14 มี.ค. 2022 เวลา 11:50 • ธุรกิจ
เศรษฐีอันดับ 2 สิงคโปร์ ที่รวยจากสีทาบ้าน
หากพูดถึงแบรนด์สีทาบ้านในประเทศไทย หลายคนก็น่าจะรู้จักชื่อของสี TOA
แต่ถ้าพูดถึงแบรนด์สีทาบ้านที่เก่าแก่ หนึ่งในนั้นก็จะมีชื่อของ Nippon Paint
จากประเทศญี่ปุ่น ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1881 หรือราว 141 ปีก่อน
ปัจจุบัน Nippon Paint เป็นหนึ่งในบริษัทผลิตสีรายใหญ่ที่สุดของโลก
มีมูลค่าบริษัทราว 7 แสนล้านบาท แต่กลับมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์
ชื่อว่าคุณ “Goh Cheng Liang”
1
โดยคุณ Goh Cheng Liang คนนี้ ก็เป็นถึงมหาเศรษฐีอันดับที่ 2 ของประเทศสิงคโปร์
เป็นรองเพียงคุณ Zhang Yong เจ้าของร้านอาหารหม้อไฟ ไหตี่เลา
1
แล้วเส้นทางของคุณ Goh Cheng Liang เป็นอย่างไร
ทำไม เขาถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Nippon Paint ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณ Goh Cheng Liang เกิดในครอบครัวที่ยากจน ในประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 1928
ซึ่งเขาต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าแคบ ๆ กับพ่อแม่ และพี่น้องอีกสามคน
2
โดยมีแม่ที่คอยหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการรับจ้างซักอบรีด ในขณะที่พ่อของเขาเป็นคนว่างงาน
ในเวลาต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้เกิดขึ้น ครอบครัวก็ได้ส่งตัวคุณ Goh Cheng Liang ในวัย 12 ปี หนีภัยสงครามไปอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย
ที่นี่เอง เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่คุณ Goh Cheng Liang ได้เริ่มเรียนรู้ทักษะการทำธุรกิจ
จากการที่เขาต้องช่วยพี่เขยขายแหจับปลา เพื่อหาเงินประทังชีวิต
จนในปี 1943 เมื่อสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มคลี่คลายลง
เขาก็ได้เดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับความฝันที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ
1
หลังจากนั้น เขาได้เริ่มธุรกิจแรกด้วยการขายน้ำอัดลม
1
ผลก็คือ ล้มเหลวไม่เป็นท่า เขาจึงตัดสินใจหางานเพื่อสั่งสมประสบการณ์เพิ่มเติม
โดยเขาก็ได้ไปเป็นลูกจ้างที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง และทำงานที่นี่อยู่ราว 4 ปี
2
จนมาในปี 1949 โอกาสที่คุณ Goh Cheng Liang จะกลายเป็นเจ้าของธุรกิจก็มาถึงอีกครั้ง
เมื่อทางกองทัพอังกฤษเตรียมที่จะคืนเอกราชให้กับประเทศสิงคโปร์
กองทัพอังกฤษจึงได้มีการประมูลขายสินทรัพย์ทั้งโรงงาน สินค้าคงคลังต่าง ๆ ที่ถือครองกรรมสิทธิ์อยู่ ในราคาถูกออกไป หนึ่งในนั้นก็คือ สีเก่า ๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต
1
คุณ Goh Cheng Liang เห็นดังนั้น จึงได้รวบรวมเงินเก็บทั้งหมด เพื่อนำไปซื้อสีต่อจากกองทัพอังกฤษ โดยเหตุผลที่ซื้อมาก็เพื่อนำไปผสมสารเคมี และนำไปขายต่ออีกที
1
ด้วยความที่เขามีประสบการณ์ จากการเป็นลูกจ้างร้านค้าวัสดุก่อสร้างมาก่อน
2
เขาจึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้สารเคมี เพื่อนำมาผสมและพัฒนาเป็นสูตรสีที่มีคุณภาพมากขึ้น
จุดนี้เอง ก็ได้ทำให้สีที่เขาผสมออกมานั้น กลายเป็นที่ต้องการของตลาด
คุณ Goh Cheng Liang จึงได้ก่อตั้งแบรนด์สีของเขา โดยใช้ชื่อว่า “Pigeon” หรือที่แปลว่า “นกพิราบ”
ต่อมาในปี 1950 สงครามเกาหลีก็ได้เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดการจำกัดการนำเข้าสีจากต่างประเทศ
เหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้กลายมาเป็นโอกาสทอง ซึ่งก็ทำให้สีตรานกพิราบของคุณ Goh Cheng Liang ขายดีแบบถล่มทลาย
1
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น และยังคงหาทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น
3
คุณ Goh Cheng Liang ได้เดินทางไปถึงประเทศเดนมาร์ก เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิต
แล้วนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง
ในปี 1959 ความสามารถของคุณ Goh Cheng Liang ก็ไปเข้าตา Nippon Paint บริษัทสีชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น
1
โดยทาง Nippon Paint ได้เข้ามาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับคุณ Goh Cheng Liang เพื่อมาเปิดโรงงานที่ประเทศสิงคโปร์เป็นครั้งแรก
2
ซึ่งการที่มี Nippon Paint เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้เขาสามารถต่อยอดธุรกิจสีไปในอีกหลายประเทศ
ในขณะที่คุณ Goh Cheng Liang ก็ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของ Nippon Paint เรื่อยมา
ผ่านบริษัทที่เขาจัดตั้งขึ้นมา ชื่อว่า “Wuthelam Holdings”
ซึ่งนอกจากธุรกิจสีแล้ว คุณ Goh Cheng Liang ยังต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และร้านอาหาร
ปัจจุบัน Wuthelam Holdings ได้เข้าไปถือหุ้นใน Nippon Paint มากกว่า 50%
โดยคุณ Goh Cheng Liang ได้ส่งลูกชายของเขา คุณ Goh Hup Jin ไปนั่งเป็นประธานบริษัท Nippon Paint อีกด้วย
1
ในปีที่ผ่านมา Nippon Paint มีรายได้ 2.8 แสนล้านบาท กำไร 1.9 หมื่นล้านบาท
โดยมีสัดส่วนรายได้จากภูมิภาค แบ่งออกเป็น
 
- เอเชีย 49%
- ญี่ปุ่น 18%
- โอเชียเนีย 18%
- อเมริกา 8%
- อื่น ๆ 7%
 
โดยปัจจุบัน Nippon Paint มีมูลค่าบริษัทราว 7 แสนล้านบาท
และทำให้คุณ Goh Cheng Liang เป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 2 ในประเทศสิงคโปร์ เลยทีเดียว..
3
โฆษณา