13 มี.ค. 2022 เวลา 03:22 • ความคิดเห็น
ดราม่าชีวิตทำงาน ที่ชีวิตจริง ยิ่งกว่าละคร
ใครที่โลกสวยมากๆ อ่านเรื่องราววันนี้ ก็จะมีแต่คำว่า "ผิด" "ทัศนคติแย่มาก" แต่เราขอแชร์ทั้งในมุมเจ้าของกิจการเอง คนที่เป็นเจ้านายเขา และลูกน้องมาก่อน ไปจนถึงมุมมองที่แตกต่างระหว่างวิธีคิดของคนทำงานด้วยครับ
1) ระบบการศึกษาไทย เป็นระบบการศึกษาที่ไม่ได้ส่งเสริมให้คุณไปเป็นเจ้าของกิจการ เขาผลิตคนป้อนเข้าบริษัท เพื่อเป็นฟันเฟืองให้นายทุนใช้งาน ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจ เราคือโมเดลเครื่องจักรกลที่มีชีวิตผ่านหลักสูตรการศึกษาอยู่แล้ว ไม่งั้นวิชาพวกผู้ประกอบการ การลงทุน หุ้น หรือประกันชีวิต คงถูกสอนแบบเข้มข้นปลูกฝังมาตั้งแต่ประถม ให้เรารู้จักค้นหาตัวตน เพื่อเป็น "นายตัวเอง"
2) ไม่มี HR ที่ไหนเขียน Job Description ห่วยๆ เพราะในแง่ของ Corporate Branding ย่อมอยากสร้างภาพลักษณ์เรื่องทรัพยากรบุคคล เขาเขียนสวยหรูเพื่อดึงดูเครื่องจักรที่มีชีวิตอย่างเราไปทำงานให้เขาอยู่แล้ว แม้ชีวิตจริงโคตรไม่สวยงาม
3) "เขาจ้างเราแล้ว จ่ายเงินเรา เราต้องทำงานให้ดีที่สุด JD ก็มีไว้เป็นกรอบการทำงานกว้างๆเท่านั้น" ใครที่คิดแบบนี้แสดงว่า เป็นมนุษย์ที่รักษาสิทธิ์ตัวเองต่ำ (Low Assertiveness) คุณรู้อยู่แล้วว่าเข้าไม่เคารพชีวิตคุณ ไม่เคารพคำสัญญาก่อนเข้างาน แต่คุณเพิกเฉย ไม่ได้มองว่านั่นคือการกดขี่ มองว่า เราควรทำงานถวายหัว เขาใช้งานเรายังไงก็ย่อมได้ เพราะจ่ายมาแล้ว
4) คนไทยจะมีคำว่า "เกรงใจเขา" "หยวนๆ "ช่วยๆกันไปนั่นแหละ" เอาจริงๆ Land of Compromise ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ เราถูกสอนกันมาให้อะลุ่มอะหล่วย และประนีประนอม มันคือโลกแห่งการเอาเปรียบ มีคนได้เปรียบจากการใช้งานเราอย่างหนัก และมีคนเสียเปรียบจากการทำงานไม่คุ้มเงิน
5) หลายคนบอกว่า "ยิ่งทำ ยิ่งได้ประสบการณ์" แต่เราจะเถียงว่า ถ้ามีที่ไหน ให้ค่าประสบการณ์คุณเป็นเงิน กับอีกที่หนึ่งให้แต่รอยยิ้ม แล้วบอกว่า ทำแล้วจะเก่งขึ้น คุณต้องดูออกแล้วว่าคุณกินข้าว ไม่ได้กินความเก่ง ความภูมิใจเป็นอาหาร การทนทำเพราะเชื่อคุณค่าของประสบการณ์เป็นวิธีการหลอกให้ตัวเองถูกเอาเปรียบแบบโลกสวย ว่าเราเก่ง และเราเป็นคนมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน และรักองค์กร
6) จริงๆแล้ว ทั้งหมดคือโลกทุนนิยม ใช้คนเกินเงิน รีดศักยภาพพนักงานคนหนึ่งออกมาในคุ้มที่สุด ใช้มันใช้คุ้มค่าจ้างที่สุด ใช้ให้เต็มที่ที่สุด เพราะต้องการความคุ้มค่าในการจ้าง ในขณะที่วันหนึ่ง เราก็เป็นฟันเฟืองที่แก่ลงทุกวัน ถ้าเราทำงานถวายหัว เราก็แค่แก่ และตายไป บริษัทก็หาฟันเฟืองใหม่มาแทนที่ เราจะพูดว่าเรารักองค์กรได้เสมอ แต่เราอย่าลืมว่า "องค์กรไม่ได้รักเราขนาดนั้น อย่าหลอกตัวเอง"
7) ใครที่คิดว่า ก็ไม่มีทางเลือก ต้องทนทำ แสดงว่าตนเองยังไม่กล้า challenge ที่จะย้ายงานที่ค่าประสบการณ์ของตน มันควรได้เงินที่ดีกว่านี้ ไม่เชื่อในความก้าวหน้า กลัวความไม่แน่นอน กลัวที่ใหม่แย่กว่าที่เก่า แต่ถ้าเราเหนื่อย เราทำเต็มที่ แล้วจ่ายคุ้มค่า ก็ต้องลอง trade off ดูว่า "เงินซื้อเราได้ไหม? มันมากพอไหม? ให้เราย้ายงานที่ตอบโจทย์ค่าประสบการณ์เรามากกว่าที่เก่า"
8 ) พนักงานที่ยังเชื่อว่า "เจ้านายคือเจ้าชีวิต จ่ายเงินให้เรามีกินมีใช้รายเดือน ทำงานเต็มที่ทุ่มเท" เข้าใจได้ว่า เขาช่วยให้เราลืมตาอ้าปาก แต่ต้องกลับมาทบทวนด้วยว่า ศักยภาพเราไปไกลได้แค่ไหน? อย่าเเผลอกดศักยภาพ ดูถูกตัวเอง ให้ใครใช้งานเราเกินเงินที่จ่าย อย่าลืมมองตัวเองว่าเรามี "โอกาส" ไปได้ดีกว่าทนการทำงานแบบทำนาบนหลังคนหรือไม่? ถ้าไม่ทบทวน การหลอกตัวเองให้สนุกกับงาน ที่เงินไม่คุ้มค่าเหนื่อย ก็ทำให้อยู่ได้แสนนาน แต่เสียดายที่เงินไม่คุ้มความเหนื่อยเท่าไหร่เลย
9) บางคนอาจจะคิดว่า JD ก็เป็นแค่กระดาษแหละ เขาเขียนไว้เฉยๆ ใช้งานอย่างไรก็คงอีกเรื่อง แต่คิดดีๆนะ "ขนาดกระดาษใบเดียว องค์กรยังเคารพไม่ได้เลย แล้วเขาจะเคารพชีวิตพนักงานเป็นสิบ เป็นร้อยได้ยังไง" และ "บริษัทดีๆที่ไหน ที่จ้างเจ้านายห่วยๆ ไม่รักษาพนักงานที่ดี แต่เอาชนชั้นเจ้านายมากดขี่ลูกน้อง ใช้งานไม่เป็นธรรม" บริษัทแบบนั้นจะมี work environment / work culture ที่ดีได้ยังไง? บริษัทที่ฉลาดจริงๆ คงเอาเจ้านายห่วยๆออก และเคารพข้อตกลงของการจ้าง นั่นต่างหากคือที่ที่ควรอยู่
10) ใครมาเถียงที่เราพูดว่า "ไม่จริงหรอก" ก็คงได้ทั้งนั้น แต่จากมุมของคนที่เป็นมาแล้วทุกสิ่ง เราเชื่อเสมอว่า อะไรก็ตามที่สุดโต่ง ไม่สมดุล คิดแต่จะเอาเปรียบคนอื่น และขาดความคิดถึงใจผู้อื่น มันไม่ได้สร้างสังคมที่น่าอยู่ ถ้าอยากให้ใครทำงานให้เราดีๆ เราต้องดูแลเขาดีๆ เคารพเขา ให้เงินที่เหมาะกับค่างานของเขา และบริหารเขาด้วยพนักงานระดับเจ้านายที่มีความเป็นคน ถ้าบริษัทไม่ได้สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี และสิ่งแวดล้อมที่เป็น happy workplace สุดท้ายคนจะลาออกไปเรื่อยๆ คนที่อยู่ได้คือคนเหี้ยๆ ที่อยู่เพื่อกดขี่คนอื่นในองค์กรอีกที
11) ลองมองดีๆ บริษัทไหนที่มีพนักงานลาออกบ่อยๆ HR ไม่ลองตั้งคำถามหน่อยหรือว่า "ทำไม Turnover Rate ของพนักงานบริษัทเรามันสูงจัง?" เพราะถ้าบริษัทมึงน่าอยู่ ใครจะลาออกบ่อยจ๊ะ? ไม่เจ้านายเหี้ย ก็จ่ายไม่คุ้ม ใช้งานเยี่ยงทาส เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ และที่อื่นจ่ายดีกว่า ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ (น่าจะ) ดีกว่า เขาเลยหนีไปหมดแล้วไงจ๊ะ ทบทวนด้วยนะว่าจะ เอาเจ้านายระดับสูงพวกนั้นออกไป เพื่อรักษา work culture ที่ดี หรือรักษาพนักงานส้นตีนพวกนั้นไว้ ให้กัดกินบริษัท ไล่คนดีๆออกไปทั้งหมด เพราะทนอยู่ไม่ได้
12) อย่าโดนเขาหลอก เก่งก็ต้องอยู่ให้ถูกที่ไง ให้ความเก่งเราถูกเปลี่ยนเป็นเงิน อยู่ในที่ทำงานที่ให้คุณค่ากับประสบการณ์ของเรา นั่นต่างหากคือที่ทำงานที่เคารพเรา เป็นประโยชน์ต่างตอบแทน มิใช่ความสัมพันธ์แบบ "ปรสิต"
'ศรีทนได้' ก็เพราะเราทนต่อไปเรื่อยๆไง เขาเลยทำกับเราแบบนั้น ฝึกความอดทน ฝึกทำไมเอ่ย ทำงานบริษัท ทนให้เขาเอาเปรียบเป็นนางทาส ไม่ทราบว่าตรงนั้นเล่นละครช่องไหน เขาให้บทนางเอก หรือจริงๆเป็น "General เบ๊" กันแน่นะ?!?
"โชคดีนะครับ พนักงานเงินเดือนทุกท่าน"
IG & TW : ThinkTalkLoud
#ตุ๊ดส์review
#ThinkTalkLoud
โฆษณา