27 มี.ค. 2022 เวลา 12:00 • ปรัชญา
#ชายจรจัดที่กลายเป็นนักลงทุน
Chris Gardner และลูกชายของเขากำลังนอนหลับอยู่บนพื้นห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าวันหนึ่งเรื่องราวของเขาจะกลายเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดยอดนิยม อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
เรื่องนี้มีที่มา
Gardner ถูกเลี้ยงดูมา ในครอบครังที่แสนอย่างยากจนโดยมี Bettye Jean แม่ของเขาและพ่อเลี้ยงที่ติดเหล้า มักทารุณร่างกายคนในครอบครัวเสมอ ๆ Gardner เกิดในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน เขาเป็นเด็กที่ไม่เคยรู้จักพ่อแท้ ๆ ของตัวเองเลย นอกจากนี้ช่วงหนึ่งของชีวิต เขายังถูกส่งไปยังบ้านอุปถัมภ์
เนื่องจากแม่ของเขาพยายามจะฆ่าพ่อเลี้ยงเพราะความสิ้นหวัง แม้จะมีความทุกข์ในวัยเด็กอยู่ไม่น้อย แต่ Gardner ก็มักจะเล่าถึงแม่ของเขาว่า “แม่ของผมคือผู้สร้างแรงบันดาลใจที่ดีที่สุด แม้ท่านจะหัวโบราณไปบ้าง แต่ท่านก็มักจะบอกผมว่า 'ลูกรัก ลูกสามารถทำหรือเป็นอะไรก็ได้ที่ลูกอยากทำและอยากเป็น’ และผมก็เชื่อ ว่าผมทำได้ 100%”
2
Gardner เล่าเสริมว่า “วันหนึ่งในวัยเด็ก ผมได้ดูการแข่งขันบาสเก็ตบอลของวิทยาลัยทางโทรทัศน์ มีผู้คนกลุ่มหนึ่งในรายการแสดงความคิดเห็นว่า ผู้เล่นบาสเก็ตบอลสามารถทำเงินได้มากว่าหนึ่งล้านเหรียญ ในวันนั้นผมตื่นเต้นมาก และแม่ยังพูดให้กำลังใจผมว่า 'ลูกรัก วันหนึ่งลูกจะเป็นคนที่มีเงินหลายล้านเหรียญได้เช่นกัน'
คำสอนของแม่
แต่ถึงอย่างนั้น เงินล้านก็ไม่ได้หามาง่าย ๆ หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย Gardner ก็ใช้เวลา 4 ปีในกองทัพเรือสหรัฐฯ หลังจากปลดประจำการอย่างมีเกียรติในปี 1974 Gardner ก็ย้ายไปอยู่ทีซานฟรานซิสโก เขาแต่งงานและเกือบจะหย่าร้าง ซึ่งนี้เป็นจุดที่ทำให้เขาเริ่มขายเครื่องมือทางการแพทย์
ทว่าวันหนึ่งชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาได้พบชายคนหนึ่งกำลังจอดรถเฟอร์รารีสีแดงไว้ข้างถนน ซึ่งในวันนั้น Gardner เข้าไปถามชายคนดังกล่าวว่า..เขาทำอาชีพอะไร.. ชายคนนั้นตอบว่า “เขาเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ชื่อ Bob Bridges”
หลังจากที่ทั้งสองได้คุยกัน Gardner ก็สนใจที่จะเข้าร่วมในสายอาชีพนี้ พวกเขาจึงนัดพบกันอีกครั้ง โดย Bridges ช่วยแนะนำ Gardner ให้เข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อฝึกงาน ซึ่งก่อนวันสัมภาษณ์ที่ DWR Gardner ถูกจับและถูกจำคุก..ข้อหาไม่ชำระค่าตั๋วจอดรถ
คุกก่อนสัมภาษณ์
ทว่าในที่สุดเขาก็สามารถมาทันเวลานัดสัมภาษณ์ได้ แม้เขาจะแต่งกายไม่เรียบร้อย เนื่องจากเขาสวมชุดเดิมหลังจากถูกปล่อยตัวออกจากคุก แต่ความกระตือรือร้นของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะได้งานนี้
1
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 Chris Gardner ในวัย 27 ปี ได้เป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น (ฝึกหัด) ดังที่ตั้งใจไว้ ทว่าในช่วงที่ฝึกงานเขาได้รับค่าตอบแทนต่ำมาก จึงทำให้เขาไม่มีเงินเพียงพอที่จะเช่าอพาร์ตเมนต์ต่อ เขาและลูกชายวัยเตาะแตะ จึงต้องไร้ที่อยู่อาศัยในซานฟรานซิสโกเป็นเวลาหนึ่งปี
Gardner และคริส จูเนียร์ น้อย อาศัยนอนตามถนน ห้องน้ำที่สถานีรถไฟ ในสวนสาธารณะ โบสถ์ และใต้โต๊ะทำงานของเขาหลังจากที่คนอื่น ๆ กลับบ้านไปหมดแล้ว
ที่นอน
พวกเขากินข้าวเหลือจากครัว ด้วยเงินเพียงน้อยนิดที่หามาได้ เขาก็ใช้สำหรับเลี้ยงดูลูกชายของเขาอย่างเต็มที่ Gardner มักจะพาลูกชายไปฝากไว้ที่เรือนเพาะชำในช่วงกลางวันเพื่อที่เขาจะได้ไปทำงาน
แม้จะมีความทุกข์ยากอยู่ไม่น้อย แต่ Gardner ก็พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้หน้าที่การงานของเขามั่นคงและเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการฝึกหัดที่แสนยากลำบาก บริษัท Dean Witter Reynolds (DWR) ก็เลื่อนตำแหน่งให้เขาเป็นพนักงานเต็มตัว
ชีวิตหลังจากนั้นของ Gardner จึงค่อย ๆ ดีขึ้น เขาสามารถเช่าบ้านสำหรับตัวเองและลูกชายได้ อีกทั้งอาชีพของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งในปี 1987 Gardner ได้ตัดสินใจเปิดบริษัทลงทุน Gardner Rich เป็นของตัวเอง
ชีวิตใหม่
หลังจากนั้น Gardner ก็เริ่มเขียนอัตชีวประวัติของเขา โดยใช้ชื่อหนังสือว่า.. The Pursuit of Happyness และนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาอีกครั้ง เนื่องจากทันทีที่ว่างขายหนังสือเล่มนี้ก็ขายดีมากเสียจน ฮอลลีวูด ต้องโทรติดต่อมาหา Gardner เพื่อขอสร้างภาพยนต์จากหนังสือที่เขาเขียน
ภาพยนตร์ชื่อเดียวกันนี้ออกฉายครั้งแรกในปี 2006 โดยมี วิล สมิธ เป็นนักแสดงนำ ทั้งยังเป็นภาพยนต์ที่ทำให้ สมิธ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบท Gardner ด้วย
Gardner เคยให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า "หากผมย้อนเวลาชีวิตของเขาได้ ผมก็เลือกที่จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย แม้ผมจะเจ็บปวดและทุกข์ยากตั้งแต่ยังเป็นเด็ก” เขากล่าว “แต่ผมคิดว่าผมตัดสินใจดีแล้ว และผมเลี้ยงลูกชายวัย 5 ขวบของผมได้อย่างดีแล้ว ซึ่งเขาสามารถบอกใคร ๆ ได้อย่างภาคภูมิใจว่าใครคือพ่อของเขา”
Christopher Gardner
ปัจจุบัน Gardner วัย 62 ปี มีมูลค่าธุรกิจประมาณ 60 ล้านเหรียญสหรัฐ (48 ล้านปอนด์) เขาใช้เวลา 200 วันต่อปีเดินทางไปทั่วโลก เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยนกับผู้คนมากกว่า 50 ประเทศ ในฐานะวิทยากรที่สร้างแรงบันดาลใจ ทั้งยังสนับสนุนองค์กรการกุศลและองค์กรไร้บ้านหลายแห่งที่ต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง
สก็อตต์ เบิร์นส์ ผู้อำนวยการบริษัท Morningstar บริษัทการลงทุนของสหรัฐฯ กล่าวว่า “คุณ Gardner เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเข้มแข็งที่น่าทึ่ง" เขาพูดเสริมอีกว่า: "คุณสามารถท้อแท้และสิ้นหวังได้ แต่เฉพาะเมื่อคุณปล่อยให้ตัวเองเป็น"
Gardner เชื่อเสมอว่าเขาสามารถหักล้างทฤษฎีที่ว่า “เราทุกคนล้วนเป็นผลพวงจากสภาพแวดล้อมในวัยเด็ก ซึ่งหากเป็นไปตามความคิดนั้น ผมน่าจะกลายเป็นคนที่ติดเหล้า ทุบตีภรรยา ข่มเหงเด็ก เป็นไอ้ขี้แพ้ที่ไม่รู้หนังสือไปแล้ว แต่ผมเลือกที่จะเดินทางเข้าหาแสงสว่างตามคำสอนของแม่ และจากคนอื่น ๆ ที่ มอบประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งดีและร้ายให้ผม แน่นอนว่าผมยอมรับมันทั้งหมดเพื่อนำมาพัฒนาชีวิตของตัวผมเอง"
ดังที่ Chris Gardner กล่าวไว้ว่า “ชะตากรรมที่เหลือของผมเกิดขึ้นเพราะผมเลือกถูกแล้ว”
ติดตามเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย
#เรื่องเล่าจากดาวนี้
โฆษณา