23 มี.ค. 2022 เวลา 04:56 • ความคิดเห็น
หลักๆเหมือนกันตรงที่มีเรื่อง กิน ขี้ ปี้ นอน
จริต จิตใจ อารมณ์ ดี ชั่ว เห็นแก่ตัว ก็มีไม่ต่างกัน
ต่างกันตรงที่ เวลาสัตว์ดี ชั่ว แยกแยะกันไม่ค่อยเป็น ต้องเอ็นดู ไม่ทารุณสัตว์ ไม่เอามันไปปล่อย ต้องไม่ทำร้ายมัน
ใครเลี้ยงมันต้องรับสภาพไป ถ้าเจอสัตว์นิสัยดีก็โชคดี เจอนิสัยไม่ดีก้าวร้าว เลว ไม่รู้คุณข้าวแดงแกงร้อน ก็ต้องเลี้ยงต่อไป ไม่งั้นสังคมลงโทษ
กลายเป็นว่าสัตว์มันดีกว่าคนตรงนี้ คือสังคมไปรับรอง กฎหมายไปคุ้มครอง
คนไม่ดีเราเลิกคบ เลิกเลี้ยงดู เลิกเอาเป็นบริวารได้ ไล่ออกจากบ้านได้ แต่กับหมาแมว ที่นิสัยเลวๆ ทำไม่ได้ โดนตำหนิ
เพราะถูกเหมาเข่งว่า สัตว์น่ารัก ห้ามทำร้ายรังเก เข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์ จัดให้เป็นเป็นบัว เหล่าเดียว (ขนาดคน ยังต้องจัดเป็นบัว 4เหล่า ยังมีคนพาล สันดานชั่ว เอาแต่อารมณ์ เห็นแก่ตัว หัวร้อนทนเห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ เปรียบเหมือนบัวใต้น้ำ )
สัตว์นั้น บางพวกก็ดีมีน้ำใจ จิตใจดี ฉลาด เสมือนชาติก่อนเคยเกิดเป็นมนุษย์ที่ดี แต่กรรมที่เคยทำนำส่งมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน พวกนี้มีบุญกรรมกำหนดไว้แล้ว สัตว์ชนิดเดียวกันเช่น หมา แมว ฯ ก็ยัง มีความลำบาก สุข ทุกข์ต่างกันไป
บางตัวลำบากอดอยากแล้วยังลำเค็ญ มีแต่คนจ้องทำร้ายไล่ตี
บางตัวอดอยากแต่พอถึงเวลาก็เจอคนใจบุญเอาไปเลี้ยง
บางตัวเกิดเป็นหมาแมวพันธุ์ดี เศรษฐีเอาไปเลี้ยงอยู่สุขสบายจนตายไปก็มี
คน ก็มีหลากหลาย แบ่งง่ายๆตามธรรมะ ก็บัว4เหล่า
บางคน ก็คล้ายสัตว์ ใช้แต่อารมณ์ จิตกระด้าง เยอะ เห็นแก่ตัว ไม่ว่ายากดีมีจน ทุกระดับชนชั้นเราก็จะเห็น เพราะเป็นสิ่งที่เขาสั่งสมมา หากยังขาดสติ ไม่ตระหนักเรื่องกรรม ก็คงยังสั่งสมจิตอารมณ์ที่เป็นอกุศลต่อไป
บางคน เห็นแล้วรู้เลยว่ามาจากภูมิมนุษย์ที่ดี มาจากภูมิเทวดาที่ดี เพราะมีแต่คิดดีทำดีไม่ว่ายากดีมีจน ทุกระดับสังคม นี่ก็เพราะเขาเคยสั่งสมบารมีมาก่อน และได้เกิดมาเพื่อเพิ่มพูนกุศลบารมีต่อไป
โฆษณา