7 มี.ค. 2022 เวลา 14:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
// MASSive TV : สื่อบันเทิงเรื่องใด ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งใหญ่ที่สุด และยาวนานที่สุด ? //
นี่ยังคงเป็นบทความในช่วงบรรยากาศอบอวลเต็มไปด้วยความรัก แต่ในครั้งนี้เป็นการรัก รักที่จะละเมิด รักที่จะเป็นการลัก “ลักขโมย และ ละเมิดลิขสิทธิ์” และเหตุการณ์สำคัญของการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งใหญ่ที่สุด และมีความเสียหายมากที่สุดในระดับโลก
เราต่างรู้กันดีอยู่ว่า “การละเมิดลิขสิทธิ์” หรือ “การทำซ้ำในแบบที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ได้มีความยินยอม” มักเข้าข่ายเป็น “อาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ซึ่งมีความผิดทางกฏหมายฐานอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งระบุโทษสูงที่สุด คือ “จำคุก” เบาที่สุด คือ “จ่ายค่าปรับ” ซึ่งค่าปรับอย่างต่ำ คือ 50,000 บาท (อัตราโทษปรับที่ระบุไว้เป็นไปตามกฏหมายในแต่ละประเทศ)
เหตุการณ์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งใหญ่ที่สุด ซึ่งถือได้ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ จนถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ของสื่อโลก และ “กินเนสบุ๊ค เวิลด์เรคคอร์ด” ได้จารึกไว้เป็นสถิติโลกอีกด้วย คือการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื้อหาซีรีส์ “Game of Thrones”
ซึ่งการละเมิดลิขสิทธิ์ กระทำผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยมีการละเมิดลิขสิทธิ์ 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ 1. แชร์ไฟล์ซีรีส์ในรูปแบบบิตทอเรนต์ คือ การดาวน์โหลดไฟล์อย่างผิดกฏหมาย ซึ่งเป้นการละเมิดลิขสิทธิ์ 2. การสตรีมมิ่งซีรีส์ออนไลน์โดยที่ไม่ได้ทำหนังสือขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์
ซึ่งการละเมิดลิขสิทธิ์ 2 รูปแบบใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นกับซีรีส์ “Game of Thrones” นับว่าเป็นประเด็นที่ใหญ่และมีผลกระทบต่อผู้ผลิตซีรีส์อย่างมหาศาลพอสมควร ทั้งในแง่เรตติ้งและเงินทุนสนับสนุนซึ่งเป็นทุนให้แก่ผู้สร้างผลิตผลงานซีรีส์ซีซั่นต่อๆไป
ทั้งนี้ ความโด่งดังในตัวซีรีส์ “Game of Thrones” ซีรีส์ที่ว่าด้วยเนื้อหาการดิ้นรนต่อสู้ของอำนาจระหว่างตระกูลผู้สูงศักดิ์ในหลายๆฝ่ายเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ในทวีปที่มิอาจมีอยู่จริงบนโลก เป็นซีรีส์ที่มีความแฟนตาซีและมีความลุ้นระทึกในการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันในสไตล์นักรบอีกด้วย
ด้วยเนื้อเรื่องที่มีความความซับซ้อนซ่อนเงื่อน พลิกกันไปพลิกกันมาอย่างหลายตลบ จนซีรีส์ฮิตติดลมบน ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นที่ท็อปฮิตของแฟนๆ ซีรีส์อเมริกัน อย่างไม่อาจปฎิเสธได้
เหตุการณ์การละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นเมื่อซีรีส์เข้าสู่ในซีซั่นที่ 5 ซึ่งเนื้อหากำลังที่เข้มข้น จึงทำให้เกิดการแชร์ไฟล์บิตทอเรนต์แบบละเมิดลิขสิทธิ์ ของ “Game of Thrones” Season (SS) 5 Episode 1 "The Wars to Come" เพียงไฟล์เดียวกลับมีการถูกแชร์มากที่สุดถึง 200,000 กว่าดาวน์โหลดภายใน 24 ชั่วโมง (สถิติถูกบันทึกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2558)
ต่อมาในปี 2560 กลับเป็นปีที่ทำให้ซีรีส์ “Game of Thrones” ถูกจับตามองอีกครั้ง เนื่องจากแฟนๆจำนวนมากได้กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ “Game of Thrones” SS6 Episode 1 "The Red Woman" ซึ่งละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการแชร์ไฟล์บิตทอเรนต์มากสุดถึง 400,000 กว่าดาวน์โหลด (สถิติถูกบันทึกเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560)
จนกระทั่ง “Game of Thrones” ประกาศเปิดตัว SS7 Episode 1 "Dragonstone" ไปเมื่อ พ.ศ. 2560 กลับถูกพบว่า การละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบแชร์ไฟล์บิตทอเรนต์ได้ลดลง กลับมีการสตรีมมิ่งโดยที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ขึ้นมาแทนที่จากการแชร์ไฟล์บิตทอเรนต์ รวมทั้งหมดทั้งซีซั่น 7 รวมกันกว่า 1,000 ล้านครั้ง
นอกจากนี้ในการเปิดตัวตอนแรกในซีซั่น 7 ของ “Game of Thrones” ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาจากผู้อุดหนุนการรับชมซีรีส์ในรูปแบบที่ถูกกฏหมาย ทำให้เรตติ้งที่วัดจากการรับชมผ่านหน้าจอ ถูกวัดและเก็บค่าสถิติการรับชมผ่านช่องทางออนแอร์สดและสตรีมมิ่ง HBO GO และ HBO NOW ไปได้แค่ 10.11 ล้านคน เท่านั้น
และซีรีส์ “Game of Thrones” ซีซั่นสุดท้ายในปี 2562 ได้มีรายงานถึงสถิติตัวเลขจากการผู้คนที่ละเมิดลิขสิทธิ์การรับชมสตรีมมิ่งโดยที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นจำนวนสูงถึง 54 ล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโม
ซึ่งอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซีรีส์ “Game of Thrones” เมื่อปี 2560 กลับถูกพบว่า 10 ประเทศที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์จากดูสตรีมมิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตมากที่สุดตามลำดับ ได้แก่ อินเดีย, จีน, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ไนจีเรีย, อิหร่าน, เคนยา, ฝรั่งเศส, แคนาดา และออสเตรเลีย
นอกจากนี้ พบว่าอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านบริการสตรีมมิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตมากถึง 85% รองลงมาคือ ไฟล์บิตทอเรนต์ 9% และการดาวน์โหลดแบบโดยตรงทั่วไป 6%
กระแสความนิยมในซีรีส์ Game of Thrones เริ่มพุ่งทยานตามเนื้อหาที่เข้มข้นอยู่เรื่อยๆ ใน SS 1 ปิดตัวไปด้วยยอดคนดู 2.52 ล้านคน SS2 ยอดปิดตัวไป 3.80 ล้านคน SS3 ยอดปิดตัวไป 4.97 ล้านคน จนกระทั้งเนื้อหาเริ่มมีความเข้มข้น SS4 ยอดผู้รับชมกระโดดสูงขึ้นไปที่ 6.84 ล้านคน SS5 ก็ยังรักษามาตรฐานซีรีส์ไว้เหนียวแน่นถึง 6.88 ล้านคน
จนกระทั่งเนื้อหาของซีรีส์เริ่มมีการขมวดปมและทำให้ยิ่งน่าติดตามมากขึ้นใน SS6 จนปิดที่ตัวเลขยอดคนดูถึง 7.69 ล้านคน จนกระทั่งเรื่องราวใกล้คลายปมใน SS7 ฐานคนดูมากขึ้นกว่าแต่เดิมถึง 10.26 ล้านคน และจนมาถึงซีซั่นสุดท้าย SS8 พร้อมบทสรุป ปิดด้วยยอดคนดูที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซีรีส์เรื่องนี้ด้วยยอดคนดูสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 11.99 ล้านคน
จากปรากฏการณ์ความโด่งดังของซีรีส์ Game of Thrones ก็ก่อให้เกิดปรากฎการณ์การละเมิดลิขสิทธิ์อย่างมากมาย จนต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ซีรีส์ยุคใหม่ที่มีการใช้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเป็นอีกหนึ่งช่องในการเผยแพร่คอนเทนต์ นอกเหนือจากการเผยแพร่ผ่านทางทีวี ซีดี และดีวีดีแบบเดิม
เรียบเรียงบทความโดย คิม ธีรภัทร (Mass Media Thailand)
ข้อมูลอ้างอิง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา