยเหลือในการรังสรรค์ The Wild Chronicles เป็นผู้ที่สร้างให้เกิดผลงานต่างๆ และเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนกลุ่มนั่นเอง
สิทธิประโยชน์ที่ได้:
• ได้เข้าถึงเนื้อหากลุ่ม illumicorgi ที่มีบทความย่อยลงอยู่เสมอ และบทความใหญ่ลงอย่างน้อยอาทิตย์ละตอน
• ส่วนลดในสินค้าของกลุ่ม The Wild Chronicles ที่จะวางจำหน่ายต่อไป
• Priority ในการรับข่าวสารและกิจกรรมของ The Wild Chronicles
ค่าสมาชิก:
1 เดือน: 50 บาท
6 เดือน: 266 บาท (จากปกติ 280 บาท)
1 ปี: 495 บาท (จากปกติ 550 บาท)
>> สมาชิกประเภทที่ 2 “Corgi Master" (คอร์กี้มาสเตอร์)
คุณคือ “อัศวิน” ที่คุ้มครองและนำพา The Wild Chronicles ไปสู่จุดมุ่งหมาย เป็นบุคคลสำคัญที่จะขาดมิได้ในการส่งแสงสว่างนำทางพลพรรคของเรา
สิทธิประโยชน์ที่ได้:
• ทั้งหมดที่ Corgi Mason ได้ และ:
• ทุกๆ รอบหกเดือนจะได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ส่งให้ถึงบ้านพร้อมลายเซ็นของผม หรือจะเปลี่ยนเอาหนังสือเล่มอื่นที่ยังมีใน stock ก็ได้นะครับ)
• พิเศษ ถ้าเป็นสมาชิกระดับ Corgi Master หรือ illuminated Corgi มาแล้ว 1 ปี หากต่ออีก 1 ปีขึ้นไป จะลดเพิ่มหนังสือให้ 1 เล่ม (ปกติจะได้สองเล่ม จะได้เป็นสามเล่ม)
ค่าสมาชิก:
6 เดือน: 570 บาท (จากปกติ 600 บาท)
1 ปี: 990 บาท (จากปกติ 1,100 บาท)
>> สมาชิกประเภทที่ 3 “Illuminated Corgi" (อิลลูมิเนตคอกิ)
คุณคือหนึ่งใน “เจ้าผู้ครองนคร” แห่ง The Wild Chronicles เป็นสมาชิกที่สำคัญที่สุดซึ่งคอยดูแลกลุ่มของเราอยู่
สิทธิประโยชน์ที่ได้:
• ทั้งหมดที่ Corgi Master ได้ และ:
• ได้รับของที่ระลึกที่ได้จากการไปผจญภัยในสถานที่จริงที่นำมาเขียนหนังสือ เช่นโปสการ์ดจากครอบครัวของประภาการัน ผู้นำกบฏพยัคฆ์ทมิฬ, แบงค์รุ่นซัดดัมที่พบในเคอร์ดิสถานอิรัก, หรือทรายและเศษเหล็กจากหาด No Fire Zone
• มีชื่ออยู่ในหนังสือเล่มหนึ่ง ในฐานะผู้สนับสนุน
• พิเศษ ถ้าเป็นสมาชิกระดับ Corgi Master หรือ illuminated Corgi มาแล้ว 1 ปี หากต่ออีก 1 ปีขึ้นไป จะลดเพิ่มหนังสือให้ 1 เล่ม (ปกติจะได้สองเล่ม จะได้เป็นสามเล่ม)
ค่าสมาชิก:
1 ปี: 2,700 บาท (จากปกติ 3,000 บาท)
::: ::: :::
ประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตาม เพจ The Wild Chronicles ได้เลยนะครับ https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat
โฆษณา