8 มี.ค. 2022 เวลา 23:25 • ความคิดเห็น
5 คมคิด Seneca ตามหลักปรัชญา Stoic
คนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยกับปรัชญาหรือลัทธิ Stoic ซึ่งก่อตั้งโดยเซโน่ (Zeno) แห่งเมืองเอเธนส์ช่วงเวลาไล่เลี่ยกับพุทธกาล
ผมเริ่มเห็นคนพูดถึงสโตอิกบ่อยขึ้น คนที่ชื่ออาจคุ้นหูหน่อยก็คือ Tim Ferriss ผู้เขียน The 4-Hour Work Week และ Ryan Holiday ผู้เขียน The Obstacle is the Way และ Ego is the Enemy
หลักใหญ่ใจความของสโตอิก คือเราต้องรู้จักแยกแยะระหว่างที่สิ่งที่เราควบคุมได้ กับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ เราจะได้ไม่เสียเวลาไปกังวลกับสิ่งที่คุมไม่ได้ และไม่ปล่อยให้พลังงานลบมารบกวนจิตใจ
4
หนึ่งในนักคิดแนวสโตอิกที่โด่งดังที่สุดคือเซเนก้า (Seneca)
วันนี้เลยขอนำ 5 ประโยคที่เซเนเก้าเคยพูดไว้มาให้ชิมลางกันครับ
1. เราเจ็บปวดจากจินตนาการมากกว่าเจ็บปวดจากความจริง (We suffer more in imagination than in reality)
1
สองสัปดาห์ที่ผ่านมา การติดตามข่าวทั้งในและนอกประเทศน่าจะทำให้หลายคนไม่ค่อยได้นอน จิตใจร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความกังวลและโกรธแค้น
ไม่มีอะไรที่มาทำร้ายเราทางกายภาพเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นแต่ในหัวเราทั้งนั้น
2
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวที่สามารถทำร้ายตัวเองได้ด้วยความคิด
2
2. จงข้องเกี่ยวแต่กับคนที่ทำให้เราดีขึ้น (Associate only with people who improve you)
1
เหมือนที่เขาบอกว่า เราคือค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด เราจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้เวลากับคนที่ toxic เพราะมันจะทำให้เรากลายเป็นคนที่เราไม่ชอบไปด้วยเช่นกัน
1
เวลาเลือกที่ทำงาน ก็อย่าดูแค่เงินเดือน แต่ให้ดูหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานด้วยว่านี่คือที่ที่จะทำให้เราเก่งขึ้นหรือไม่
1
3. ยารักษาความโกรธที่ดีที่สุดคือการทอดเวลา (The greatest remedy for anger is delay)
เหมือนทุกอย่างบนโลกนี้ ความโกรธผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป หากใครทำให้หัวร้อน จะอยากพิมพ์เมลต่อว่าก็เชิญได้เต็มที่ แต่อย่าเพิ่งกดส่ง รอกลับมาอ่านดูอีกทีพรุ่งนี้แล้วเราจะรู้สึกว่าอย่าส่งเลยดีกว่า แล้วปัญหาก็จะลดลงไปอีกหนึ่งเรื่อง
2
4. ให้คุณค่ากับเวลามากกว่าสิ่งของ (Value your time more than your possessions)
เราเอาเวลาไปทำงานเพื่อแลกเงิน และเอาเงินไปซื้อสิ่งของ ยิ่งยุคนี้เราถูกกระตุ้นจากหลายทิศทาง แถมการกดซื้อก็แสนง่ายดาย เราจึงมีของหลายชิ้นที่ซื้อมาแล้วไม่ค่อยได้ใช้ กลายเป็นว่าขาดทุนสองเด้ง เสียทั้งเวลาชีวิตที่เอากลับคืนมาไม่ได้ และเสียทั้งพื้นที่ว่างภายในบ้านซึ่งหายากขึ้นทุกที
2
5. ความตายไม่ใช่เรื่องของอนาคต เพราะแท้จริงแล้วเรากำลังตายอยู่ทุกวัน (Death is not in the distant future. We are dying every day)
3
ความจริงที่เราหลีกเลี่ยงมากที่สุดก็คือสักวันเราต้องตาย เราจึงไม่พูดถึงมัน เราจึงทำเป็นลืมๆ ไปซะ แล้วเราก็หันไปสนใจเรื่องอื่นพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้
2
แต่หากเราคิดถึงความตายอยู่เนืองๆ เราจะขุ่นเคืองน้อยลง เราจะใช้เวลากับเรื่องไร้สาระให้น้อย แล้วหันมาทำสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและมีประโยชน์อย่างแท้จริง
2
โฆษณา