ถ้าพูดถึงองค์กรอาชญากรรมที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ก็คงหนีไม่พ้น “แก๊งยากูซ่า” ถึงแม้ว่าปัจจุบันแก๊งยากูซ่าจะลดจำนวนไปมากแล้ว แต่ก็มีช่วงเวลาหนึ่งที่แก๊งยากูซ่าได้ก่ออาชญากรรมต่าง ๆ จนเป็นข่าวหน้าหนึ่งมาแล้วนับไม่ถ้วน
หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่ลุงเบ็นจะนำมาเล่าในวันนี้ “Yama-Ichi War” สงครามระหว่างแก๊งยากูซ่าที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
สงคราม Yama-Ichi เป็นสงครามแก๊งยากูซ่า ที่ต่อสู้กันระหว่างแก๊งยามากูจิและแก๊งอิจิวะ เกิดขึ้นในระหว่างปี 1985 ถึง 1989 ที่ภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น
แก๊งยามากูจิก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1915 โดยเริ่มจากการเป็นกลุ่มสหภาพแรงงานของท่าเรือโกเบ ต่อมาได้พัฒนาไปสู่แก๊งยากูซ่าที่มีอิทธิพลมากสุดในญี่ปุ่น
จนกระทั่งปี 1970 แก๊งยามากูจิได้ครองกิจการในอุตสาหกรรมการบันเทิงของญี่ปุ่นหลายอย่าง เช่น กีฬามวย มวยปล้ำ เกมซูโม่ เบสบอล แข่งม้า และยังมีบริษัทในวงการบันเทิงอีกนับ 100 แห่ง รวมถึงกิจการผิดกฎหมายอย่างค้ายาเสพติดและการพนัน
ภายในปี 1980 เครือข่ายมูลค่าระดับพันล้านของแก๊งยามากูจิ ได้แพร่กระจายไปยัง 36 จังหวัด จาก 47 จังหวัดในญี่ปุ่น และควบคุมธุรกิจกว่า 2,500 แห่ง ตั้งแต่ธุรกิจการศึกษาและสุขภาพ ไปจนถึงอุตสาหกรรมเกมและอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่
คาซูโอะ ทาโอกะ(เสื้อโค้ทสีขาว) และแก๊งยามากูจิ
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากการตายของ คาซูโอะ ทาโอกะ หัวหน้าแก๊งยามากูจิ ฉายาของเขาคือ “เจ้าพ่อของเจ้าพ่อ” คาซูโอะได้ตายไปพร้อมกับภาวะหัวใจวายฉับพลันในปี 1981 หลังจากดำรงตำแหน่งมากว่า 35 ปี
ผู้ที่ควรจะได้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งคนต่อไปคือ เคนอิจิ ยามาโมโตะ ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งยามาเค็นในช่วงปี 1960 และเคนอิจิยังเคยทำหน้าที่เป็นมือขวาของคาซูโอะมาก่อน แต่ตอนนั้นเคนอิจิถูกจำคุกอยู่ในข้อหาขู่กรรโชก และจะมีการปล่อยตัวในปี 1982 แต่โชคร้าย เคนอิจิได้เสียชีวิตลงหลังจากนั้นเพียง 7 เดือน
ตำรวจเห็นโอกาสจากความระส่ำระสายภายในแก๊งที่ขาดผู้นำ จึงได้ตัดสินใจบุกจับแก๊งยามากูจิ โดยจับกุมสมาชิกภายในแก๊งได้รวม 900 คน ยึดปืนได้ 102 กระบอก ดาบ 192 เล่ม และยาไอซ์หนัก 2 ปอนด์
ในเวลาเดียวกัน แก๊งคู่แข่งก็ได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้สร้างความวุ่นวายเพื่อเพิ่มอิทธิพลให้แก๊งของตน อีกทั้งยังทำให้สมาชิกภายในแก๊งยามากูจิตั้งคำถามกับเหตุการณ์นี้ จนทำให้เกิดการแข่งขันภายในขึ้น
ฟุมิโกะ ทาโอกะ ภรรยาของทาโอกะวัย 62 ปี ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแก๊งชั่วคราว เพื่อรอการเลือกตั้งหัวหน้าคนใหม่ โดยมีผู้ลงสมัครชิงตำแหน่ง 2 คนคือ ฮิโรชิ ยามาโมโตะ (หัวหน้าแก๊งยามาเค็น) และ มาซาฮิสะ ทาเคนากะ (คนโปรดของฟุมิโกะ)
ภายหลัง การเลือกตั้งเกิดปัญหาขึ้นทำให้ต้องยกเลิกไป ฟุมิโกะจึงตัดสินใจเลือก มาซาฮิสะขึ้นมาเป็นหัวหน้าแก๊งคนต่อไป แต่ฮิโรชิไม่ยอมรับผลครั้งนี้ เพราะเขาไม่อยากรับคำสั่งภายใต้มาซาฮิสะ จึงนำไปสู่ความแตกแยกภายในของแก๊งยามากูจิ
ในวันที่ 19 มิถุนายน ปี 1982 ฮิโรชิได้นัดพบกับสมาชิกระดับสูงภายในแก๊งยามากูจิที่ร้านอาหารโกเบ พวกเขาตกลงที่จะแยกตัวออกจากยามากูจิ และก่อตั้งแก๊งใหม่ขึ้น ชื่อว่า “อิจิวะ” ซึ่งครึ่งหนึ่งของสมาชิกในแก๊งมาจากยามากูจิ
แก๊งอิจิวะได้รวบรวมสมาชิกมาได้ทั้งหมด 13,000 คน และได้กลายมาเป็นหนึ่งในเครือข่ายอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
หลังจากแก๊งยามากูชิรู้เรื่องนี้เข้า จึงได้เสนอเงินหลังเกษียณที่จะจ่ายให้อย่างงาม รวมถึงจะไม่ถือโทษที่ได้ออกจากแก๊งไป แก่คนที่อยากกลับมาแก๊งยามากูจิ ซึ่งส่วนใหญ่ตกลง และยินยอมที่จะกลับมาเข้าร่วมแก๊งยามากูจิ จนกระทั่งปลายปี 1984 สมาชิกแก๊งอิจิวะได้ลดลงเหลือ 2,800 คน ทำให้มาซาฮิสะมีอำนาจเหนือฮิโรชิอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 26 มกราคม ปี 1985 ยากูซ่า 4 คนจากแก๊งอิจิวะได้ลอบสังหารมาซาฮิสะภายในอพาร์ทเมนท์ของชู้ของเขาที่โอซาก้า รวมถึงฆ่าลูกน้องของเขาอีก 2 คนภายในลิฟต์
งานศพไว้อาลัยของมาซาฮิสะ ทาเนนากะ
ไม่กี่วันต่อมา สมาชิกนับพันคนรวมตัวกันเพื่อไว้อาลัยการจากไปของมาซาฮิสะ และต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ แก๊งยามากูจิได้แต่งตั้งหัวหน้าคนใหม่ คือ คาซูโอะ นากานิชิ
คาซูโอะได้ประกาศสงครามกับแก๊งอิจิวะทันทีหลังได้รับการแต่งตั้ง เหตุการณ์นี้ได้จุดชนวนความขัดแย้งที่รุนแรงจนเกิดสงครามขึ้น พลเรือนทั่วไปในญี่ปุ่นถูกประกาศให้ปิดกิจกิจการร้านค้า ยุติการเช่าพื้นที่ หลีกเลี่ยงที่เปลี่ยวและแหล่งมั่วสุมของอาชญากร ให้อยู่แต่ในบ้านในเวลากลางคืน เพราะเกรงว่าสงครามจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้
ในเดือนกันยายน ปี 1985 มาซาชิ ทาเคนากะ ซึ่งเป็นน้องชายของมาซาฮิสะได้บินไปฮาวายเพื่อตกลงกับแก๊งมาเฟียอเมริกัน โดยสัญญาว่าจะขายยาให้พวกเขาแลกกับปืนยิงจรวด 3 กระบอก ปืนกลหนัก 5 กระบอก และปืนพกอีก 100 กระบอก เพื่อนำไปโจมตีสำนักงานใหญ่ของอิจิวะ อีกทั้งพวกเขายังขอมือสังหารเพื่อไปฆ่าฮิโรชิอีกด้วย
แต่กลุ่มมาเฟียอเมริกันกลุ่มนั้นได้เผยตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ปลอมตัวมา ทำให้สมาชิกระดับสูงของแก๊งยามากูจิหลายคนถูกจับกุมตัวไป รวมถึงหัวหน้าแก๊งอย่างคาซูโอะ
หลายเดือนต่อมา ระหว่างการก่อสงครามระหว่าง 2 แก๊งยากูซ่า ส่งผลให้พลเมืองหลายคนโดนลูกหลงและเสียชีวิต หนังสือพิมพ์ถึงกระทั่งต้องรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากสงครามครั้งนี้เป็นรายวันเลยทีเดียว
สงครามนี้กินเวลาไปกว่า 2 ปีจนกระทั่งมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1986 มีการโจมตีด้วยอาวุธกว่า 300 ครั้ง ยากูซ่ากว่า 1,000 คนถูกจับ อาวุธปืนนับร้อยถูกยึด และมีผู้เสียชีวิตราว 25 - 36 คน
แก๊งอินากาวะ หนึ่งในแก๊งยากูซ่าที่วางตัวเป็นกลาง เข้ามาเพื่อเป็นตัวแทนไกล่เกลี่ยและตกลงกับ 2 ฝ่ายเพื่อจบสงครามครั้งนี้ หลังจากนั้น 6 วัน แก๊งยามากูจิก็ได้ประกาศยุติสงคราม
ภายในปี 1989 แก๊งยามากูจิได้ประกาศชัยชนะเหนือแก๊งอิจิวะอีกครั้ง แก๊งอิจิวะในขณะนั้นมีสมาชิกเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยคน หลังจากนั้นไม่นานแก๊งอิจิวะก็ได้ล่มสลายไป
คนกลาง : โยชิโนริ วาตานาเบะ ฉายาของเขาคือ "Mr.Gorilla"
ในปีเดียวกัน โยชิโนริ วาตานาเบะ ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแก๊งยามากูจิคนใหม่ และไม่นานก็มีสมาชิกเพิ่มมากว่า 20,000 คน หลังจากนั้นในปี 2000 แก๊งยามากูจิมีสมาชิกรวมทั้งหมดถึง 36,000 คน และถูกพบว่าสมาชิกครึ่งหนึ่งของแก๊งเป็นตำรวจ ทำให้องค์กรนี้กลายเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลมากที่สุดในญี่ปุ่นอีกครั้ง
จบกันไปแล้วครับกับตอนที่ 2 ของซีรี่ส์ “ด้านมืดของประเทศที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยที่สุดในโลก”
หากชอบและอยากติดตามตอนต่อไป อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ลุงเบ็นด้วยนะครับ
References :
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
