9 มี.ค. 2022 เวลา 00:00 • ปรัชญา
คนแก่วัยเจ็ดสิบกว่ากลุ่มหนึ่งเดินทางย้อนเวลาไปในปี ค.ศ. 1959 พวกเขาใช้ชีวิตในอดีต ฟังเพลงจากวิทยุที่เป็นเพลงยุคนั้น ดูโทรทัศน์ที่ฉายหนังเก่าของช่วงเวลานั้น เมื่อหวนคืนสู่โลกปัจจุบัน กลับแข็งแรงกว่าเดิม
หากคิดว่านี่เป็นพล็อตหนังแฟนตาซีสักเรื่อง ก็ผิดแล้ว นี่เป็นเรื่องจริง ทว่ามันไม่ใช่การเดินทางย้อนเวลาจริง ๆ มันเป็นการจัดฉาก
นี่คือการทดลองที่เรียก Counterclockwise เป็นแนวคิดของ Ellen Langer ศาตรา-จารย์จิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
1
การทดลองทำโดยให้คนแก่กลุ่มหนึ่งใช้ชีวิตในสถานที่ซึ่งจำลองสิ่งแวดล้อมของปี 1959 เพลงที่ดังผ่านวิทยุเป็นเพลงเมื่อห้าสิบปีก่อน โทรทัศน์ฉายเรื่องห้าสิบปีก่อน ประหนึ่งพวกเขานั่งยานเวลาไปปรากฏตัวในโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน ทุกคนที่เข้าไปในโลกนั้นต้องแต่งตัวตามยุคนั้น พูดจาโดยใช้ภาษาของยุคนั้น ห้ามพูดเรื่องที่เป็นเหตุการณ์หลังปี 1959
1
พูดง่าย ๆ คือ ‘สะกดจิต’ ตัวเองให้คืนอดีต เจตนามิได้ต้องการย้อนอดีตเพื่อรำลึกความหลัง แต่ทดลองเพื่อดูผลทางกายภาพเมื่อสมองเชื่อว่าร่างกายกำลังอยู่ในสภาวะของเมื่อยังหนุ่มสาว
คนจำนวนมากชอบย้อนคิดถึงอดีตอันสุขสม ถ้าเราสามารถย้อนความคิดความรู้สึกอารมณ์เรากลับไปได้ ทำไมเราไม่สามารถย้อนสภาวะทางกายภาพเราด้วย อย่างน้อยในระดับหนึ่ง?
หลังจากหนึ่งอาทิตย์ในโลกอดีต ก็ถึงเวลาวัดผลสุขภาพ ปรากฏว่าแทบทุกคนที่ร่วมการทดลองก้าวออกจากอดีตปี 1959 ด้วยสภาพร่างกายดีขึ้น ความดันดีขึ้น ประสาททุกส่วนทำงานดีขึ้น ความจำดีขึ้น การฟังและสายตาดีขึ้น คนที่เดินถือไม้เท้าเข้าไปในโลกอดีตกลับออกมาด้วยการเดินเอง ราวกับว่าการหลอกตัวเองว่าอยู่ในอดีต เซลล์ในร่างกายก็คืนอดีตด้วย
การทดลองนี้ชี้ว่า บางทีเป็นไปได้ว่าจิตสามารถทำงานแบบ ‘ย้อนเวลา’ และทำให้ร่างกายหนุ่มขึ้น หรือพูดง่าย ๆ คือพลังจิตสามารถคุมร่างกาย และถ้าจิตสามารถทำเรื่องนี้ได้ ใครจะรู้ว่ามันสามารถมีพลังรักษาหรือทำเรื่องที่มากกว่านี้ได้หรือไม่
บางทีมันอาจสามารถรักษาโรคที่การแพทย์บอกว่ารักษาไม่ได้
การทดลองยังบอกเป็นนัยว่า ความแก่อาจเป็นผลจากความคิดว่าเราแก่
มากกว่าความเสื่อมจริง ๆ ทางกายภาพ
1
มันอาจแปลว่าคนเราแก่เพราะเราคิดว่าตัวเองแก่
2
คนเราเมื่ออายุเพิ่ม จำเป็นต้องแก่ตามอายุด้วยหรือไม่? หรือว่าความแก่เป็นความรู้สึกทางใจมากกว่าทางกายภาพ? เป็นไปได้ไหมที่เราชะลอความแก่โดยคิดว่าเราไม่แก่?
1
คนจำนวนมากในโลกมีความสุขในวัยเด็ก หรือมีความทรงจำบางท่อนที่ดีมาก เป็น ‘happy moment’ ที่ทุกครั้งเมื่อระลึกถึง จะมีรอยยิ้มที่ริมฝีปากเสมอ
บางครั้งในการบำบัดจิต ก็สะกดจิตตัวเองโดยระลึกภาพสวยงามเหล่านี้ ทำให้จิตนิ่งขึ้น และผ่อนคลาย
1
เมื่อจิตดี สุขภาพก็ดีขึ้นด้วย
เราอาจไม่มีทางหยุดตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้นทุกวินาที แต่เราอาจหยุดความรู้สึกแก่
ไม่ว่าการทดลอง Counterclockwise จะใช้ได้กับทุกคนหรือสามารถขยายขอบเขตของมันไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้หรือไม่ มันทำให้เราต้องย้อนคิดใหม่ว่า บางทีเราถูก ‘สะกดจิต’ ให้อยู่ในกรอบคิดว่าสูงวัย = ความแก่ มาตั้งแต่เด็ก เรามองภาพคนแก่ทำกิจกรรมของคนหนุ่มสาวว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด
มองไปรอบตัวเรา เราพบว่าคนสูงวัยบางคนแก่หง่อม บางคนยังกระฉับกระเฉง เป็นเพราะพันธุกรรมอย่างเดียวเช่นนั้นหรือ?
1
ในเรื่องอายุและความแก่ เรามักมีกรอบคิดเฉพาะอย่าง เวลาคนสูงอายุลืมเรื่องบางเรื่อง จะบอกว่า “ฉันแก่แล้ว จึงขี้ลืม”
เราชอบโยงการขี้ลืมกับความแก่
มันทำให้สังคมเกิดภาพฝังหัวว่า ถ้าอายุมาก ก็สมควรขี้ลืม ซึ่งไม่ถูกเสมอไป การขี้ลืมอาจเป็นเพราะนอนไม่พอ หรือไม่สนใจในเรื่องนั้น ๆ ก็ได้ อาจไม่ใช่เพราะอายุ
คนสูงวัยจำนวนมากไม่ทำกิจกรรมหลายอย่าง เพราะสะกดจิตตัวเองว่า “ฉันแก่เกินไป”
เมื่อปวดหลัง ก็บอกว่า “ฉันแก่ กระดูกจึงเสื่อม” ความจริงที่ปวดหลังอาจเพราะเผลอยกของหนัก
ดังนั้นการสร้างกรอบคิดอายุมาก = แก่ จึงอาจทำร้ายเราเอง หรือทำให้เสียโอกาสพบสิ่งดี ๆ ในชีวิต
1
อาการป่วยหลายอย่างเกิดจากใจป่วย ใจบอกให้ป่วย บอกว่าเราจะรู้สึกแย่ ร่างกายก็เชื่อฟัง
ในทำนองกลับกัน หากเราเปลี่ยนพลังจิตเป็นบวก ก็อาจทำให้โรคจริง ๆ ลดลง หรือความแก่หายไป
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
1
ผมรู้จักคนที่อายุ 74 ยังวิ่งมาราธอน คนแก่จำนวนไม่น้อย อายุเลข 90 แล้ว ยังออกกำลังกาย เต้นรำ และทำกิจกรรมอื่น ๆ
2
ผมเคยเห็นภาพหญิงชราเตะตะกร้ออย่างสนุกสนาน เพราะอยากเตะตะกร้อ ไม่ได้โยงการเตะตะกร้อกับอายุ
2
เมื่อไม่ได้คิดโยงว่าคนแก่เตะตะกร้อไม่ได้ ก็สนุกกับกิจกรรมที่อยากทำ
คนแก่มักแก่ที่ใจก่อน
และเมื่อใจไม่แก่ ก็ไม่ต้องทวนเข็มนาฬิกาชีวิต
1
จากหนังสือ #ความสุขเล็กๆก็คือความสุข สนใจซื้อตรงจากนักเขียนที่ https://bit.ly/2Q05gHz
โฆษณา