12 มี.ค. 2022 เวลา 02:35 • สุขภาพ
รีวิวชีวิตติดเฝือก
ผมน่าจะหายไปจาก blockdit ในฐานะนักเขียนไปนานเกือบๆ 6 เดือนแล้วนะครับ แต่กลับกัน ผมยังแวะมาส่องหาคอนเทนต์อ่านอยู่เรื่อยๆ
บทเรียนชีวิตที่ทำให้เราได้ขบคิด
เหตุผลของการหยุดเขียน เพียงเพราะคิดว่า เรื่องที่เขียนมันดูเป็นเรื่องธรรมดา เป็นความคิดส่วนตัว คงไม่มีใครอยากอ่าน
แต่เรื่องที่ทำให้กลับมาเขียนอีกครั้งในวันนี้ ก็ยังคงเป็นเรื่องปกติธรรมดานั่นแหละครับ แต่สิ่งที่กว้างออกไป อาจเป็นบทเรียนบางอย่างที่เอาไปประกอบใช้ชีวิตใครได้บ้าง
6 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา นอกจากจะตามล่าฉีดวัคซีนมาจนถึงเข็มที่ 3 แล้ว การดำเนินชีวิตของผมก็ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงเข้ามาพร้อมๆ กันอีกหลายอย่างด้วย และหนึ่งในนั้นคือ การประสบอุบัติเหตุ ที่มองว่าเดี๋ยวก็หายในตอนแรก แต่ตอนนี้ กินเวลามาเกือบ 1 เดือน
อุบัติเหตุที่ผมได้รับมานั่น คือเอ็นข้อมือซ้ายฉีก จากที่พยายามจะพยุงไม่ให้รถมอเตอร์ไซค์ล้ม เพราะตั้งขาตั้งเดี่ยวไม่ดี แล้วพยายามใช้มือประคองที่แฮนด์จนข้อมือบิด ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่า น่าจะช้ำๆ ปวดๆ ทายาก็หาย
พอวันรุ่งขึ้น อาการปวดมากขึ้น การยกของที่มีน้ำหนัก เริ่มทำได้ยากขึ้นอย่างผิดสังเกต ผมจึงตัดสินใจไปหาหมอ เพื่อตรวจเช็คอาการ ใจคิดว่า เดี๋ยวหมอคงจ่ายยากินกับยานวดก็น่าจะหายแหละ ไม่น่ามีอะไรมาก พอเข้าไปคุยกับหมอ สิ่งที่คิดไว้กับเรื่องจริงก็ดันสวนทางกัน หมอเริ่มจากถามอาการ ตามด้วยสาเหตุ และบอกให้ไปเอ็กซเรย์ แล้วเอาผลมาดูกัน ถึงตอนนี้ ผมเริ่มได้กลิ่นของความไม่ธรรมดาแล้ว
ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น ผลเอ็กซเรย์บอกว่า ผมเอ็นข้อมือฉีก จะต้องใช้เวลารักษาประมาณ 4 - 6 สัปดาห์ และต้องใส่เฝือก และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมจะได้ใช้ชีวิตใส่เฝือก ในวัย 30 กลางๆ
หมออธิบายเหตุผลที่ต้องใส่เฝือก บอกระดับความรุนแรงของสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ บอกวิธีการใส่และถอด ให้กินวิตามินซีเสริม และงดใช้แรงมือข้างซ้าย ตลอดจนย้ำว่าให้ใส่เฝือกประจำ ยกเว้นตอนอาบน้ำ
หมอนัดดูอาการอีกที หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ แต่ในช่วง ก่อน 14 วันนั้น ผมละเลยข้อปฏิบัติสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง คือการถอดเฝือกออกในช่วงที่ไม่อยากใส่ แต่ก็พยายามประคับประคองไม่ยกของหนัก ไม่ใช้มือข้างที่เจ็บทำกิจกรรมใดที่สุ่มเสี่ยง
ช่วงหลังจาก 10 วัน เข้าสู่วันที่ 11 ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดว่าทำไมมันยังไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่ ยังเจ็บๆ เวลาพยายามจะลองใช้เเรง หรือเวลาใช้มือข้างซ้ายบ้างในเวลาอาบน้ำ พอเริ่มกังวล ผมกลับไปดูรูปจากกูเกิ้ลที่พออธิบายให้ดูอีกครั้ง หมอให้พิมพ์คำว่า TFCC แล้วให้ดูว่า เส้นเอ็นฉีกขาดไป มันอยู่ตรงจุดไหน ทำไมถึงต้องใช้เวลาในการรักษา
ครบ 2 อาทิตย์ ผมกลับไปหาหมออีกครั้ง ตามนัดหมายเพื่อติดตามอาการ หลังเช็คอาการ ถามเรื่องการถอดและใส่เฝือกแล้ว หมอตัดสินใจให้ใส่เฝือกต่อ และแนะนำให้เพิ่มระดับการรักษาที่ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ด้วยการใช้เลเซอร์ความเข้มสูง
หนึ่งสัปดาห์ต่อจากนั้น ผมเข้ารักษาด้วยเลเซอร์ ครั้งที่ 1. ซึ่งแน่นอนว่า พอได้ยินว่าครั้งที่ 1. แล้ว ใจก็คิดว่าต้องอีก 2 - 3 ครั้งแน่นอน แต่คำตอบจากหมอก็สร้างความเซอไพรซ์อีกนั่นแหละ เพราะผมต้องมาทำเลเซอร์ด้วยความถี่ 2 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ต่อเนื่องอย่างน้อย 4 สัปดาห์
ความซวยในรอบนี้ ยังดีที่ประกันของที่ออฟฟิศใช้เบิกได้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ การรักษาอาจจะเร็วกว่านี้ ถ้าผมมีวินัยมากกว่านี้ ใส่เฝือกอย่างสม่ำเสมอกว่านี้
หลังทำเลเซอร์ครั้งแรก ผมกลับมาใส่เฝือกต่อเนื่อง ยกเว้นตอนอาบน้ำเท่านั้น ไปไหนมาไหนใส่หมด นอนก็ใส่ (2 สัปดาห์แรก ไม่เคยใส่นอน)
สิ่งเหล่านี้ ในทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คุณไม่ควรเพิกเฉยกับร่างกายตัวเองโดดเด็ดขาด การใช้ชีวิตโดยปราศจากแขนอีกข้าง มันน่าหงุดหงิด มันน่ารำคาญ มันเมื่อย มันลำบากไปซะทุกอย่าง แต่มันสอนให้เรามีสติ รู้จักการจัดวางและลำดับความสำคัญของชีวิตมากขึ้น
เราอาจจะทำงานได้ดี ได้รับคำชื่นชม แต่มันจะมีความหมายอะไรกับวันที่คุณทุ่มเททำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ แต่คุณกลับไม่มีเรี่ยวแรง ไม่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่สามารถดูแลคนที่คุณรัก หนำซ้ำ ยังเป็นภาระให้กับพวกเขาอีกด้วย
ไหนหละ...ความสุขของชีวิต ?
ไม่ได้ต้องใช้เงินอะไรมากมายเลย กับการฟังเสียงจากร่างกายและหัวใจของเราอย่างสม่ำเสมอ
เท่านั้นเอง.
12 มีนาคม 2565
คิดรอบข้าง
โฆษณา