23 มี.ค. 2022 เวลา 13:40 • กีฬา
ทำความรู้จัก GORE-TEX : วัสดุ "กันน้ำ" ที่เข้ามามีบทบาทในวงการสปอร์ตแวร์และสตรีทแวร์มากขึ้น | Main Stand
เทคโนโลยี ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่แบรนด์เสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกายต่าง ๆ หยิบยกมาฟาดฟันกันนอกเหนือจากเรื่องของดีไซน์ โดยเฉพาะในวงการสปอร์ตแวร์ที่ต้องแข่งกันด้วยความทันสมัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนชอบออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงสตรีทแวร์ที่ปัจจุบันไม่ได้เน้นแค่เรื่องของการออกแบบ แต่ยังมุ่งโฟกัสไปที่การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ มันจะต้องเป็นแฟชั่นไอเท็มที่ใส่เที่ยวและใส่ลุยได้ในเวลาเดียวกัน
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากที่สุดในแวดวงสปอร์ตแวร์และสตรีทแวร์ตอนนี้ คงจะหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า "กอร์-เท็กซ์" (GORE-TEX) หรือเทคโนโลยีกันน้ำ ที่มีให้เห็นตั้งแต่ในแบรนด์กีฬาอย่าง ไนกี้, อาดิดาส, รีบอค ไปจนถึงสตรีทแวร์เจ้าดัง ไม่ว่าจะเป็น ซูพรีม หรือ พาเลซ
ไม่ว่าจะเป็นแจ็คเก็ต กางเกง รองเท้า หมวก ตอนนี้อะไร ๆ ก็ใช้ กอร์-เท็กซ์ ไปหมด วัสดุหรือเทคโนโลยีที่ว่านี้มีที่มาหรือมีความน่าสนใจอย่างไร ?​ มาทำความรู้จักวัสดุชนิดนี้ให้มากขึ้นไปพร้อมกับ Main Stand
[พ่อลูกนักวิทย์]
หลายคนที่กำลังสงสัยว่า "กอร์-เท็กซ์" ที่ว่านี้คืออะไร ? มันเป็นชื่อของแบรนด์ ชื่อของผ้า หรือชื่อของผู้คิดค้น ? เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันความจริงแล้ว กอร์-เท็กซ์ เป็นชื่อของผ้าที่อยู่ภายใต้การผลิตของบริษัท W. L. Gore & Associates ที่มีอายุมา 50 กว่าปีแล้ว
ผ้า กอร์-เท็กซ์ เป็นผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำและสามารถระบายลมได้ดี เป็นผ้าน้ำหนักเบาที่มักจะนิยมใช้กันในเสื้อผ้า "เอาเตอร์แวร์" (Outerwear) หรือเสื้อผ้าที่สวมทับภายนอก อย่างแจ็คเก็ต เสื้อโค้ท รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ เช่นหมวกและถุงมือ นิยมใช้กันกับแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นผ้าที่มีความอเนกประสงค์ เหมาะแก่การรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวน โดยเฉพาะลมและฝน
กอร์-เท็กซ์ ถูกคิดค้นขึ้นโดย "โรเบิร์ต ดับเบิลยู กอร์" หรือมีชื่อเล่นที่มักจะเรียกกันว่า "บ็อบ" วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันจากซอลต์เลกซิตี้ รัฐยูทาห์ เขาเป็นลูกของวิศวกรเคมีชื่อ "วิลเบิร์ต ลี กอร์"​ ที่เคยทำงานอยู่ที่บริษัท "ดูปองท์" (DuPont) บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ที่เริ่มต้นมาจากการเป็นบริษัทผลิตดินปืนที่มักจะพัฒนาและผลักดันนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน อย่างการผลิตวัสดุจากสารประกอบโพลีเมอร์ออกมามากมาย อาทิ ไนลอน ยางนีโอพรีน หรือแม้กระทั่ง เทฟลอน ชื่อทางการค้าของ โพลีเตตระฟลูออโรเอทิลีน เทอร์โมพลาสติกที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ (Polytetrafluoroethylene : PTFE) ที่เรามักจะคุ้นเคยกันในรูปแบบของสารเคลือบกระทะกันติด (Non-stick) นั่นเอง
ในช่วงที่บ็อบกำลังเติบโต วิลเบิร์ตก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง กอร์คนพ่อได้รับอิสระจากทางบริษัทดูปองท์ให้ต่อยอดคิดค้นสารประกอบโพลีเมอร์คุณภาพดีออกมาอีก โดยมีสารตั้งต้นมาจาก PTFE ที่ใช้ในกระทะเทฟลอน แต่ไม่ว่าจะทดลองมากขนาดไหนเขาก็ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จหรือค้นพบสารประกอบโพลีเมอร์ชนิดใหม่ได้เสียที ซึ่งคนที่เข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นลูกชายของเขาอย่าง บ็อบ กอร์ นั่นเอง
กอร์คนลูกเดินตามรอยเท้านักวิทยาศาสตร์ของพ่อ เขาเข้าสู่มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ ในปี 1957 ในภาควิชาวิศวกรรมเคมีเหมือนกับพ่อของเขา ช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับตอนที่กอร์คนพ่อเริ่มสังเกตเห็นถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และมุ่งตีตลาดด้านนี้โดยเฉพาะ
กอร์คนลูกจึงเริ่มต้นฉายแววนักวิทย์โดยการช่วยพ่อของเขาแก้ปัญหาทางด้านเทคนิค อย่างการนำ PTFE มาหุ้มฉนวนทองแดงประกอบเป็นสายเคเบิลขึ้นมา จนในที่สุดทั้งสองคนก็ได้ช่วยกันคิดค้นสายเคเบิล MULTI-TET ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ได้สำเร็จ และเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของ บริษัท W. L. Gore & Associates บริษัทที่พ่อของเขาก่อตั้งขึ้นในปี 1958 หลังจากตัดสินใจลาออกจากดูปองท์หนึ่งปีก่อนหน้าและร่วมกันก่อตั้งบริษัทขึ้นกับภรรยาของเขา แม่ของบ็อบ "เจเนวีฟ กอร์"
หลังจากที่บ็อบจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี 1959 เขาได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยมินนิโซตา จนเรียนจบหลักสูตรปริญญาโทในสาขาวิทยาศาสตร์ และเรียนต่อปริญญาเอกในสาขาวิชาวิศวกรรมเคมี จนได้เป็นดอกเตอร์ในปี 1963 หลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทของพ่อเขาแบบเต็มตัวและได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับ W. L. Gore & Associates ด้วยการคิดค้นสิ่งที่เรียกว่าผ้า กอร์-เท็กซ์ ขึ้นมา
[พลาสติกยืดถือกำเนิด]
เดิมทีเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะผลิตผ้าชนิดนี้ออกมาเพื่อใช้กันลมกันฝนโดยเฉพาะตั้งแต่แรก หากแต่พยายามที่จะต่อยอดพัฒนาวัสดุ PTFE ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในปี 1967 บ็อบ กอร์ ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าด้านเทคนิคและการวิจัยของบริษัท เขาพยายามที่จะผลิตสินค้าที่มากกว่าสายเคเบิลที่เคยทำ เพราะในขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มล้ำสมัย สายเคเบิลที่ต้องใช้ก็น้อยลงเรื่อย ๆ
ในปี 1969 ระหว่างที่บ็อบทำงานอยู่ในแล็บของเขา เขาได้สังเกตเห็นว่า สารโพลีเมอร์ PTFE ที่พ่อของเขาเคยใช้สามารถขยายตัวได้ บ็อบจึงพยายามที่จะค่อย ๆ ยืดแท่ง PTFE ที่ผ่านความร้อนมาแล้วออกทีละนิด แต่มันก็ขาดบ้างหรือยังยืดตามความพอใจของเขาไม่ได้บ้าง เขาเลยลองเปลี่ยนวิธีการด้วยการยืดออกทันทีหลังจากที่วัสดุได้รับความร้อน ผลปรากฏว่าแท่ง PTFE นั้นยืดออกมาได้มากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ และเปลี่ยนสถานะจากของแข็งกลายเป็นวัสดุที่มีรูพรุน (Microporous Structure) และมีอากาศภายในมากกว่า 70%
1
จาก PTFE ธรรมดา จึงกลายมาเป็น ePTFE หรือ Expanded Polytetrafluoroethylene และจดเครื่องหมายการค้าในชื่อ "กอร์-เท็กซ์" ในที่สุด การค้นพบครั้งนี้ทำให้บริษัทของครอบครัวกอร์เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด และสิ่งที่ทำให้มันเป็นที่จดจำมากที่สุดคือการนำไปประยุกต์ใช้กับเสื้อผ้าเอาต์ดอร์
รูพรุนในสารประกอบ ePTFE ที่บ็อบค้นพบมีขนาดใหญ่กว่าโมเลกุลของไอน้ำประมาณ 700 เท่า แต่มีขนาดเล็กกว่าหยดน้ำประมาณ 20,000 เท่า นั่นหมายความว่าหากนำสารประกอบชนิดนี้มาทำเสื้อผ้า มันจะสามารถกันน้ำและในขณะเดียวกันก็สามารถระบายอากาศได้ อีกทั้งยังได้คุณสมบัติในการกันลมมาเป็นของแถม ทางบริษัทจึงได้ทดลองผลิตผ้าลามิเนต (Laminated Fabrics) หรือผ้าทอโครงสร้าง 2 ชั้น ขึ้นมาในปี 1971
แจ็คเก็ตของ กอร์ เท็กซ์ ลุยตลาดเสื้อผ้าครั้งแรกในปี 1976 การมาถึงของเสื้อผ้า กอร์-เท็กซ์ ในยุคนั้นเรียกได้ว่าได้เปรียบกว่าคนอื่นหลายเท่า เพราะยังไม่เคยมีบริษัทหรือแบรนด์ไหน ๆ ที่ผลิตเสื้อผ้ากันน้ำกันลมและระบายอากาศได้แบบนี้ ในยุคนั้นเสื้อผ้าที่เอาไว้รับมือกับสภาพอากาศหนัก ๆ มีเพียงผ้าฝ้ายเคลือบแว็กซ์ที่หนักหรือไม่ก็ไวนิลที่ทั้งหนักและร้อน ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ตอบโจทย์ทั้งสิ้น เสื้อผ้าของ กอร์-เท็กซ์ จึงได้รับความนิยมในหมู่ของคนชอบกีฬาเอาต์ดอร์เป็นพิเศษ เพราะมันมีคุณสมบัติที่ตรงข้ามกับวัสดุอื่น ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
จนถึงตอนนี้ แม้ว่า กอร์-เท็กซ์ จะไปไกลกว่าเสื้อผ้าเอาต์ดอร์แล้ว โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในวงการแพทย์ อย่างถุงมือระบายอากาศ รวมถึงการนำเทคโนโลยีของแบรนด์ไปทำชุดอวกาศโดย NASA แต่ทางบริษัท W. L. Gore & Associates ก็ยังไม่ทิ้งวิสัยทัศน์การลุยตลาดเสื้อผ้าเอาต์ดอร์ไป เพราะมันยังเป็นสุดยอดนวัตกรรมที่ขายได้มาจนถึงทุกวันนี้
[ของดีสายลุยและสายแฟชั่น]
ปัจจุบัน บ็อบ กอร์ ผู้คิดค้น ePTFE หรือ กอร์-เท็กซ์ ได้เสียชีวิตไปแล้วในวัย 83 ปี เมื่อปี 2020 เข้าได้รับการจดจำว่าเป็นหนึ่งในนักคิดค้นที่ควรค่าแก่การจดจำที่สุดคนหนึ่ง ในปี 1995 เขาเคยได้รับการบันทึกชื่อไว้ใน National Academy of Engineering หรือสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติจากการค้นพบของเขา หรือในปี 2003 เขายังได้รับรางวัลเหรียญ Winthrop-Sears ที่เป็นการมอบรางวัลที่จัดขึ้นทุกปีในแวดวงเคมี และได้รับการจดจำว่าเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเคมีและการพัฒนาของมนุษย์
จนถึงทุกวันนี้ ผ้า กอร์-เท็กซ์ จาก W. L. Gore & Associates ยังคงได้รับความนิยมเป็นพิเศษในสินค้าประเภทเสื้อผ้า เพราะมันเป็นสิ่งที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนามาทุกยุคสมัย อีกทั้งยังขยายวงความหลากหลายของสินค้าให้มีความเหมาะสมกับกีฬาหรือกิจกรรมที่ทำมากขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะเป็น The Original GORE-TEX แบบดั้งเดิมที่ใช้กันน้ำ, The GORE-TEX Infinium ที่ออกมาแบบมาเพื่อสภาพอากาศที่แห้ง, The GORE-TEX Paclite ที่น้ำหนักเบา พกพาสะดวก หรือ The GORE-TEX Pro Garments สำหรับกีฬาเอ็กซ์ตรีมโดยเฉพาะ
นอกจากสินค้าแบรนด์ของ กอร์-เท็กซ์ เอง ยังมีสปอร์ตแบรนด์อย่าง ไนกี้ ที่ได้นำเทคโนโลยีนี้ไปผสมเข้ากับสินค้าของแบรนด์ อย่างการส่ง Nike Air Force 1 GORE-TEX ออกมาในปี 2019 ที่หมดปัญหาและความกังวลว่ารองเท้าซิลลูเอทคลาสสิกจากแบรนด์เครื่องหมายถูกนี้จะเปียกน้ำ และยังมี อาดิดาส ที่จับเทคโนโลยี กอร์-เท็กซ์ มาผสมกับ EQT 93 รองเท้าสายลุยของแบรนด์ที่ปล่อยออกมาเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของรองเท้ารุ่นนี้ พร้อมให้แฟน ๆ เลือกจับจองกันในปีนี้ด้วย
เท่านั้นยังไม่พอสตรีทแบรนด์เจ้าดังไม่ว่าจะเป็น ซูพรีม, พาเลซ หรือ Y’s แบรนด์ย่อยของ โยจิ ยามาโมโตะ แฟชั่นดีไซน์เนอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อดัง ต่างก็ทยอยปล่อยสินค้าสตรีทแวร์ที่ร่วมกับ กอร์-เท็กซ์ ออกมาเรื่อย ๆ ลากยาวมาตั้งแต่ฤดูหนาวของปี 2021 มาจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิของปี 2022 และเป็นที่น่าสนใจว่าสินค้าเหล่านี้ก็ขายดีแบบเทน้ำเทท่า จนถึงขนาดมีการรีเซลเสื้อผ้าสตรีทแวร์ที่ทำกับ กอร์-เท็กซ์ บนโลกออนไลน์กันแล้ว
ตอนที่บ็อบได้ค้นพบ ePTFE เขาอาจจะไม่รู้เลยว่าอีกหลายสิบปีให้หลังมันจะกลายเป็นของที่ฮิตกันขนาดนี้ และคงนึกไม่ถึงว่ามันจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงของนักวิทยาศาสตร์หรือคนที่ชอบกีฬาเอาต์ดอร์เพียงอย่างเดียว เพราะปัจจุบันสิ่งที่เขาค้นพบมันกำลังขยายตัวออกไปในแวดวงที่กว้างขวางมากขึ้น ตั้งแต่สายเคเบิลคอมพิวเตอร์ไปจนถึงรองเท้ากันน้ำ
ใครจะไปรู้ว่าต่อไปในอนาคต เราอาจจจะได้เห็นสินค้าที่มี กอร์-เท็กซ์ เข้ามาเป็นส่วนประกอบมากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้
โฆษณา