ทุกคนเคยได้ยินเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องเพียงหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์ไอซ์แลนด์ บ้างไหมครับ
ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เคยเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร ลุงเบ็นจะเล่าให้ฟังครับ
***เนื่องจากชื่อตัวละครและสถานที่ในบทความเป็นภาษา Icelandic ทำให้ยากต่อการสะกดเป็นภาษาไทย ทางผู้เขียนจึงสะกดออกมาให้ง่ายต่อการอ่าน หากสะกดคำใดผิดไป ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ***
เครดิต : https://www.earthtrekkers.com/best-things-to-do-on-the-snaefellsnes-peninsula-iceland/
คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes peninsula) เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความงดงาม รวมถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในที่แห่งนี้
สไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes) ยังเป็นสถานที่หนึ่งที่เคยเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมอันน่าสยดสยองขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องเพียงหนึ่งเดียวในไอซ์แลนด์นาม อักซ์ลาร์ บียอร์น (Axlar-Björn)
อักซ์ลาร์ บียอร์น (Axlar-Björn) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1555 เป็นน้องคนเล็กสุดในบรรดาพี่น้อง 3 คน ซึ่งชื่อจริง ๆ ของบียอร์น คือ บียอร์น เปตูร์สัน (Björn Pétursson) อาศัยอยู่กับพ่อแม่ เปตูร์ (Pétur) และ ซิกริดูร์ (Sigríður) ทั้งคู่ทำงานเป็นคนงานในฟาร์มของ ออร์มูร์ (Ormur) ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มคนอร์ (Knörr) ที่มีฐานะค่อนข้างดี
ตำนานเล่าว่า ขณะที่ซิกรีดูร์กำลังตั้งท้องบียอร์นอยู่ เธอเคยฝันร้ายและเกิดความกระหายเลือดมนุษย์ สามีของเธอ เปตูร์ ที่รักและมักเอาใจภรรยาอยู่เสมอ จึงสนองความต้องการของเธอโดยการให้เธอดื่มเลือดของเขาเอง แต่ซิกรีดูร์ก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกันที่เป็นแบบนี้ เธอจึงไประบายให้หญิงชาวนาที่อยู่ในฟาร์มฟังว่า เธอกลัวว่าลูกของเธอที่กำลังตั้งท้องอยู่อาจเป็นปีศาจ
บียอร์นไม่ต่างอะไรกับเด็กทั่วไป เมื่อเขาอายุครบ 15 ปี ออร์มูร์ได้เสนอให้บียอร์นมาอยู่กับเขาที่ฟาร์ม เพื่อทำงานแลกกับที่พักและอาหาร บียอร์นได้ย้ายไปและกลายเป็นเพื่อนสนิทกับกัวร์มอนด์เนอร์ (Guðmundur) ลูกชายของออร์มูร์
วันหนึ่ง บียอร์นได้งีบหลับไปแทนที่จะไปเข้าร่วมพิธีมิสซา เขาได้ฝันถึงคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่ยื่นจานเนื้อให้เขากิน เขาได้กินเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย แต่หลังจากที่เขากินเนื้อไป 18 ชิ้น และกำลังจะกินชิ้นที่ 19 แต่จู่ ๆ เขาก็รู้สึกป่วยและได้หยุดกินไป คนแปลกหน้าคนนั้นได้บอกกับบียอร์นว่า บนยอดเขาอักซ์ลาร์รีนา (Axlarhyrna) มีสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นผู้โด่งดังได้
วันต่อมา บียอร์นจึงรีบขึ้นไปบนเขาเพื่อหาของสิ่งนั้นทันที เมื่อไปถึงยอดเขา เขาได้เจอกับขวานเล่มหนึ่งซึ่งเขาถูกใจมาก ไม่นานหลังจากนั้น มีคนงานคนหนึ่งอายุไล่เลี่ยกับบียอร์นได้หายตัวไป จนสุดท้ายบียอร์นได้สารภาพว่าเขาได้ฆ่าคนงานคนนั้นด้วยขวานเล่มใหม่ที่เพิ่งได้มา แล้วนำศพไปฝังในกองมูลสัตว์ และนี่เป็นศพแรกที่เขาได้ฆ่าไปในวัยเพียง 15 ปี
หลายปีต่อมา ออร์มูร์ได้เสียชีวิตลง ทำให้กัวร์มอนด์เนอร์ลูกชายของเขาต้องรับช่วงต่องานในฟาร์ม และกลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในละแวกนั้น ทั้งบียอร์นและกัวร์มอนด์เนอร์เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน กัวร์มอนด์เนอร์ได้ตัดสินใจยกฟาร์มออกซ์ (Öxl) ให้บียอร์น ซึ่งเป็นฟาร์มที่สวยที่สุดในละแวกนั้นเลย และนี่เป็นที่มาของชื่อเล่นของเขา “Axlar” ซึ่งคำว่า “Axlar” เป็นหนึ่งในรูปแบบสัมพันธการ (Genitive Case) ของคำว่า “Öxl” ในภาษา Icelandic
ฟาร์มแห่งนี้เป็นที่ที่บียอร์นได้อาศัยอยู่กับภรรยาของเขา พอร์ดิส (Þórdís) นับตั้งแต่นั้นมา
ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเหตุการณ์ใดที่นำไปสู่การจับกุมตัวของบียอร์น บางรายงานเล่าว่าเขาได้ดักปล้นนักเดินทาง ขโมยม้าและสิ่งมีค่าอื่น ๆ ไป ทำให้คนในละแวกนั้นเกิดความสงสัยว่าทำไมบียอร์นถึงมีม้าเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน นักเดินทางที่ผ่านมาละแวกนี้กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ตามรายงานอื่น ๆ เล่าว่าเขาถูกจับเพราะได้ล่อลวงหญิงคนหนึ่งและลูกของเธออีกสามคนที่กำลังหาที่พักขณะเดินทาง เขาได้ล่อลวงเด็กทีละคนมาฆ่า แต่แม่ของเด็กได้หนีออกมาได้ และนำเรื่องนี้ไปแจ้งความ
ชาวบ้านละแวกนั้นได้รู้เห็นมานานแล้ว ว่ามีเหตุการณ์น่าสงสัยที่เกิดขึ้นในฟาร์มของบียอร์นอยู่บ่อยครั้ง และสงสัยว่าบียอร์นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนักท่องเที่ยวและคนงานที่มาหางานทำในละแวกนี้ เหตุผลที่บียอร์นรอดพ้นจากการกล่าวหามาได้ เพราะเขาได้รับการปกป้องโดยกัวร์มอนด์เนอร์ เพื่อนที่มีฐานะของเขานั่นเอง
สุดท้ายแล้วบียอร์นก็ถูกจับกุม และเขาสารภาพว่าเขาได้ฆ่าคนไปทั้งหมด 9 คน แต่เมื่อทางการได้ไปตรวจสอบฟาร์มของเขา กลับพบว่ามีศพที่ฝังอยู่มากกว่านั้น บียอร์นได้อธิบายว่า ศพที่เกินมานั้นเป็นศพที่พบในพื้นที่ของฟาร์มเขาก็จริง แต่เขาไม่ได้ฆ่า และแน่นอนว่าทางการไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
ซึ่งจำนวนคนที่เขาฆ่าไปนั้นยังเป็นที่สงสัยต่อไป แต่หลาย ๆ รายงานเชื่อว่า คนที่เขาฆ่านั้นน่าจะมีมากกว่า 2 เท่าจากที่เขาสารภาพไป นั่นคืออาจมากกว่า 18 ศพ (หลายคนเชื่อว่า 18 ศพนี้ มีที่มาจากเนื้อ 18 ชิ้นที่เขาเคยกินในฝันครั้งนั้น)
บียอร์นถูกตัดสินโทษประหารชีวิตในปี ค.ศ. 1596 ที่ลูการ์เบรกก้า (Laugarbrekka) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเฮลนาร์ (Hellnar) เขาถูกประหารโดยการถูกค้อนทุบแขนและขาขณะยังมีชีวิต หลังจากนั้นก็โดนตัดหัว ตัดแขน ตัดขา แล้วนำมาแขวนไว้กับเสา
ภรรยาของเขาที่มีความผิดเช่นเดียวกัน ต้องมานั่งดูบียอร์นขณะโดนประหาร รายงานเล่าว่าขณะที่เพชฌฆาตตัดแขนตัดขาบียอร์นอยู่นั้น เขาได้โยนชิ้นส่วนของบียอร์นที่ถูกตัดมาหาภรรยาของบียอร์นที่นั่งดูอยู่ด้วย
พอร์ดิส ภรรยาของเขา ก็ถูกโทษประหารเช่นกัน ด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิด และเธอยังบอกเองว่า เธอเคยฆ่าคนด้วยตัวของเธอเอง หรืออย่างน้อยก็เคยจับเหยื่อให้บียอร์นฆ่า รวมถึงยังเคยช่วยกำจัดศพแทนบียอร์นด้วย
แต่ต่อมาพอร์ดิสได้หนีโทษประหารไปได้ และขณะนั้นเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกชายอยู่ ชื่อว่า สวีน สก็อตตี้ (Sveinn Skotti) กลับกลายเป็นว่าเขาได้เชื้อพ่อมาเต็ม ๆ เพราะต่อมาเขาก็โดนโทษประหารด้วยการแขวนคอในปี ค.ศ. 1648 ในข้อหาข่มขืน และสวีนก็มีลูกชาย ชื่อ กิสลี โรคูร์ (Gísli Hrókur) ซึ่งต่อมาก็โดนแขวนคอเช่นเดียวกัน ในข้อหาก่ออาชญากรรม
ถึงแม้ว่าบียอร์นจะถูกประหารไปแล้ว ชาวบ้านในละแวกนั้นก็ยังคงกลัวว่าวิญญาณของเขาจะตามมาฆ่าคนได้อีก พวกเขาจึงได้นำชิ้นส่วนของร่างบียอร์นที่โดนตัด ไปฝังไว้ในกองหิน 3 แห่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เขากลายเป็นผีร้าย
หนึ่งในกองหินที่เคยใช้ฝังฝังศพบียอร์น
ป้ายหลุมฝังศพของบียอร์นที่อยู่ใกล้กันกับกองหิน
และนี่คือ 1 ในกองหิน ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเฮลนาวีเกอร์ (Hellnavegur) ส่วนกองหินอีก 2 กองได้ถูกทำลายไปในระหว่างการก่อสร้างถนน โดยปกติแล้วกองหินพวกนี้จะพบได้ทั่วไปในไอซ์แลนด์ เพื่อทำเป็นสัญลักษณ์บอกทาง
แต่กองหินกองนี้แตกต่างออกไป เพราะเคยเป็นสถานที่หนึ่งที่ใช้ฝังศพของฆาตกรต่อเนื่องที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์
จบกันไปแล้วครับกับตอนที่ 1 ของซีรี่ส์ "ด้านมืดของประเทศที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยที่สุดในโลก"
หากชอบและอยากติดตามตอนต่อไป อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ลุงเบ็นด้วยนะครับ
Reference :
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
