6 มี.ค. 2022 เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
ในสมัยสงครามโลก ใครจะคิดว่านอกจากปืนกับระเบิดที่ใช้สู้กันแล้ว ยังมีอาวุธสุดแปลกที่ไม่คิดว่าจะใช้ได้จริงในสงครามสมัยใหม่ แต่มันมีขึ้นจริง และอาวุธบางชิ้นก็ใช้งานได้ดีเสียด้วย บางชิ้นก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอาวุธอะไรที่น่าสนใจบ้าง
1) Trench-Raiding Clubs
อาวุธชิ้นนี้เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งดูเป็นกระบองที่หน้าตาดูธรรมดา ในยุคสมัยที่เขารบกันด้วยปืนและระเบิด ทำไมยังเอากระบองมาตีกันอีก? จริงๆแล้วอาวุธชิ้นนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เป็นกระบองไม้ที่หุ้มปลายด้วยเหล็ก บ้างก็ติดสิ่งแหลมคมเพื่อใช้ปลิดชีพศัตรูได้เร็วขึ้น แถมยังเบาและใช้งานง่าย กระบองชิ้นนี้ถูกนำมาใช้บ่อยครั้งในการบุกเข้าโจมตีสนามเพลาะของศัตรูเวลากลางคืน เพราะมันเงียบและใช้ได้ผลดี ทำให้ศัตรูตั้งตัวไม่ทัน กระบองชิ้นนี้นับว่าเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในสมัยนั้นเลย
2) Aerial Darts / Flechette
อาวุธชนิดนี้ดูไม่ธรรมดาเลยทีเดียว มันคือลูกดอกดิ่งเวหา เดิมทีถูกคิดค้นโดยชาวอิตาเลียนระหว่างปี 1911-1912 และถูกใช้ครั้งแรกโดยกองทัพฝรั่งเศสในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากคนและระเบิดที่ถูกทิ้งจากเครื่องบินแล้ว ยังมีลูกดอกเหล็กปลายแหลมยาว 5 นิ้ว บ้างก็มีขนนกติดที่ปลายลูกดอกเพื่อควบคุมทิศทางได้ดีขึ้น
ลูกดอกดิ่งเวหานี้สามารถปล่อยจากเครื่องบินได้ได้สูงสุดถึง 250 ลูกในครั้งเดียว มีนักบินชาวฝรั่งเศสรายหนึ่งเคยปล่อยลูกดอกโจมตีแนวรบของเยอรมันกว่า 18,000 ลูกในวันเดียว ซึ่งมองอย่างนี้แล้วอาวุธชิ้นนี้น่าจะมีประสิทธิภาพทำลายล้างสูงเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่เลย การปล่อยลูกดอกโจมตีเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับยิงปืนจากเครื่องบินเลย
ถึงแม้ลูกดอกนี้จะสามารถปลิดชีพศัตรูได้ก็จริง แต่ปัญหาคือมันตกไปไม่โดนคนนี่แหละ เพราะมันไม่สามารถควบคุมทิศทางได้เลย มีรายงานออกมาว่าทหารที่โดนสังหารด้วยลูกดอกนี้มีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนลูกดอกที่ปล่อยลงมา และในที่สุดลูกดอก Flechetts นี้ก็ถูกยกเลิกการใช้งานไป
3) Goliath
หุ่นยนต์รถถังที่หน้าตาเหมือนหุ่นยนต์สำรวจดวงจันทร์ตัวนี้มันทำอะไรได้? หุ่นยนต์ Goliath ตัวนี้ถูกคิดค้นโดยกองทัพเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งไปลอบวางระเบิด ควบคุมด้วยรีโมต ซึ่งมี 2 โมเดลด้วยกันคือโมเดลที่ใช้แบตเตอรี่ที่แบกน้ำหนักได้ 60 กิโลกรัม และแบบใช้เครื่องยนต์ที่สามารถแบกน้ำหนักได้ 100 กิโลกรัม เดินทางได้ 650 เมตร
หุ่นยนต์ตัวนี้ถูกนำไปใช้งานเพื่อการทำลายสิ่งก่อสร้าง บังเกอร์ หรือแนวโจมตีของศัตรู บ้างก็ถูกส่งไปเคลียร์ทุ่นระเบิด ถึงแม้ประโยชน์ของมันจะฟังดูดี แต่น่าเสียดายมันใช้งานจริงได้ไม่ดีนักเพราะสายไฟควบคุมถูกตัดได้ง่าย แถมยังเคลื่อนที่ได้ช้า ทำให้เป็นเป้าโจมตีได้ง่าย
หุ่นยนต์ตัวนี้ถูกสร้างมาทั้งหมด 2,650 ตัวในระหว่างปี 1942-1944 และกองทัพเยอรมันยังคงคิดค้นโมเดลตัวใหม่ๆออกมาเพิ่มเติม แต่สุดท้ายก็ถูกยกเลิกไป
4) Anti-Tank Dogs
สุนัขมีบทบาทสำคัญหลายอย่างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ภารกิจค้นหา และส่งยาในสนามรบ
แต่กองทัพโซเวียตไม่ได้คิดแบบนั้น กองทัพโซเวียตได้ฝึกสุนัขเหล่านี้ให้กลายเป็นอาวุธต่อต้านรถถัง เพราะสมัยนั้นโซเวียตไม่มีอาวุธต่อต้านรถถังที่มีประสิทธิภาพมากนัก โซเวียตมีโครงการฝึกสุนัขนี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยปี 1930 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก
สุนัขต่อต้านรถถังจะถูกฝึกให้คลานใต้รถถังศัตรูพร้อมกับแบกระเบิดที่ติดอยู่ที่ตัวด้วย ซึ่งรายงานบอกว่า สุนัข 1 ตัวสามารถแบกระเบิด TNT ได้ถึง 12 กิโลกรัม ตัวจุดระเบิดจะทำงานเมื่อสัมผัสเป้าหมาย สุนัขเหล่านี้จะถูกฝึกและส่งไปรบร่วมกับ The Red Army
สุนัขต่อต้านรถถังชุดแรก (212 ตัว พร้อมคนฝึกอีก 199 คน) ที่ได้ออกรบ ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะรบในที่โล่ง ทำให้กองทัพเยอรมันยิงสุนัขเหล่านี้จนตายหมดก่อนที่สุนัขจะวิ่งมาถึงด้วยซ้ำ ประกอบกับการฝึกที่ผิดพลาด ที่ฝึกให้สุนัขดมกลิ่นน้ำมันดีเซลของรถถังและวิ่งไปหา แต่รถถังของฝั่งเยอรมันใช้แก๊สโซลีน ทำให้สุนัขสับสนและไม่เข้าใจในคำสั่งของคนฝึก
แต่ต่อมากองทัพโซเวียตก็ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกและยังคงใช้สุนัขต่อต้านรถถังต่อไป
1
ในปี 1941 ปีเดียว สุนัขได้ถูกส่งออกไปรบแนวหน้าถึง 1,000 ตัว และปีต่อมาได้เพิ่มเป็น 2,000 ตัว
สุนัขต่อต้านรถถังเหล่านี้ทำลายรถถังของศัตรูได้ทั้งหมด 304 คัน ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ต่อมาในช่วงกลางปี 1943 สถานการณ์ในแนวหน้าเปลี่ยนไป The Red Army เริ่มมีอาวุธต่อต้านรถถังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้โครงการสุนัขต่อต้านรถถังถูกยกเลิกไป
ภารกิจนี้ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ที่ส่งสุนัขเหล่านี้ไปฆ่าตัวตายในสนามรบนับพันตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากและไม่ควรเกิดขึ้นเลย
5) FU-GO Balloon Bombs
credit : https://www.atomicheritage.org/history/japanese-balloon-bombs-fu-go
ในปี 1944 ญี่ปุ่นได้คิดขึ้นระเบิดบอลลูนเพื่อโจมตีสหรัฐ ซึ่งเป็นแผนที่ฟังดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่ กองทัพญี่ปุ่นได้ส่งบอลลูนติดตั้งระเบิดที่ทำจากกระดาษเพื่อบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก โดยใช้กระแสลมกรดในการกำหนดทิศทางไปยังสหรัฐ
ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 1944 กองทัพญี่ปุ่นได้ส่งบอลลูนชุดแรกไปทั้งหมด 1,000 ลูก และประมาณการว่าบอลลูนจะตกไปยังฝั่งสหรัฐประมาณเดือนเมษายน ปี 1945
แต่หลังจากสิ้นสุดสงคราม รายงานเปิดเผยว่าจำนวนที่แท้จริงคือ 9,000 ลูก แต่อย่างไรก็ตาม บอลลูนที่ถูกส่งไป มีแค่ลูกเดียวเท่านั้นที่คร่าชีวิตคนไปได้ และไม่ใช่ทหารด้วย แต่เป็นหญิงท้องคนหนึ่งกับลูกของเธออีก 5 คน ที่อาศัยอยู่ในป่า ซึ่งเสียชีวิตจากไฟป่าที่เกิดจากบอลลูนระเบิด ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งอาวุธที่เสียทรัพยากรไปอย่างมากแต่นำไปใช้จริงไม่ได้
6) Dummy Tanks
รถถังดัมมี่หรือรถถังเป่าลม ถูกใช้งานมาแล้วทั้งในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 แต่ถูกนำมาใช้งานอย่างจริงในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งฝ่ายเยอรมันและฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งฝั่งอังกฤษที่เป็นคนคิดค้นขึ้น โดยเรียกมันว่า “Spoofs”
เหตุการณ์อย่างศึกบนหาดนอร์มันดีก็มีการนำรถถังดัมมี่มาใช้เพื่อหลอกฝั่งเยอรมันว่ามีรถถังมากกว่า และยังนำมาแทนที่รถถังจริงขณะมีการเคลื่อนย้ายรถถังจริงไปที่อื่น เพื่อหลอกฝั่งเยอรมันว่าตำแหน่งของรถถังยังอยู่ที่เดิม ซึ่งใช้ได้ผลในการหลอกเยอรมันว่าอังกฤษจะบุกที่ Pas-de-Calais แต่จริงๆแล้วมาบุกที่หาด Normandy
แผนการนี้ถูกนำมาใช้ในศึกสำคัญต่างๆ หลายครั้ง และไม่ได้มีแค่รถถังอย่างเดียว แต่มีทั้งรถเกราะ ปืนใหญ่ รวมถึงเครื่องบินด้วย
แม้รถถังดัมมี่จะไม่ใช่อาวุธที่ทำความเสียหายโดยตรง แต่สามารถทำความเสียหายด้านกลยุทธ์ของศัตรูได้เป็นอย่างดี
อาวุธสุดแปลกที่ถูกใช้ในสงครามยังมีอีกมากมาย แต่ครั้งนี้ลุงเบ็นขอยกตัวอย่างไว้เพียงเท่านี้ก่อน อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ลุงเบ็นด้วยนะครับ
Reference :
โฆษณา