21 มี.ค. 2022 เวลา 03:13 • การศึกษา
"กรรมที่ทำให้ได้รับผลเป็นความไม่ตกต่ำ"
ภิกษุ ท. ! แต่ชาติที่แล้วมาแต่อดีต
ตถาคตได้เคยเจริญเมตตาภาวนาตลอด ๗ ปี
จึงไม่เคยมาบังเกิดในโลก
มนุษย์นี้ ตลอด ๗ สังวัฏฏกัปป์ และวิวัฏฏกัปป์
ในระหว่างกาลอันเป็นสังวัฏฏกัปป์นั้น
เราได้บังเกิดในอาภัสสรพรหม
ในระหว่างกาลอันเป็นวิวัฏฏกัปป์นั้น
เราก็ได้อยู่พรหมวิมานอันว่างเปล่าแล้ว.
----
ภิกษุ ท. ! ในกัปป์นั้น
เราได้เคยเป็นพรหมได้เคยเป็นมหาพรหมผู้ยิ่งใหญ่
ไม่มีใครครอบงำได้ เป็นผู้เห็นสิ่งทั้งปวงโดยเด็ดขาด
เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด.
ภิกษุ ท. ! เราได้เคยเป็นสักกะ ผู้เป็นจอมแห่งเทวดา นับได้ ๓๖ ครั้ง
เราได้เคยเป็นราชาจักรพรรดิผู้ประกอบด้วยธรรม
เป็นพระราชาโดยธรรม มีแว่นแคว้นจรดมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นที่สุด
เป็นผู้ชนะแล้วอย่างดี มีชนบทอันบริบูรณ์ประกอบด้วยแก้วเจ็ดประการ
นับด้วยร้อย ๆ ครั้ง,ทำไมจะต้องกล่าวถึงความเป็นราชาตามธรรมดาด้วย.
ภิกษุ ท. ! ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เราว่า
ผลวิบากแห่งกรรมอะไรของเราหนอ ที่ทำให้เราเป็นผู้มีฤทธิ์มาก
ถึงอย่างนี้ มีอานุภาพมากถึงอย่างนี้ ในครั้งนั้น ๆ.
----
ภิกษุ ท. ! ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า
ผลวิบากแห่งกรรม ๓ อย่างนี้แล
ที่ทำให้เรามีฤทธิ์มากถึงอย่างนี้
มีอานุภาพมากถึงอย่างนี้,
วิบากแห่งกรรม ๓ อย่าง ในครั้งนั้น คือ :-
(๑) ผลวิบากแห่งทาน การให้
(๒) ผลวิบากแห่งทมะ การบีบบังคับใจ
(๓) ผลวิบากแห่งสัญญมะ การสำรวมระวัง ดังนี้.
อิติวุ. ขุ. ๒๕/๒๔๐/๒๐๐.
โฆษณา