26 มี.ค. 2022 เวลา 07:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
สร้าง Passive Income ง่ายๆ จาก Bot Trading ด้วยกลยุทธ์ Grid Trading | ระบบเทรดด้วยกริด (Grid Trading System) Ep.1
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยได้ยินหรือรู้จักการใช้บอทเทรดหรือ Robot Trading กันมาบ้างแล้ว ซึ่งนิยมใช้เทรดกันในหลายๆ สินค้า โดยเฉพาะในการเทรดคริปโตฯ โดยข้อดีของการใช้บอทเทรดนั้นมีด้วยกันหลายข้อ คือ
1. สามารถทำการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน เนื่องจากตลาดคริปโตฯ นั้นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง และเปิดทุกวัน แน่นอนว่าหากเราซื้อขายเองก็จะต้องมีช่วงเวลาที่เราพักผ่อนนอนหลับ หรือไม่ได้เฝ้าหน้าจอ ซึ่งอาจทำให้เราพลาดโอกาสบางช่วงไปได้ แต่ถ้าหากเราใช้บอทเทรดมันจะทำงานในขณะที่เรานอนหลับพักผ่อน โดยที่เราไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอด และสามารถทำกำไรได้ในทุกๆ โอกาส
2. การใช้บอทเทรดจะช่วยขจัดอารมณ์ออกจากการซื้อขายของเรา ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจซื้อขาย โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนรุนแรง ซึ่งมักจะทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้และมักจะทำให้อารมณ์ของเราผันผวนตามไปด้วย ซึ่งการใช้บอทเทรดก็จะช่วยทำให้เราสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่มีองค์ประกอบทางจิตวิทยาที่เชื่อมโยงกับการลงทุนหรือความเสี่ยงใดๆ
3. การคำนวณ การประมวลผล หรือการดำเนินการต่างๆ ด้วยมือมนุษย์อาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย แต่การใช้บอทจะช่วยทำให้การคำนวณ การประมวลผล หรือดำเนินการต่างๆ นั้นเป็นไปอย่างแม่นยำมากกว่ามนุษย์ โดยไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจากการทำงานของมนุษย์
4. เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่ชำนาญในการใช้เครื่องมือเทรด หรือ Indicator ต่างๆ โดยเรามีหน้าที่แค่เพียงออกแบบชุดคำสั่งของระบบเทรดในตอนแรก จากนั้นก็ปล่อยให้ระบบเทรดทำงานของมันเอง แล้วเราก็ค่อยประเมินผลและปรับปรุงระบบเทรดหลังจากที่ระบบทำงานไปเรื่อยๆ
5. ช่วยสร้างรายได้ Passive income ให้ได้จริงและสม่ำเสมอ โดยที่เราแทบจะไม่ต้องทำงาน หรือไม่ต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวันทุกวัน จนทำให้เสียสุขภาพ โดยที่เราแค่ทำหน้าที่ตรวจสอบชุดคำสั่งของระบบเทรดว่ายังทำงานไปได้อย่างถูกต้องหรือไม่ และคอยปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาระบบเท่านั้นเอง
การเทรดระบบกริด หรือ Grid trading เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการเทรด โดยเป็นระบบเทรดที่จะเน้นให้ความสนใจที่ระดับราคาเป็นหลักในการตัดสินใจซื้อขายตามแนวระดับราคาต่างๆ ที่เป็นค่าคงซึ่งได้คำนวณไว้หมดแล้ว แทนการตัดสินใจซื้อขายตามสัญญาณทางเทคนิคที่ได้จากเครื่องมือต่างๆ เช่น แท่งเทียน เส้นค่าเฉลี่ย หรือ MACD โดยระดับราคาต่างๆ ของ Grid หากเอามาเรียงต่อกันถี่ๆ ก็คือ ราคา นั่นเอง
Grid trading จะช่วยให้สามารถทำกำไรได้โดยการวางชุดคำสั่งซื้อซื้อ (long) และขาย (short) ในโซนและจุดราคาที่กำหนดไว้ ซึ่งกลยุทธ์นี้ใช้ได้ทั้งภาวะตลาดที่เป็นเทรนด์ (Trend) และตลาดออกข้าง (Sideway) แต่มักจะใช้ได้ดีและมีประสิทธิภาพที่สุดในช่วงตลาด sideway มีความผันผวนสูง ในโซนราคาที่กำหนด ด้วยส่งคำสั่งซื้อ (buy order) ที่ราคาโซนต่ำโดยอัตโนมัติ และส่งคำสั่งขาย (sell order) ที่ระดับสูง ซึ่งจะสร้างผลกำไรในแต่ละครั้ง เมื่อราคาขายสูงกว่าราคาซื้อ ในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของราคาแบบ sideway ทำให้ไม่จำเป็นต้องคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาด นอกจากนี้ การเทรดระบบกริดยังจะช่วยป้องกันความเสี่ยงหรือ Hedging เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้อีกด้วย
3
โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งและตั้งค่า grid parameters เพื่อกำหนดราคาสูงสุด (upper) และราคาต่ำสุด (lower) ของ Grid และจำนวนของ Grid ได้ ซึ่งการเทรดด้วยระบบนี้ กำไรจะแปรผันตามความผันผวนของตลาด หรือกล่าวคือยิ่งช่วงราคาที่กำหนดมีความผันผวนมากเท่าไหร่ กำไรก็จะยิ่งสูงขึ้นตามเท่านั้น
ข้อดี & ข้อเสีย ของ Grid trading
ข้อดีของการเทรดด้วยระบบนี้ หลักๆเลยก็คือไม่สนใจทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา ไม่สนใจแนวโนม หรือเทรนด์เลย แต่จะโฟกัสไปที่การซื้อขายตามระบบหรือระดับราคาที่ได้ตั้งไว้แต่แรก จึงเป็นระบบเทรดที่สามารถสร้างกระแสเงินสด (Cash flow) หรือกำไรได้อย่างต่อเนื่องในทุกสภาวะตลาด โดยกำไรจะแปรผันตามความผันผวนของราคา
1
ข้อเสียของระบบนี้คือ ไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุดหรือทำกำไรได้มากที่สุด แทบจะเป็นระบบที่ทำกำไรได้น้อยเมื่อเทียบกับเงินทุนทั้งหมดที่ใช้เทรด เพราะเป็นระบบที่เน้นการบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการออกแบบระบบให้ป้องกันความเสี่ยงแบบสูงสุด หรือมีการวางเงินเต็มโดยไม่ใช้ leverage เพื่อไม่ให้เกิดการล้างพอร์ต ก็จะทำกำไรได้น้อยลง อีกทั้งยังเป็นระบบที่ค่อนข้างจะมีความซับซ้อนและยุ่งยากในการออกแบบเล็กน้อย แต่หากเราใช้งานเทรดระบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะใช้งานระบบได้อย่างมีความเข้าใจและง่ายดายมากขึ้น
สำหรับการออกแบบ Grid นั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเช่น สินค้าที่เราเทรด ระยะเวลา เงินทุน เทคนิค ฯลฯ แต่โดยส่วนมากแล้วมักจะนิยมออกแบบ Grid ตามระดับราคาที่เห็นได้ชัด และเหมาะสมกับการเคลื่อนไหวของราคา ส่วนระยะระหว่าง Grid นั้นก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และเงินทุนที่เรามีว่ามากน้อยเท่าไหร่ เช่น หากมีเงินทุนมากเราก็จะสามารถวางระยะ Grid ได้ถี่มากขึ้น แต่หากเงินทุนน้อยเราก็อาจจะต้องวางห่างมากขึ้น เป็นต้น
1
ทั้งนี้ ระบบเทรดทุกระบบนั้นย่อมมีจุดแข็งและจุดอ่อนของมันเอง สิ่งสำคัญคือเราจะต้องรู้ตัวเองว่าเรามีเป้าหมายอะไรในการเทรด เรามีความเข้าใจจริงๆ หรือไม่ แล้วหากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวเรา แล้วพยายามเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะลดจุดอ่อนและเพิ่มจุดแข็งของระบบเทรดนั้นๆ เพื่อให้ระบบเทรดมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นในระยะยาวต่อไป
*** 💻 สำหรับเพื่อนๆ ท่านใดที่สนใจสมัครใช้งานบอทเทรด (Bot Trading) เพื่อสร้างรายได้ Passive income ง่ายๆ คลิกที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ 👉 https://www.pionex.com/en-US/sign/ref/9cwM83UP
*** 💻 วิธีใช้งานบอทเทรด 👉 https://youtu.be/s2ccH9dj8bw
*** 📥 สอบถามข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ PionexThailand คลิก 👉 https://www.facebook.com/PionexThailand
🙏😊 ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ ฝากทุกท่านกด Like กด Share เพื่อแบ่งปันข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ และเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนจัดทำบทความ content ที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อไปครับ 😊🙏
📲 สนใจสมัครเปิดพอร์ตหุ้น กองทุน หรือ TFEX ติดต่อสอบถามได้ทาง Inbox ครับ
📲 สนใจสมัครเปิดพอร์ต Cryptocurrency ติดต่อสอบถามได้ทาง Inbox หรือสมัครได้ที่ลิงค์นี้ได้เลยครับครับ 👉 https://bit.ly/3psS8df
🛑 ติดต่อลงโฆษณา โปรโมทสินค้า หรือพูดคุยทักทายกันได้ทาง Inbox ครับผม 📥
#คลินิกการลงทุน
โฆษณา